posttoday

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

06 ธันวาคม 2558

ถ้าจะให้พูดถึงดินแดนต้องมนต์ ดินแดนที่ใครหลายคนนั้นอยากจะลองไปสัมผัสประสบการณ์ในการเดินป่าปีนเขาหรือเทรกกิ้ง

โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ ภาพ PALAPILII Thailand

ถ้าจะให้พูดถึงดินแดนต้องมนต์ ดินแดนที่ใครหลายคนนั้นอยากจะลองไปสัมผัสประสบการณ์ในการเดินป่าปีนเขาหรือเทรกกิ้ง (Trekking) สักครั้งในชีวิต ก็คงจะหลีกเลี่ยงประเทศที่มีภูเขาเป็นส่วนประกอบกว่า 70% ของภูมิประเทศอย่างเนปาลไม่ได้ใช่แล้ว! ดินแดนสวรรค์บนพื้นดิน จุดหมายปลายทางที่เหล่านักเดินทางทั่วโลกมุ่งหมายนี่คือสถานที่ที่ใช้พิสูจน์ความท้าทาย สถานที่ที่ใช้พิสูจน์มิตรภาพระหว่างทาง แอนนาปุนะ เบส แคมป์ (Annapurna Base Camp)

ไม-ภูวนาท ทานะ เจ้าของเพจ PALAPILIIThailand เพจเล็กๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบประหยัด เที่ยวแบบไปตายเอาดาบหน้า หรือเรียกอีกอย่างว่าคลับท่องเที่ยวแบบหารเฉลี่ย ไมเริ่มรักการท่องเที่ยวตั้งแต่กลับมาจากโปรแกรม Work and travel สหรัฐอเมริกาเขาเริ่มท่องเที่ยวในทุกวันหยุด และเมื่อเรียนจบก็เริ่มไปท่องเที่ยวต่างประเทศ...มากขึ้น...มากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

 

ครั้งแรกที่ได้ยินคำว่าเอบีซี (ABC) ไม่ใส่ใจอะไร ด้วยความที่ไม่ใช่สายเทรกกิ้ง หากมีวันหนึ่งที่นิวฟีดในเฟซบุ๊ก กระทู้เกี่ยวกับ ABCTrekking ก็กระเด้งขึ้นมาต่อหน้าต่อตา ลองคลิกเข้าไปดูซิว่ามันคืออะไร เขาอะไรชื่อเอบีซี

“โอ้โห นี่มันสวรรค์ชัดๆ ชื่อเต็มของเอบีซีก็คือ แอนนาปุนะ เบส แคมป์ ภูเขาลูกหนึ่งในเมืองโพคารา (Pokhara) ประเทศเนปาล มันช่างเหมือนภาพในฝัน ให้ตายเถอะ! สถานที่นี้มีอยู่จริงในโลกหรือ” ไมเล่า

ไมเล่าว่า เขาตื่นเต้นกับภาพภูเขาน้ำแข็งที่มีแสงส่องมาจากฟ้า มันคือชายคนหนึ่งที่กำลังเดินอยู่บนหิมะท่ามกลางพื้นหลังที่ขาวโพลน มันคืออยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้ว ต้องไปที่นั่นให้ได้ (ฮา) ไมเริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับการเทรกกิ้งเขา ABC การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

 

ในที่สุดก็รวมกลุ่มเพื่อนได้ 6 คน การเดินทางไปแอนนาปุนะจะต้องบินไปเมืองกาฐมาณฑุ (Kathmandu) ประเทศเนปาล ใช้เวลาราว 6 ชั่วโมง จากนั้นเดินทางต่อโดยทางรถหรือบินข้ามภูเขาไปเมืองโพคารา ถ้าบินไปใช้เวลา 2 ชั่วโมง แต่ถ้านั่งรถไป อาจต้องใช้เวลา 6-8 ชั่วโมง

เส้นทางไปโพคารา ไมเล่าว่า ค่อนข้างอันตราย มีโค้งหลายโค้ง สภาพภูมิประเทศมีแต่ภูเขา บวกกับถนนที่ไม่สมบูรณ์ ระหว่างทางจะมีหมู่บ้านโดยตลอด การเดินทางโดยรถยนต์ใครอยากตามไปเหมารถได้ในราคา 200-300เหรียญสหรัฐ รถสาธารณะให้บริการก็มี แต่ใช้เวลา 12-15 ชั่วโมง ถูกก็จริงแต่ต้องอึด

