posttoday

เลือกตั้ง66:กกต.เปิดศูนย์ป้องกันข่าวปลอมขอให้มั่นใจไม่ทุจริต

02 พฤษภาคม 2566

กกต.แย้ม 1-2 วันนี้มีข่าวใหญ่ อาจกระทบพรรค พร้อมเปิดศูนย์ป้องกันข่าวปลอม ขอให้มั่นใจกกต.ไม่ทุจริต บอกรวบรวมหลักฐาน กล่าวหา กกต.เปลี่ยนสูตรคำนวนในปี62 แต่ยังไม่เคาะดำเนินคดี

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายปกรณ์ มหรรณพ และนายฐิติเชษฐ์ นุชนาฎ คณะกรรมการการเลือกตั้ง เปิดศูนย์ปฏิบัติงานคณะกรรมการต่อต้านข่าวเท็จ โดยจัดตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลข่าวสารที่ส่งผล กระทบต่อภาพลักษณ์ของกกต.และสำนักงานกกต. และเพื่อชี้แจงทำความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.และสำนักงานกกต.ให้ประชาชนรับทราบและเกิดความเชื่อมั่น ศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของกกต.

นายฐิติเชษฐ์ กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ของกกต.มีความจำเป็นเพราะบางข่าวไม่จำเป็นจะต้องเอาเข้าเสนอ กกต.คณะกรรมการด้านการข่าวจากส่วนที่จัดตั้งขึ้นมีอำนาจเด็ดขาดที่จะแก้ไขข่าวที่เกิดขึ้นและรายงานให้กับกกต.ทราบภายหลัง เพราะถ้าข่าวสารที่มาเป็นข่าวเท็จไม่เป็นความจริงจะต้องมีการแก้ไขข่าวให้ถูกต้อง ทันทีก่อนที่จะแพร่หลาย ซึ่งใน การเลือกตั้งปี 62 จะพบเจอกับข่าวเท็จจำนวนมากอะไรที่เป็นข่าวเท็จข่าวปลอมก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และพนักงานสอบสวนก็นำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษและศาลก็มีคำพิพากษา กับผู้กระทำความผิดเหล่านั้น

ทั้งนี้ ในการเลือกตั้งปี 2566 ก็น่าจะมีข่าวเท็จเกิดขึ้นเช่นเดียวกับปี 62 เพราะยังมีกลุ่มคนที่ไม่หวังให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความราบรื่น ฉะนั้นปี 2566 ณ ขณะนี้มีข่าวที่ไม่เป็นความจริงเผยแพร่ในโซเชียลจำนวนมาก ซึ่งกกตจะแจ้งไปที่ ต้นทางให้มีการแก้ไข 

อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งครั้งนี้คาดว่าจะมีกล่าวปลอมเกิดขึ้นไม่มากนัก เพราะเนื่องจากกกต.ก็จะตั้งกำแพงไว้ว่าข่าวเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นน้อยที่สุด หรือ เกิดขึ้นก็จะดำเนินคดีถ้าหากว่าผู้ให้ข่าวนั้นเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีกับการทำงานของกกต. แต่ทั้งนี้กกตจะดำเนินคดีกับข่าวที่เป็นต้นตอหรือเป็นข่าวสำคัญและส่งผลให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรมเท่านั้น จะไม่ดำเนินคดีกับข่าวเล็กน้อยแต่จะ มีเพียงตักเตือน 

ด้านนายปกรณ์ กล่าวชี้แจงบางข่าวที่เกิดขึ้นว่า เรื่องแรกคือการยุบพรรคติดเทอร์โบ คือกกต.ออกระเบียบตามที่กฎหมายให้ทำ แต่สื่อมวลชนได้มีการตั้งชื่อแบบนั้น จึงอยากทำความเข้าใจ ว่า อำนาจของเลขาธิการกกต. สามารถทำเรื่องให้รวดเร็วได้ แต่ไม่มีกำหนดเวลาการสืบสวนไต่สวน เพื่อ เปิดโอกาสให้พักที่ถูกกล่าวหายื่นพยานหลักฐานและให้ถ้อยคำกับกกต. และต่อสู้อย่างเต็มที่ 

ส่วนข่าวเรื่องการแบ่งเขต ขอยืนยันไม่มีการแบ่งเขตตามใจ ซึ่งศาลปกครองสูงสุดตัดสินทั้ง 5 คดีว่า กกต.ออกระเบียบโดยชอบทำตามกฎหมายถูกต้องแล้ว กกต.จะต้องจัดทำโดยภาพรวมเพื่อบรรลุหลักเกณฑ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การทำงานของ กกต.ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย 

