posttoday

ชำแหละผลงาน ‘ช้างศึก ยู-23’

17 ธันวาคม 2560

แม้จะเป็นเพียงทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง แต่การที่ทัพนักเตะทีมชาติไทย ยู-23

โดย ชมณัฐ

แม้จะเป็นเพียงทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่อง แต่การที่ทัพนักเตะทีมชาติไทย ยู-23 โดนทีมชาติเวียดนาม ยู-23 บุกมาเผาเครื่องคาบ้าน 1-2 ในนัดชิงอันดับที่ 3 ศึกเอ็ม-150 คัพ 2017 ที่สนามไอ-โมบาย สเตเดี้ยม เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่แฟนบอลคลางแคลงใจ ซึ่งหากมองลึกลงไปนอกจากการเสียหน้าในความเป็น "เจ้าอาเซียน" ที่เสียท่าให้กับคู่ปรับบ้านใกล้เรือนเคียงแล้ว ยังมีจุดบอดอีกมากมายที่ต้องปรับปรุง รวมถึงฝีมือของ โซรัน ยานโควิช กุนซือของทีมด้วยเช่นกัน ว่ายังมีความเหมาะสมที่จะพาทีมไปต่อได้หรือไม่

โค้ชมือไม่ถึง?

โซรัน ยานโควิช ในฐานะมือขวาของ มิโลวาน ราเยวัช ถูกดันขึ้นมารับหน้าที่เฮดโค้ชทัพช้างศึก ยู-23 แทนที่ "โค้ชโย่ง" วรวุธ ศรีมะฆะ ที่ลดบทบาทตัวเองลงไปเป็นผู้ช่วย ซึ่งการมือเปล่าจบอันดับ 4 ในรายการนี้ จึงเป็นเรื่องที่เจ้าตัวจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้

"การแพ้ต่อเวียดนามเป็นเรื่องที่เสียหาย โดยเฉพาะรูปเกมที่เราสู้ไม่ได้เลย เราต้องเรียกโซรันเข้ามาคุยหลายเรื่อง ต้องคุยกันอีกเยอะ เพราะมีแนวทางหลายอย่างที่เขาทำแล้วมันไม่เห็นผล โดยเฉพาะวิธีการฝึกซ้อมที่ต้องใส่ใจในรายละเอียดมากกว่านี้ มีบางอย่างซึ่งผมไม่เห็นด้วย เช่น การคัดเลือกตัวผู้เล่นที่จะเน้นเอาแค่ความสดอย่างเดียวไม่ได้ หรือการที่เขานำแท็กติกมา บอกให้เด็กทำตามทั้งที่ยังไม่เคยฝึกซ้อมกันแบบจริงจังด้วย สิ่งเหล่านี้มันทำให้ตอนนี้นักบอลไม่รู้จะต้องเล่นกันอย่างไร ไม่รู้ว่าได้บอลแล้วจะต้องทำอะไรต่อ ไม่รู้จะจ่ายไปทางไหน" วิทยา เลาหกุล ประธานฝ่ายพัฒนาเทคนิค กล่าว

ชำแหละผลงาน ‘ช้างศึก ยู-23’

นอกจากนี้ "โค้ชเฮง" ยังเผยต่อว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้โทรศัพท์มาหา 2-3 ครั้งหลังจบเกม ดังนั้นคงต้องมีการคุยกันยกใหญ่ ซึ่งตัวเองอยากให้ "โค้ชโย่ง" เข้ามามีบทบาทกับการฝึกซ้อมของทีมมากขึ้นกว่าเดิม

"ทุกคนอยากได้โค้ชต่างชาติและคาดหวังว่าโค้ชต่างชาติจะดีกว่าคนไทย ผมเองก็เหมือนกัน แต่ทุกอย่างก็ต้องดูด้วยว่าโค้ชต่างชาติคนนั้นเป็นอย่างไร มีฝีมือขนาดไหน เพราะมันก็ไม่การันตีว่าใช้โค้ชต่างชาติแล้วจะประสบความสำเร็จ" โค้ชเฮง เผย

รุก-รับยังไร้ประสิทธิภาพ

ทัพช้างศึกลงเล่นรายการนี้ไป 3 นัด ชนะญี่ปุ่น (ยู-21) ด้วยสกอร์ 1-2 ต่อด้วยแพ้เกาหลีเหนือ (ยู-23) 0-1 และแพ้เวียดนาม (ยู-23) 1-2 ซึ่งแต่ละเกมมีโอกาสทำประตูมากมาย แต่จังหวะสุดท้ายไม่สามารถที่จะแปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้

