posttoday

เลือกตั้ง66:ประยุทธ์ตั้งเป้ารสทช.กวาด100ที่นั่งชายชาติทหารรับได้หากแพ้

03 พฤษภาคม 2566

พลเอกประยุทธ์ ตั้งเป้าเลือกตั้ง66 รทสช.กวาดเก้าอี้ 100ที่นั่ง ลั่นหากแพ้รับได้หมด ขอแค่ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า แจงเหตุแยกทางประวิตรปมเก้าอี้นายกฯเป็นจุดเปลี่ยนเพื่อความสบายใจ ไม่ขัดข้องหากทักษิณกลับไทย

 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค เปิดใจในรายการ Nation Insight เนชั่นทีวี 22 ถึงการลงสนามเลือกตั้ง 2566 ด้วยตัวเอง หลังนั่งเก้าอี้ผู้นำรัฐบาลมา 2 สมัย

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดฉากเล่าถึงบรรยากาศการลงพื้นที่ทั่วทุกภาคว่า กระแสตอบรับดีขึ้นพอสมควร ต้องขอบคุณคนในพื้นที่ และสื่อโซเชียลต่างๆ ที่ให้ความสนใจ เพราะเราเป็นพรรคใหม่ ที่ผสมผสานระหว่างคนรุ่นเก่า รุ่นกลาง รุ่นใหม่ ยอมรับว่าการเป็นพรรคใหม่ก็ค่อนข้างยาก ซึ่งหลายพรรคมีความมั่นคงมายาวนาน แต่ก็จะพยายามต่อไป

เมื่อให้เปรียบเทียบกับบรรยากาศการเลือกตั้งปี 2562 ต่างกันอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ออกตัวว่า ตอบไม่ได้เพราะตอนนั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นผู้ดำเนินการ แต่ตอนท้ายตนก็ลงไปเยี่ยมพื้นที่ต่างๆ เมื่อประชาชนเห็นหน้าก็พึงพอใจ ประกอบกับกระแสพรรคในตอนนั้นก็ดี “ลุงป้อมทำไว้ดี” 

“สำหรับปัจจุบันมองว่ามีคน 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่อยากร่วมมือ กลุ่มที่อยากทำอย่างที่เราออกแบบไว้ แต่อีกกลุ่มหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงให้เร็ว และเร็วที่สุด ซึ่งตรงนี้ก็น่าเป็นห่วง เพราะบางอย่างทำได้ ทำไม่ได้ แต่สิ่งสำคัญก็อยู่ที่ประชาชนต้องคิดให้ดี การทำอะไรต่างๆ เร็วเกินไป ก็มีผลเสีย ก็คงต้องฝากคนทั้ง 2 กลุ่ม ซึ่งคนที่มีอายุก็จะเข้าใจหลักเกณฑ์หลักการหลายอย่าง เพราะมีประสบการณ์ เข้าใจการทำงานแบบนี้ว่าต้องใช้เวลาและระมัดระวัง รอบคอบเพื่อความมั่นคงและยั่งยืน” 

"เด็กๆ วันนี้ หลายคนก็จำไม่ได้ว่าประเทศชาติเคยเป็นยังไงมาก่อน พอโตมา ก็เห็นเทคโนโลยีแล้ว เจอความทันสมัยแล้ว อย่างรถไฟฟ้า เขาจึงคิดว่าต้องทำให้เร็วกว่านี้ แต่ลืมนึกไปถึง เรื่องระเบียบกติกา เหมือนวัยรุ่นใจร้อน แต่ผมก็ยินดีรับฟังทุกช่องทางการสื่อสาร แต่ก็อยากให้ใคร่ครวญ คิดให้ช้าลงสักนิด แล้วอยากให้ย้อนกลับไปดูว่า สิ่งที่ได้มาวันนี้ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ กว่าจะได้มา บางเรื่องก็ใช้เวลาหลายปีมาก กว่าจะได้มา ผมรู้ว่าทุกคนหวังดีกับประเทศ ตอนเป็นนายกฯ ก็ต้องไม่ไปทะเลาะกับใคร" 