ส่วนกรณีข่าวเรื่องบัตรเลือกตั้ง กกต. ไม่ได้เป็นผู้กำหนดแต่อยู่ในข้อกฎหมายทุกอย่าง พร้อมยกคำพูดของนายเจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ว่า "ถ้าพรรคการเมืองไม่สามารถทำให้ ประชาชนจำหมายเลขของพรรคท่านได้แล้วจะเอาปัญญาที่ไหนมาบริหารประเทศ" ส่วนการพิมพ์บัตรเกินในข่าวบอกว่าเกินไป 7 ล้านใบ แต่ความจริงเราพิมพ์เกินเพียง 4-5 ล้านใบ เพราะการพิมบัตรต้องพิมเป็นเล่มเล่มละ20 ใบ ซึ่งแต่ละหน่วยต้องสำรองหน่วยละ 1 เล่ม ซึ่งเป็นการสำรองเผื่อไว้สำหรับ กปน.และผู้รักษาความสงบอาจจะใช้สิทธิที่หน่วยนั้น  

นอกจากนี้ ยังมีการสำรองไว้เผื่อเกิดความผิดพลาดในการพิมพ์ เช่นบางเล่มมี18ใบ ไม่ครบ20 ปัญหาสำคัญที่น่าจะคิดมากกว่าคือ เราจะไม่มีการทุจริต ทันทีที่นับคะแนนเสร็จจะรู้ทันทีว่าบัตรใช้ไปเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ ป้องกันการผิดพลาดเกิดขึ้นได้แต่ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะการทุจริต ขอให้มั่นในว่า กกต.ไม่มีการทุจริต ตนขอให้สัญญาและคำมั่นเรื่องใดที่ไม่ถูกต้องจะแจ้งให้ทราบทันที  พร้อมย้ำตลอด4ปีที่ทำงานไม่เคยมีประวัติที่ไม่สุจริตหรือไม่เที่ยงธรรม การแถลงข่าวของคณะกรรมการด้านข่าวจึงมีความจำเป็น 

"ต้องยอมรับว่าบางเรื่องมีอ่อนไหวมาก แต่เราก็อดทนและพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เป็นคดี บางเรื่องด่าเราว่าเราด้วยคำหยาบแต่เราก็มีมติไม่ดำเนินคดี เราจะอดทนและขอใช้ช่องทางการสื่อสารขององค์กรชี้แจง" นายปกรณ์กล่าว 

พร้อมยกตัวอย่างคำพูด ในการดีเบตของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล และ นายแพทย์ พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดชประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคเพื่อไทย ที่มีลักษณะคล้ายกันว่า " ในการเลือกตั้งปี 62 กกต.เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณบัญชีรายชื่อ" เรื่องนี้ ศาลก็ได้ พิพากษาแล้วว่ากกตทำงาน โดยชอบด้วยกฎหมาย กกต.ได้รวบรวมไว้หมดแต่ยังไม่ได้มีการนำมาพิจารณา เพราะไม่อยากให้มีผลอย่างหนึ่งอย่างใดกับการเลือกตั้งของพรรคการเมืองได้ จึงจะนำมาพิจารณาภายหลังจากการเลือกตั้ง และจึงจะมีมติออกมา

นอกจากนี้ นายปกรณ์ ยังกล่าวว่า ในอีก 1-2 วันนี้ กกต. จะเปิดเผย มติบางอย่างออกมา ซึ่ง ผู้สื่อข่าวพยามสอบถามว่า มติดังกล่าวจะมีผลอย่างหนึ่งอย่างใดกับพรรคการเมืองหรือไม่นายปกรณ์ยิ้มแต่ไม่ได้ตอบคำถามนี้กับสื่อมวลชน ทำให้เข้าใจได้ว่า มติของกกต. ที่จะมีขึ้นอาจส่งผลกับพรรคการเมืองบางพรรคแน่นอน 

ส่วนเรื่องดูงานต่างประเทศ นายปกรณ์ กล่าวว่า ถ้ากกต.ไม่ไป จะเกิดปัญหาหลายเท่า เราไม่ได้ไปดูงานเราไปปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งก็พบปัญหาหลายที่และได้ดำเนินการแก้ไขแล้ว