"เรายังมีจุดที่ต้องปรับปรุงทั้งเกมรุกและเกมรับ เกมกับเวียดนามแค่ครึ่งแรกเราเสียบอลถึง 60 ครั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงทีมเวิร์กภายในทีม ตอนนี้ยังต่างคนต่างเล่น บางคนพยายามที่จะใช้แต่ความสามารถเฉพาะตัวอย่างเดียวซึ่งมันไม่ได้ มันต้องรู้ด้วยว่าควรใช้ตรงไหน ไม่ควรใช้ตรงไหน โดยเกมรับผมเชื่อว่ายังพอปรับได้ไม่ยาก แต่เกมรุกยังต้องปรับอีกเยอะ เพราะตอนนี้ยังไม่ชัดเจนเลยว่าทีมจะรุกกันอย่างไร มันต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน" วิทยา เผย

ด้าน "โค้ชโย่ง" วรวุธ ในฐานะผู้ช่วยโค้ช กล่าวเสริมว่า เกมรุกเป็นเรื่องที่ต้องเร่งปรับปรุงให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการจบสกอร์ เพราะที่ผ่านมาในแต่ละเกมมีจังหวะยิงประตูหลายครั้งแต่ทำไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นในศึกชิงแชมป์เอเชียยิ่งจะมีโอกาสน้อยกว่ามาก ดังนั้นหากจะประสบความสำเร็จก็ต้องแก้จุดบอดตรงนี้ให้ได้

หมดเวลาทดลอง

โซรัน ยืนยันว่ารายการที่ผ่านมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะได้เห็นข้อผิดพลาดที่ทีมต้องปรับปรุงแก้ไข ซึ่งแม้ผลการแข่งขันจะออกมาไม่ดี แต่นั่นก็เนื่องมาจากการขาดผู้เล่นตัวเก่งหลายรายและที่สำคัญคือตัวเองต้องการใช้ทัวร์นาเมนต์นี้ทดลองระบบที่แตกต่าง โดยมีเป้าหมายหลักคือทดสอบนักเตะก่อนลุยศึกชิงแชมป์เอเชีย

อย่างไรก็ตาม ศึกเอ็ม-150 คัพ ถือเป็นรายการสุดท้ายที่ทีมชุดนี้จะได้ลองแท็กติก เพราะจากนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือน ก่อนเข้าสู่การชิงชัยระดับทวีป ดังนั้นจึงไม่มีที่จะให้ทดลองอีกแล้ว ซึ่ง "โค้ชโย่ง" ยังเชื่อว่าทีมได้ทั้งประสบการณ์และบทเรียน

ชำแหละผลงาน ‘ช้างศึก ยู-23’

"รายการที่ผ่านมาเราได้ทั้งประสบการณ์ในเกมชนะญี่ปุ่น และได้บทเรียนจากเกมแพ้เวียดนาม สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราพัฒนามากขึ้น ซึ่งในชิงแชมป์เอเชียเราน่าจะได้ผู้เล่นที่ฟูลทีมมากกว่านี้หากมีเวลาได้ฝึกซ้อมร่วมกันมากกว่าเดิมทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้น อย่างไรก็ตามตัวเลือกในรุ่นนี้ของเรามีไม่มากเหมือนสมัย ชนาธิป สรงกระสินธ์ หรือธนบูรณ์ เกษารัตน์ แต่เราก็จะทำเต็มที่เพื่อให้เข้ารอบลึกที่สุด" วรวุธ กล่าว

ขณะที่ "โค้ชเฮง" ชี้ว่ายังพอมีเวลาหากใช้ทุกวินาทีต่อจากนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะตอนนี้คงไม่มีนักเตะรายอื่นที่ดีกว่าทีมชุดนี้อีกแล้ว ดังนั้นจึงต้องรีบปรับปรุงแก้ไขเรื่องการฝึกซ้อมให้จริงจังมากขึ้น

สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี หรือ "เอเอฟซี ยู-23 แชมเปี้ยนชิพ 2018" จะฟาดแข้งที่ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 9-27 ม.ค. 2560 ซึ่ง "ช้างศึก" อยู่กลุ่มบีร่วมกับ ญี่ปุ่น เกาหลีเหนือ และปาเลสไตน์ คัดอันดับ 1-2 ของแต่ละกลุ่มผ่านเข้าสู่ รอบน็อกเอาต์ 8 ทีมสุดท้าย