ส่วนความขัดแย้งจะเกิดอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า ตนทำนายไม่ได้ ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่จริงๆ ก็เป็นแบบนี้มาสัก 20 ปีแล้ว มาเป็นระยะ ปัจจุบันก็มีการปลุกเร้าในโซเชียลขึ้นมา ยอมรับว่า ความคิดคนควบคุมไม่ได้ แต่เราต้องแสดงความจริงใจให้เห็น สามารถชี้แจงตอบคำถามได้ แต่อย่าขัดแย้งกัน

โค้งสุดท้าย ยังมีหวังพลังเงียบ

เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองว่า ตอนนี้แบ่งเป็น 2 ขั้ว คือขั้ว 2 ลุง ลุงตู่-ลุงป้อม อีกขั้วคือเพื่อไทย-ก้าวไกล มองอย่างไร พล.อ. ประยุทธ์ บอกว่า ตอนนี้ก็พูดกันไปพูดกันมา ท้ายสุดให้ดูการเลือกตั้งแล้วกัน ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นอย่างที่พูดหรือไม่ ตนไม่รู้ แต่ใครพูดอะไรก็ถูกบันทึกไว้หมดแล้ว ดังนั้นตนไม่สามารถชี้ชัดอะไรได้

พร้อมยืนยันว่า ไม่มีเงื่อนไขในการรวมพรรคการเมืองจัดตั้งรัฐบาล เพราะตนคาดว่าการเลือกตั้ง คะแนนจะแตกต่างมากพอสมควร 

"ก็ต้องไปดูว่าอะไรที่ตรงกัน หรือทำร่วมกันได้ เราก็ร่วมมือกัน ฝั่งเขาประกาศแล้วว่า ไม่มากับผม ก็ไม่ต้องมา ตอนนี้ก็รอดูช่วงโค้งสุดท้ายก่อน เพราะกระแสคนตรงกลาง พลังเงียบเฉียบขาดก็มีอยู่ และเขายังไม่ตัดสินใจ ก็ขอฝากให้ครั้งนี้ช่วยกันออกมาเลือกตั้งกว่า 90% ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นแบบไหน ผมก็รับได้ เพราะถ้าผมไม่อยู่ พรรคก็ยังอยู่ ส.ส.ก็ต้องมี ก็รัฐมนตรีก็ยังอยู่ แต่ถ้าไม่ได้เป็นนายกฯ หรือ ส.ส. ผมก็ยังมีโอกาสช่วยเขาอยู่ได้ วันนี้สำคัญที่สุดคือ ให้ประเทศชาติไปข้างหน้าได้ก่อน อย่ามัวมาติดกัน หยุดตรงนี้เลย”

เมื่อถามว่า บัตรลุงตู่ทำแล้ว โครงสร้างพื้นฐานอะไรก็ทำแล้ว ทำไมความเชื่อมั่นลุงตู่ถึงลดลง

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ทุกอย่างมีคนชอบไม่ชอบ เป็นการดำเนินการทางการเมืองที่มีคนกลุ่มใหม่ขึ้นมา ก็อยากถามกลับเหมือนกันว่า ทำดีเกินไปหรือเปล่า แล้วคุณทำอะไรบ้างหรือยัง ผมน่ะ ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ แต่พวกคุณเคยทำอะไรบ้างหรือยัง วิธีการทำอย่างไร ยังไม่รู้วิธีการเลย วันนี้คนอ่านหนังสือน้อยลง คนไทยไถแต่โทรศัพท์ แต่ก็ว่าเขาไม่ได้ ก็ต้องสอนว่า ทุกอย่างไม่ได้มาง่ายๆ แบบนี้ ถ้าเขารู้ว่ารถไฟสายต่างๆ กว่าจะได้มา เป็นอย่างไร ต้องมีการวางแผน ศึกษาความเป็นไปได้ หาทุน ร่วมทุน กฎหมายร่วมทุน หาสถานที่เวนคืนที่ กว่าจะได้มาใช้เวลา 8 ปี" 

