ราเยวัชเดินหน้าอัพสกิลบุก

ราเยวัช วางแผนพัฒนาเกมรุกเป็นสเต็ปต่อไป เพื่อเป้าหมายท็อป 10 ของเอเชีย

มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย เตรียมพัฒนาเกมรุกของทัพช้างศึก เพื่อเป้าหมายการติดอันดับ 1 ใน 10 ของ ทวีปเอเชีย หลังฟอร์มดีเปิดบ้านเสมอ ทีมชาติสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1-1 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก 12 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ช้างศึก

“เราพัฒนาไปแล้ว 1 ก้าวในเรื่องเกมรับที่มีการป้องกันที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับ 7 เกมก่อนหน้านี้ที่เรามีผลต่างประตูได้-เสียติดลบถึง 16 ลูก ส่วนสเต็ปต่อไปเราจะทำให้เกมรับแข็งแกร่งขึ้นอีก พร้อมพัฒนาในเรื่องของเกมรุกและเกมสวนกลับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำประตู ผมมั่นใจว่าด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างทั้งการที่ผู้เล่นมีทัศนคติที่ดี มีความทุ่มเท และเข้าใจแท็กติก ถ้าเรามีเวลารวมตัวมากขึ้นเราจะมีโอกาสพัฒนาขึ้นติดอันดับท็อป 10 ของเอเชียในอนาคตอันใกล้ได้แน่นอน” ราเยวัช กล่าว

ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เชื่อว่า ราเยวัช มีโอกาสจะพาทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ในปี 2022

“ผมให้ราเยวัชสอบผ่าน จากเดิมที่เราเคยแพ้หลุดลุ่ยแต่วันนี้เราสามารถเสมอได้ โค้ชบอกผมว่าไม่คาดคิดว่านักเตะไทยจะมีมาตรฐานที่ดีขนาดนี้ ผมจึงเชื่อว่าถ้าเขามีเวลาเตรียมทีมมากขึ้น มีเวลาดูการแข่งขันในสนามกับตาตัวเองมากขึ้นและมีเวลาเลือกผู้เล่นมากขึ้นทีมจะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน และความฝันในการไปฟุตบอลโลกอาจจะไม่ต้องรอถึงปี 2026” บิ๊กอ๊อด กล่าว

กุนซือชาวเซอร์เบียยังเผยต่อว่าจากนี้ทีมงานจะเข้าชมการแข่งขันฟุตบอลลีกในสนามให้มากขึ้น โดยจะพยายามเข้าชมเกมให้ครบทุกลีก เพื่อหานักเตะที่มีศักยภาพและเหมาะสมกับแท็กติกเข้ามาเสริม แต่กระดูกสันหลังหลักของทีมยังคงเป็นผู้เล่นจากนัดที่ผ่านมา เพื่อเตรียมฟาดแข้งในทัวร์นาเมนต์ต่อไปคือ ศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน คิงส์คัพ ครั้งที่ 45 วันที่ 14-16 ก.ค.นี้

ทั้งนี้ ในส่วนของทีมที่จะร่วมแข่งขันนั้น “บิ๊กอ๊อด” ทิ้งท้ายว่ามีทีมคอนเฟิร์มแล้ว 3 ชาติรวมทีมชาติไทย ส่วนอีก 1 ทีมยังเจรจาไม่ลงตัวเนื่องจากก่อนหน้านี้ 3 ชาติระดับโลกอย่างฝรั่งเศส อุรุกวัย และสาธารณรัฐเช็ก ได้ตอบตกลงเดินทางมาร่วมแข่งขันแล้วแต่กลับแจ้งยกเลิกภายหลัง แต่ยืนยันว่าจะหาทีมที่มีศักยภาพและคู่ควรกับถ้วยพระราชทาน โดยจะประกาศในเร็ววันนี้

สำหรับทัพ “ช้างศึก” ยังมีคิวลงเล่นศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกอีก 2 นัด เปิดบ้านรับมือทีมชาติอิรัก วันที่ 31 ส.ค. และปิดท้ายเยือนทีมชาติออสเตรเลีย วันที่ 5 ก.ย. รวมถึงบุกไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติเมียนมา วันที่ 5 ต.ค.