รู้จัก 'แกงกะหรี่ผัก' เมนูหลักประจำแคมป์
วิวัฒนาการของอาหารญี่ปุ่นถูกพัฒนามานานหลายศตวรรษ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเมืองในประเทศทำให้หน้าตาและรสชาติของอาหารค่อยๆ
โดย...กองทรัพย์ ชาตินาเสียว
วิวัฒนาการของอาหารญี่ปุ่นถูกพัฒนามานานหลายศตวรรษ การเปลี่ยนแปลงของสังคมและการเมืองในประเทศทำให้หน้าตาและรสชาติของอาหารค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว คนทั่วโลกรู้จักอาหารญี่ปุ่นจากการคัดสรรคุณภาพของวัตถุดิบและการจัดวางในรูปแบบที่เรียบง่าย และดึงดูดด้วยสีสันของวัตถุดิบที่หมุนเวียนตามตามฤดูกาล อาหารที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็เห็นจะไม่พ้นซูชิ ซาชิมิ หรือราเมน แต่อาหารที่เป็นเมนูประจำแต่ละบ้านที่คนญี่ปุ่นกินในชีวิตประจำวันจริงๆ อย่าง “แกงกะหรี่” ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร
หากพูดถึงแกงกะหรี่ญี่ปุ่น คนส่วนใหญ่จะนึกถึงร้านที่มนุษย์เงินเดือนชาวญี่ปุ่นเดินเข้าไปกินระหว่างพักกลางวัน เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย แต่ทว่าวิธีการทำให้อร่อยจนเป็นที่เอ่ยถึงในวงกว้างนั้นทำได้ยาก เพราะโดยปกติแล้วแกงกะหรี่ที่ญี่ปุ่นเป็นเมนูอาหารที่คุณแม่ญี่ปุ่นทุกบ้านจะทำให้ลูกรับประทาน ซอสของแกงกะหรี่แต่ละบ้านจึงไม่เหมือนกัน เพราะคุณแม่จะใส่วัตถุดิบพิเศษ เป็นความลับของแต่ละบ้านที่ลูกๆ ของพวกเธอชอบเข้าไป บางคนใส่กาแฟ ใส่ช็อกโกแลต เข้าไปในตัวซอส นี่จึงเป็นความตื่นเต้นที่เด็กๆ ญี่ปุ่นจะได้รับเมื่อพวกเขากลับบ้านและได้กินอาหารที่ชอบ
แต่ความสนุกแกงกะหรี่ไม่ได้หยุดอยู่เฉพาะที่บ้าน เพราะความลับของเมนูนี้จะถูกเปิดเผยที่“แคมป์” ทาคาชิ ซาโต้ ผู้ก่อตั้งร้านแคมป์ (Camp)ร้านแกงกะหรี่พรีเมียมจาก “โตเกียว” ที่โด่งดังขนาดคนญี่ปุ่นต้องต่อแถวเพื่อให้ได้เข้าไปกิน ย้อนถึงบรรยากาศการแคมปิ้งของชาวญี่ปุ่นว่า ประเทศญี่ปุ่นจะมี 4 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ใบไม้ผลิ ใบไม้ร่วงและฤดูหนาว
ฤดูร้อนที่แสนร้อนและฤดูหนาวที่ขาวโพลนด้วยหิมะเป็นอุปสรรคต่อการตั้งแคมป์ของเด็กๆ ดังนั้น สองฤดูที่อากาศเย็นสบายเหมาะกับการล้อมวงกินแกงกะหรี่ร้อนๆ มากที่สุดก็คือ ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง สำหรับเด็กๆ สำหรับเด็กญี่ปุ่นแล้ว การได้เริ่มออกไปนอนนอกบ้านเริ่มตอน ป.5 โรงเรียนแต่ละแห่งจะพาไปซัมเมอร์แคมป์ดังนั้นแกงกะหรี่จะกลายเป็นอาหารประจำแคมป์ของเด็กๆ เพราะฉะนั้นหากพูดถึงแคมป์ อาหารที่คนจะนึกถึงก็คือแกงกะหรี่
“ไม่ไกลจากตัวเมืองโตเกียวนัก ถัดออกไปมีป่า ครอบครัวต่างๆ มักจะใช้วันหยุดออกไปแคมป์เชิงเขา พวกเขาจะขนอุปกรณ์ทำอาหาร สำหรับปาร์ตี้เอาต์ดอร์ไปด้วย แต่ที่ทำให้พวกเราสนุกมากก็คือ การได้ออกไปหาวัตถุดิบเอง สำหรับแกงกะหรี่ เราก็ไปหาชาวสวนที่ปลูกผักแถวนั้น ดังนั้น วัตถุดิบของแกงกะหรี่จึงเป็นของสด เป็นผักที่หวานกรอบ บรรยากาศรายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ได้กินอาหารที่เราเลือกทุกอย่างเอง เป็นบรรยากาศที่สนุก ผมจึงเลือกบรรยากาศเหล่านี้มาไว้ในแกงกะหรี่ของผม” ซาโต้ ย้อนบรรยากาศ