ยอมรับปมอยู่นาน เป็นทหาร ถูกต้าน 

เมื่อถามต่อว่า เคยประเมินหรือไม่ว่า ความนิยมที่เคยมีคะแนนสูง ค่อยๆ ลดลง เป็นเพราะคนเบื่อที่เราอยู่นาน 8-9 ปี หรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็มีอยู่ 2 ประเด็น ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะอยู่นาน แต่อีกประเด็นคือ คนอีกกลุ่มที่มาเดินแบบนี้ คนที่เคยต่อต้าน ไม่เห็นด้วย ก็ไม่มีขนาดนี้ ปัจจุบันเป็นการจัดตั้งหรือไม่ ตนก็ไม่แน่ใจ ขออย่าทำเลย หันกลับมาร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองดีกว่า ทำให้บ้านเมืองมีความสุข มีรอยยิ้ม เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป วันข้างหน้าคิดหรือว่าจะบริหารได้ ในเมื่อมีทั้งคนเบื่อและไม่เบื่อ ทำไปทำมาเดี๋ยวจะกลายเป็นเบื่อทุกคน ถ้าคนไทยเบื่อหน้ากันทั้งประเทศแล้วจะทำยังไง

“คำว่าอยู่นานของผม บางทีก็อย่างที่เขาบอก ก็อาจมีบุคลิกที่เป็นทหารมาก่อน หลายคนอาจจะไม่ชอบทหารบ้าง ก็เรื่องของเขา แต่ผมก็คือตัวตนของผม ซึ่งหลายคนมองว่า เป็นนายกฯไม่ควรเป็นอย่างนี้ แต่เวลาทำงาน ผมก็ซีเรียส แต่บางเวลา ผมก็ไม่ได้ตลกอะไรมากมาย ผมเป็นคนอารมณ์ขัน แต่ก่อนก็ชอบหัวเราะกับเพื่อน เป็น ผบ.ทบ.ก็ยังตลก เพื่อให้ลูกน้องฟัง เวลาประชุมกัน ไม่งั้นก็หลับหมด เวลาว่างที่ผมอยู่กับเพื่อน เจอเพื่อนสนิท เจอประชาชน เวลาไปหาเสียง ผมก็ตลกกับเขา ให้เห็นอีกบทบาทหนึ่ง ผมเป็นลุงก็ได้ เป็นพี่ก็ได้ ผมคิดเดี๋ยวนั้น ในเมื่อเบื่อลุง ก็รักพี่แทน”

ส่วนผลโพล ที่ความนิยมภาคใต้สูงมาก มองอย่างไรและเพราะอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยู่มาหลายปี สังเกตว่าประชาชนแต่ละภาคเป็นอย่างไร ภาคใต้ก็ต้องชื่นชม เพราะเขาชอบการเมือง พูดจาติดตามข่าวสารคุยกันทั้งวัน พอเราไปคุย เขาก็รู้เรื่องเพราะมีฐานข้อมูล แต่ภาคอื่นอาจจะน้อย อาจไม่ค่อยได้คุยกัน อาจจะเสพสื่อจากโซเชียลทั้งหมด ก็อาจจะเป็นปัญหาว่า ความคิดไปกันไม่ได้ แต่ตนไม่ได้เน้นไปที่ภาคใต้ เพราะที่อื่นก็ไปมาแล้ว ตนทำให้แต่ละภาคเยอะ ถึงแม้จะชอบ ไม่ชอบตน ตนก็ทำให้ทุกจังหวัด