มาถึงโพคารา ความรู้สึกจะเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง โพคาราน่าอยู่กว่ากาฐมาณฑุเยอะเป็นเมืองอากาศดี ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ ถ้าไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เทรกกิ้งไปที่เมืองนี้มีครบทั้งแบบซื้อและให้เช่า ไม่ว่าจะเป็นเสื้อกันหนาว รองเท้าบู๊ต ถุงมือ กระเป๋าเป้ ถุงนอน Pod trekking

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

 

ที่เมืองโพคารานี่เองที่จะต้องมาทำใบผ่านทาง ขออนุญาตขึ้นเขา ราคาอยู่ที่คนละ20 เหรียญสหรัฐ เอกสารที่ใช้คือรูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1 นิ้ว 1 รูป และสำเนาพาสปอร์ต1 เล่ม สามารถติดต่อทำใบอนุญาตก่อนมาที่นี่ได้ผ่านเอเยนซี แต่อาจโดนชาร์จถึง 40เหรียญสหรัฐ

“อย่าลืมเรื่องการแลกเงินนะ ประเทศนี้ใช้เงินสกุลรูปี แลกมาก่อนจากประเทศไทยเลย เพราะถ้ามาแลกที่นี่ อัตราแลกเปลี่ยนจะแพงกว่าปกติ แต่ก็สามารถใช้เงินเหรียญสหรัฐแทนเงินรูปีได้เช่นกัน” ไมเล่า

จุดเริ่มต้นการขึ้นเขามีหลายจุด แต่ในครั้งนี้เริ่มต้นที่หมู่บ้านนายาบูล (Nayabul)สภาพภูมิประเทศมีแต่ภูเขาและทางชัน บางช่วงอันตราย เพราะเป็นเหวลึก บวกกับสภาพอากาศที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ นักเดินทางต้องเตรียมความพร้อม ทั้งอุปกรณ์และร่างกายของตัวเอง

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

 

จากโพคารามาที่นายาบูล ใช้เวลา 2ชั่วโมง ขนของลงมาจากรถ เช็กของแล้วแบกเป้ใส่หลัง ทุกคนกางแผนที่แล้วคุยกันอีกครั้งปรึกษากันถึงแผนการเดินทางในแต่ละวันและแต่ละช่วง อาจเป็นม้าหรือรถจี๊ปให้เช่า แต่ก็ไม่ใช่ทุกช่วงการเดินทาง ม้ากับรถจี๊ปมีแค่ช่วงแรกของการเดินเท้าเท่านั้น

จากนายาบูล ที่แรกที่จะต้องไปคือสิไว(Siwai) สามารถเช่ารถจี๊ป ย่นระยะเวลาการเดินทางได้ ต่อราคาได้ 2,500 รูปี ใช้เวลา 1ชั่วโมง สภาพถนนไม่ดี ไม่มีลาดยาง ไม่มีปูนเป็นดินล้วนๆ ผสมลูกรัง วันไหนฝนตกไม่ต้องพูดถึง...เละ ไมและเพื่อนขับจี๊ปจากนายาบูลพวกเขากำลังจะไปสิไว การเดินทางที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้น

“เรามองไปเห็นสะพานเหล็กที่มีผ้ามนต์ห้อยเต็มสะพาน เชื่อมผ่านระหว่างตัวหมู่บ้านกับจุดเริ่มต้นของการเดินเท้า”

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

 

เริ่มเดินเท้ากันจากตรงนี้ การขึ้นเขาปกติใช้เวลา 8 วัน แต่ไมและเพื่อนลางานกันไป จึงวางแผนจะใช้เวลาแค่ 6 วัน เดินขึ้น 4 วัน เดินลงอีก 2 วัน เดินตรงขึ้นแอนนาปุนะที่เดียวเลย รวมระยะทางไปกลับ 80กิโลเมตร จุดสูงที่สุดที่เราจะไป คือ บริเวณธงมนต์บนแอนนาปุนะ เบส แคมป์ ที่ 4,130เมตร เหนือระดับน้ำทะเล

วันแรก : หมู่บ้านสิไว-หมู่บ้านจินนุกาณฏา (Jhinnukanda)

