posttoday

เลือกตั้ง66: เปิดขั้นตอนป้องกันถูกกำจัดสิทธิ กรณีมีเหตุไม่ไปเลือกตั้ง

14 พฤษภาคม 2566

เลือกตั้ง66 ไม่ไปใช้สิทธิลงคะแนนได้หรือไม่ มีเหตุจำเป็นไม่สามารถเข้าคูหากาบัตรจะแจ้งที่ไหน อะไรที่จะถูกจำกัดสิทธิบ้าง ตรวจสอบได้ที่นี่

การเลือกตั้ง66 ในวันที่ 14พ.ค.2566 อาจมีประชาชนที่ไม่ได้ลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า หรือติดภารกิจไม่สามาถเดินทางไปเข้าคูหากาบัตรลงคะแนนเลือกคนที่รักและพรรคที่ชอบได้

การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังมีประชาชนตั้งข้อสงสัยว่าหาก "ไม่ไปเลือกตั้งมีผลอะไร"และการไม่ไปใช้สิทธิลงคะแนนผิดกฎหมายหรือไม่ 
 
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่รายละเอียดว่า การไม่ไปเลือกตั้งมีผลดังนี้ 
 

1. ไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสส.
2. ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส. หรือ สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมัครรับเลือกเป็น สว.
3. ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกเป็นกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน
4. ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
5. ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือ คณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่นตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

การไม่ไปเลือกตั้งไม่มีผลบังคับทางกฎหมาย แต่จะถูกจำกัดสิทธิ 5 ข้อดังกล่าวจะมีระยะเวลากำหนดทั้งหมด 2 ปี ซึ่งจากผ่านพ้นไป 2 ปี สิทธิต่างๆที่ถูกจำกัดก็จะคืนกลับมา

 อย่างไรก็ตามประชาชนที่ไม่ไปเลือกตั้ง 2566 สามารถแจ้งเหตุเพื่อป้องกันการเสียสิทธิโดยมี 2 ขั้นตอนดังนี้  

1.แจ้งเหตุก่อนหรือหลังวันเลือกตั้ง 7 วัน ขอรับแบบ ส.ส. 28 หรือทําหนังสือชี้แจงเหตุที่ทำให้ไปใช้สิทธิ เลือกตั้งไม่ได้ และให้ระบุเลขประจําตัวประชาชนและที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน

2.ยื่นหนังสือต่อนายทะเบียนอําเภอหรือนายทะเบียนท้องถิ่น โดยสามารถยื่นด้วยตนเอง หรือมอบหมายผู้อื่น หรือส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน หรือแจ้งทางอินเทอร์เน็ต

นอกจากนี้ ยังสามารถแจ้งเหตุได้ที่เว็บไซต์ www.bora.dopa.go.th โดยตรวจสอบรายละเอียดผู้ไม่ไปใช้สิทธิและผู้แจ้งเหตุจำเป็นไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ที่ https://www.bora.dopa.go.th/all-election

กลุ่มบุคคลที่ไม่ต้องไปเลือกตั้ง มีดังนี้

1.เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช

2.อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่

 3.ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาลหรือโดยคําสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย

4.วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