หวังสนามกทม.คนที่รักลุงตู่ออกมาใช้สิทธิ

เมื่อถามต่อว่า พรรคที่จะชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล นอกจากจะได้เสียงจากภาคอีสาน เหนือ ใต้ แล้ว หัวใจสำคัญคือต้องชนะใน กทม. โค้งสุดท้าย 2 สัปดาห์จะลุยอย่างไรให้ชนะ แคนดิเดตนายกฯ รทสช.บอกว่า “ผมก็ต้องลงพื้นที่เอง ตอนนี้ก็ให้ผู้รับผิดชอบช่วยขับเคลื่อน เพราะผู้สมัครทุกคนก็หน้าใหม่ ต้องหาคนมีประสบการณ์ลงไปเดินในพื้นที่ ช่วงนี้ก็เอาชื่อผมไปหาเสียงก่อนแล้วกัน แล้วจะเพิ่มเติมให้อีกที”

วันนี้ก็มีหลายช่องทางหาเสียง แต่ปัญหาคือ แต่ละพื้นที่มีเจ้าของอยู่แล้ว มีคนจองหมดแล้ว แต่บางทีจองแล้ว ก็อาจมีคนที่รักเรา ออกมาเหมือนกัน ซึ่งก็คิดไว้ แต่ไม่ประเมินหรอกตัวเอง การเป็นนายกฯ หรือเป็นรัฐบาลมีหน้าที่ความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ประชาชน ไม่ใช่เอามาต่อรอง ใครไม่ขอก็ต้องทำให้ บางโครงการ ส.ส.ไม่ได้ขอมา แต่ตนเห็นเองก็ทำให้ จะดูที่วัตถุประสงค์และความคุ้มค่า ตรงตามความต้องการของประชาชนหรือไม่ ผมบริหารแบบพุ่งเป้า ว่าพื้นที่ไหนขาดอะไร แต่ถ้าให้ที่เดียว ที่อื่นก็ไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์ ยังบอกด้วยว่า ได้เร่งทำเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ช่วยเหลือประชาชน แต่ที่สำคัญประชาชนก็ต้องช่วยตัวเองด้วย อยากให้แต่ละกลุ่มรวมตัวกัน รัฐบาลจะได้ช่วยได้ตรง เพราะถ้าหว่านไปหมดก็หายหมด นอกจากนี้ ตนยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาฝีมือแรงงาน ซึ่งตอนนี้ประเทศไทยอัตราว่างานต่ำที่สุด ไม่ถึง 1% แต่ก็ยังขาดแรงงานอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องของทักษะฝีมือ ซึ่งก็สั่งให้กระทรวงแรงงานได้ดำเนินการแล้ว

ต่อข้อถามว่า มองอย่างไร ที่หลายพรรคใช้นโยบายประชานิยมหาเสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดว่าทุกคนอาจจะหวังดี อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงประเทศเร็วขึ้น แต่อย่าลืมว่า ทุกอย่างมีระยะเวลา และขั้นตอนดำเนินการอยู่ กฎหมายระเบียบก็มี หลายคนออกมาพูดว่า การประชุมครั้งแรกจะลดอย่างนี้อย่างนั้น จะเปลี่ยนอย่างนี้อย่างนั้นทันที สิ่งที่สั่งยุบ ทุกวันสั่งได้ แต่ที่สั่งวันนี้อีก 10 ปีก็ทำไม่ได้ เพราะที่พูดกัน ก็ไม่ได้พูดถึงหลักการ เพราะไม่มีประสบการณ์พอสมควร ซึ่งการบริหารภาครัฐไม่ใช่แบบนั้น มีรายละเอียดที่เยอะกว่านั้น

 เผยปมเก้าอี้นายกฯ แยกทาง“ประวิตร”

เมื่อถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้พบกันล่าสุดเมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สัปดาห์ที่แล้ว เมื่อสงกรานต์ ตนก็ไปกราบ แต่ไม่คุยการเมือง เพราะต่างคนต่างรู้สึกว่า ยังไม่ถึงเวลา หลังเลือกตั้งเดี๋ยวก็มีคนคุยมากกว่า 2 คนอยู่แล้ว