ทิวเขายิ่งใหญ่ ภูมิประเทศสวยงาม เดินกันไปคุยกันไป ระหว่างทางมีแพะ มีแกะที่ชาวเขาเลี้ยงไว้ แล้วปล่อยทิ้งไว้ตามทุ่งหญ้า ตลอดทางมีแม่น้ำเคียงขนาน ชาวบ้านทำการเกษตรบางช่วงมีบันไดหินเพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับวันแรกมี 2,000 ขั้น เดินชมวิถีชีวิตและวอร์มร่างกายสำหรับการเดินทางช่วงต่อไป

วันที่สอง : หมู่บ้านจินนุกาณฏา-หมู่บ้านโดแวน (Dovan)

สภาพภูมิประเทศเริ่มเป็นป่าเฟิร์น ทางชันมากในช่วงออกจากจินนุกาณฏา เหนื่อยเอาเรื่อง สลับขึ้นๆ ลงๆ ตลอดทาง ป่าเริ่มทึบมีน้ำตกเล็กๆ และมีสะพานข้ามแม่น้ำรวม 3สาย แม่น้ำมาจากบนเทือกเขา เกิดจากน้ำฝนและน้ำที่ละลายจากหิมะ ได้เห็นกุหลาบพันปีที่ข้างทาง ถือเป็นช่วงที่ชันที่สุด

วันที่สาม : หมู่บ้านโดแวน-เบสแคมป์มาชาปุแช (MBC : MachhapuchhreBase Camp)

สวรรค์บนดิน...แอนนาปุนะ เบส แคมป์

 

ทิ้งกลิ่นอายความเป็นป่าดิบชื้น ทุกอย่างเริ่มแปรเปลี่ยนสภาพเป็นสีเหลือง ป่าไม้ที่เคยเป็นสีเขียว ก็เริ่มแห้งเป็นสีเหลืองขาว เกิดจากการคายน้ำ เพื่อให้ตนเองอยู่รอด บรรยากาศหนาวขึ้น ความดันอากาศเริ่มต่ำลง ความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่า 2,500 เมตร หลายคนมีอาการแพ้ความสูง จะวิงเวียนศีรษะ ปวดหัว เหนื่อยง่าย อยากอาเจียน

“ไคลแมกซ์อยู่ที่ฟิชเทล (Fish tale) ตอนเดินอย่ามัวแต่มองข้างหน้า หันมองรอบข้างและหันหลังกลับมาบ้าง แล้วจะรู้ว่าความงดงามที่เรียกว่ามหัศจรรย์เป็นยังไง สภาพภูมิประเทศจากเหลืองๆ ก็จะถูกทับถมด้วยสีขาวจากหิมะในช่วงปลายทางของวันนี้ ซึ่งก็ที่จุดพักคืนที่สามนี่เอง ที่จะได้เห็นยอดเขามาชาปุแช และคืนนี้ที่เราจะได้นอนในอุณหภูมิติดลบท่ามกลางภูเขาหิมะ”

วันที่สี่ : เบสแคมป์มาชาปุแช-แอนนาปุนะ เบส แคมป์

วันนี้ต้องรีบตื่นตั้งแต่ตีห้า ถ้าไปสายกว่านี้แดดจะแรง แสงสะท้อนแดดจากหิมะจะทำให้ตาพร่า ควรใส่แว่นกันแดด อากาศหนาวระหว่างทางมีแต่หิมะขาวโพลน เดินไปเหนื่อยไปเพราะความกดอากาศต่ำ

ไมเล่าว่า หัวใจของการเดินทางคือสี่วันแรกหลังจากนั้นก็เดินลงกลับมาเส้นทางเดิมตามปกติ อาหารที่กินทุกมื้อเป็นแบบเดิมๆ ได้แก่ซุปมันสำปะหลัง ผัดผัก และอาหารพื้นเมืองรสชาติจืดสนิท ทุกมื้อมีนมสด นมร้อน และชานมให้ดื่ม น้ำเปล่าต้องซื้อ ราคาอาหารอยู่ที่มื้อละ 200 บาทไทย ถ้าจะให้แนะนำอะไรก็เกี่ยวกับอาหารนี่แหละ อย่าลืมพกน้ำปลาและพริกผงไปด้วย ชีวิตจะดีขึ้นเยอะ (ฮา)

“เป็นอย่างไรกันบ้าง สวรรค์บนดินแห่งนี้ น่าสนใจพอจะทำให้เพื่อนๆ อยากแบกเป้ใส่หลังแล้วนั่งเครื่องบินมาถึงที่นี่หรือเปล่าสำหรับผมสวรรค์บนดินครั้งนั้นยังจำมาถึงวันนี้ ไม่เคยลืม...แล้วเจอกันครับ”