เมื่อถามถึงสิ่งที่ทำให้แกงกะหรี่ของแคมป์กลายเป็นที่กล่าวถึง หากได้ลองพิสูจน์จะรู้ว่านอกจากเคล็ดลับของซอสที่ใส่มิโสะลงไปในซอส แต่แคมป์ทำให้ภาพลักษณ์ของแกงกะหรี่เปลี่ยนไป เน้นเรื่องความเฮลท์ตี้ ทำให้สาวๆ หลงใหลแกงกะหรี่อีกครั้ง เพราะ 70% ที่เดินเข้าร้านแคมป์เป็นสาวๆ ญี่ปุ่น “สิบปีก่อนหน้านี้ ยังไม่มีเมนูผักอยู่ในร้าน แต่ไม่มีผักมิกซ์กันหลายอย่างแบบนี้ แต่มีลูกค้าคนหนึ่งที่ดูเหนื่อยมากไม่สดใส ผมเห็นว่าคาเนโกะต้องการความสดชื่น เลยทำเมนูพิเศษ โดยเอาผักที่มีอยู่ในร้านมาทำเป็นแกงกะหรี่ให้เขาสดชื่นขึ้น และคาเนโกะแนะนำให้เป็นเมนูอาหารประจำร้านและกลายเป็นเมนูยอดฮิตต่อมา
ถ้าสังเกตคนที่กินแกงกะหรี่ญี่ปุ่นทั่วไปที่เราเห็นและรู้จัก จะมีแค่ข้าวและแกงกะหรี่ คนญี่ปุ่นที่กินก็ไม่รู้ กินไปทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าซอสทำมาจากอะไรบ้าง ซอสส่วนใหญ่ทำมาจากโรงงาน อุ่นและราด ซึ่งน้ำมันและผงชูรสเยอะ กินแล้วไม่ดีต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นร้านแกงกะหรี่ที่ญี่ปุ่น 80% เป็นผู้ชายที่เข้าไปกิน แต่ที่นี่ทำสดใหม่ทุกจาน เพราะเรารู้ว่าผู้หญิงใส่ใจเรื่องอาหารการกิน ใส่ใจสุขภาพมากกว่า จึงทำแกงกะหรี่ผักออกมา ทำสดๆ เอกลักษณ์ของแคมป์คือแกงกะหรี่ผักที่เฮลทตี้ และพรีเมียม ทำให้บรรยากาศของวัยเด็กที่ได้กินแกงกะหรี่ผักของแต่ละคนกลับมาอีกครั้ง”
วัฒนธรรมการกินของคนไทยก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้บรรยากาศการกินอาหารของคนญี่ปุ่นสนุกขึ้นเช่นกัน ซาโต้ บอกว่า เขามีเมนูที่เข้ากับการกินแบบแชร์จานของคนไทย สร้างสรรค์ แกงกะหรี่หม้อไฟนาเบะ คนญี่ปุ่นล้วนรักการนั่งล้อมวงกินเมนูหม้อไฟร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อนสนิท แกงกะหรี่หม้อไฟสไตล์แคมป์ จึงถูกปรุงขึ้นด้วยน้ำซุปสูตรพิเศษหอมกลิ่นแกงกะหรี่อ่อนๆ ใน “Dutch Oven” หม้อแบบ Outdoor และสามารถเลือก Topping เพื่อครีเอทหม้อไฟสไตล์ตัวเอง เช่น กุ้ง แซลมอน และเวลารับประทานตอนท้าย แนะนำให้เติมข้าวลงไปในน้ำซุปที่เหลืออยู่ทำเป็น Zozui Rice “ข้าวต้มทรงเครื่อง” หรือจะเติมเส้นอุด้งลงไป เป็น “อุด้งแกงกะหรี่” แบบที่คนญี่ปุ่นชอบทำก็อร่อยไม่แพ้กัน
ด้าน “แกงกะหรี่บาร์บีคิว” เนื้อด้านในนุ่มละลายในปาก มีความมันความหอม เลือกเนื้อก้อนใหญ่วางไว้ในจานร้อน แล้วราดซอสที่ตัวซอสจะแตกต่างจากซอสที่รสอ่อน เพราะต้องการชูรสชาติของตัวเนื้อซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในจาน ส่วนแกงกะหรี่ผักซึ่งแคมป์ประเทศไทยเลือกวัตถุดิบเป็นผักจากโครงการหลวงที่สด กรอบ สะอาด และพรีเมียม ปรุงให้ออกมาเข้มข้นในซอสที่เข้มข้นกว่า เมื่อกินกับข้าวญี่ปุ่นยิ่งเข้ากัน หรือแกงกะหรี่โตเกียว เมนูที่คิดค้นขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสาขากรุงเทพฯ โดยเฉพาะ ได้แรงบันดาลใจมาจากเมนูแกงกะหรี่คีม่า (ไก่สับ) ที่มีรสชาติเข้มข้นลึกล้ำและมีรสแฝงเป็นโชยุและสาเกญี่ปุ่น
สำหรับคนรักแกงกะหรี่แล้ว หากอยากลิ้มลองรสชาติและสัมผัสบรรยากาศการแคมป์ปิ้งของครอบครัวญี่ปุ่น สามารถไปชิมได้แล้วที่ “แคมป์” (CAMP) ชั้น 4 โซนฟู้ดแพสเสจ ศูนย์การค้าสยามพารากอน เปิดให้บริการทุกวันเวลา 10.00–22.00 น. โทร. 02-610-9612, Facebook.com/campcurry