เมื่อถามย้ำว่า เคยสัมภาษณ์พล.อ.ประวิตร ได้บอกไว้ว่า หากใครได้เสียงมากกว่า ให้คนนั้นจัดตั้งรัฐบาล เรื่องนี้จริงหรือไม่ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรไม่ได้คุยกับตนโดยตรง แต่พูดในที่ที่มีหลายคนนั่งอยู่ ก็คือพูดให้ได้ยิน ก็เอาตามสบายใจ อะไรมันเกิดขึ้นก็ได้ ไม่รู้

เมื่อถามถึงจุดยืนของพล.อ.ประยุทธ์ ยึดว่าใครได้คะแนนเสียงมาก คนนั้นก็จัดตั้งรัฐบาลหริือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เอ้อ ผมเห็นข่าวช่องไหนไม่รู้ มันมีอีกหลายสูตรนะ มีพรรคร่วมอีกด้วย แล้วถ้าเขารวมกันได้มากกว่า ก็พร้อมเสนอใครก็ได้ แต่ผมคิดว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า ไม่แน่ใจ”

เมื่อถามย้ำว่า หลักคิดของพล.อ.ประยุทธ์ คือถ้าใครได้เสียงข้างมาก คนนั้นควรเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อันนี้ผมพูดเฉพาะพี่ป้อม 2 คน เพราะพี่ป้อมท่านว่า ท่านก็พร้อมเป็นนายกฯ แล้วในพรรคก่อนหน้านี้ที่ผมออกมา ส.ส.ก็มีนายกฯ ในใจ 2 คน ผมก็เลย ถึงเวลาของพี่ ก็เชิญตามสบายแต่ผมก็ออกมาเอง”

เมื่อถามต่อว่า พูดกับพล.อ.ประวิตร อย่างนี้เลยหรือ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบพร้อมกับหัวเราะว่า

“เปล่าสิ แหมพูดกับพี่ ก็พูดคนละอย่างสิ ผมพูดเรียบร้อยว่า ถ้าพี่พร้อมจะเป็น จะได้สบายใจ เพราะคนในพรรคสนับสนุน 2 คน ผมด้วย พี่ป้อมด้วย อะไรทำนองนี้ เพื่อความสบายใจ ผมออกเลยแล้วกัน ก็แค่นั้น ก็จบ”

“พี่ป้อมก็พูดอีกทีว่า ใครคะแนนมาก คนนั้นเป็นนายกฯ ซึ่งตรงนั้นก็นั่งหลายคน แต่ไม่เห็นใครตอบอะไร (หัวเราะ) ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็เราพูดกันไปแล้ว 2 คน ถ้าเกิน 2 คนขึ้นไป ให้คนอื่นพูดบ้าง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ทะเลาะอะไรกับใคร”

เมื่อถามว่า ทำไมสิ่งที่นายกฯ ทำ กลับถูกเรียกร้องมากขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ โลกเจริญแล้ว ความคิดก็ไม่มีกรอบ แต่เราต้องสอนให้คนมีกระบวนการคิดที่ถูกต้อง

ประเมินตัวเลข รทสช.หวัง 100 เขต

ต่อข้อถามว่า ประเมินตัวเลขในการเลือกตั้งว่า รทสช.จะได้เสียงเท่าไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แต่ละภาคไม่เหมือนกัน บางภาคก็รักก็ชอบ บางภาคก็ไม่ชอบ แต่ผมคาดหวังกับคนที่ยังไม่แสดงความเห็น คนที่เงียบๆ อยู่ตรงกลาง แต่คิดว่าเขาตัดสินใจแล้ว เพียงแต่ยังไม่พูด ก็คิดว่าน่าจะดีขึ้น เพราะตอนแรกที่มา ก็โดนดูถูก ว่าไม่น่าจะได้ถึง 20 เสียง แต่ผมว่า น่าจะได้แล้ว แบบค่อยไต่ขึ้นไป แต่ก็ถูกต่อว่ามากขึ้น ก็ต้องยอมรับสภาพ ว่านี่คือนักการเมือง ถ้าดูจากโพลก็คิดว่า 40-50 คงได้ แต่ถ้าได้สัก 100 ก็คงดี" 

‘ประยุทธ์’ลั่น ชายชาติทหารแพ้ ‘รับได้’คาดหวัง รทสช. ‘100 ที่นั่ง’

เมื่อถามว่า ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลคิดว่านายกฯ เป็นศัตรู เพราะไปแย่งพื้นที่ แย่ง ส.ส.ของเขา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คิดแบบนี้ได้ยังไง เลือกตั้งก็คือเลือกตั้ง ให้ประชาชนเป็นคนเลือก

เมื่อถามอีกว่า รวมไทยสร้างชาติเป็นพรรคตั้งใหม่ อาจมีคนเก่ามาผสม คิดไหมว่า เป็นพรรคที่ใช้ต้นทุนลุงตู่มากที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องให้กำลังใจ เพราะจำเป็น ตนบอกเลยว่าใช้ได้ทั้งผลงาน โครงการต่างๆ ไปประชาสัมพันธ์ เพราะเราเป็นหน้าใหม่ บางทีเข้าไปในพื้นที่เสือดุ ก็ต้องอ้างไว้ โครงการเป็นตัวเลือกไว้ก่อน "แต่ผมไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร อย่าเอาผมไปทะเลาะกับใคร และคนอื่นก็อย่ามาทะเลาะกับผม ทุกคนก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันหมด ก็ให้เกียรติกัน แต่วันนี้ก็พวกเขาก็ยังโอเคกับผมในเรื่องส่วนตัว แต่ช่วงเลือกตั้ง ก็อาจจะต้องเป็นแบบนี้ ที่ผ่านมาทำงานก็ให้เกียรติกัน"

เมื่อถามว่า คิดหรือไม่ว่า การมาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะได้ไม่ถึง 30 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ผมไม่ได้คิดแบบนั้น คิดแค่จะมีพรรคการเมืองที่ดีมีคุณภาพ ใครเชื่อมั่นศรัทธาก็มาอยู่กับผม ผมเชื่อมั่นศรัทธาใคร ผมก็ไปอยู่ด้วยกัน จะได้แค่ไหนก็เป็นพรรคการเมือง เริ่มต้นอาจจะไม่ถึงจุดสูงสุดก็ได้ ผมจะมีอะไรไปสู้กับเขาได้ นอกจากสิ่งที่ทำไปแล้ว เราใช้ผลงานเข้าสู้ ถ้าแพ้เลือกตั้ง ก็ประเทศชาติแพ้ มันคนละเรื่อง ประเทศชาติจะถอยกลับไปอยู่ที่เดิมหรือไม่ ผมไม่อยากให้ประเทศเป็นแบบนี้ ที่อยู่วันนี้ ก็เพราะแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมเก่งสุด ใครทำได้ก็เข้ามาทำ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวจบ ก่อนจะถามกลับพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ทำไมล่ะ มันแพ้แล้วหน้าตามันหายหล่อหรือ”

ต่อข้อถามที่ว่า เป็นแชมป์เก่ามา 2 สมัย ถ้ากลับมาไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ เปรียบเปรยว่า “ก็ดูบอลโลกไหมล่ะ บางทีทีมเปลี่ยนคน เปลี่ยนสปอนเซอร์ บางทีก็ร่วงไปท้ายตาราง เป็นได้หมด ผมยอมรับกติกาได้หมด ชายชาติทหารรับได้หมด” 

เมื่อถามส่งท้าย ถึงประเด็นอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่สื่อสารว่าจะขอกลับมาเลี้ยงหลาน พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า “ก็ยินดีด้วย ส่วนที่อยากกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ผมก็พูดไปหลายทีแล้วว่า ไม่ได้ขัดข้อง กลับมาก็เข้าสู่กระบวนการ ผมไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับใครอยู่แล้ว”