posttoday

จากชีวิตเฉียดตายสู่ปราการหลังท็อปโลก..เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์

19 มีนาคม 2562

ก่อนจะมาเป็นสุดยอดกองหลังของโลกในปัจจุบัน เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ เคยป่วยหนักจนเกือบต้องลาโลกใบนี้ไปเสียแล้ว 

ก่อนจะมาเป็นสุดยอดกองหลังของโลกในปัจจุบัน เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ เคยป่วยหนักจนเกือบต้องลาโลกใบนี้ไปเสียแล้ว 

โดย...สไปเดอร์แมว

แม้คุณจะไม่ใช่สาวก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล แต่ก็ต้องยอมรับว่าว่า “เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์” คือหนึ่งในปราการหลังตัวท็อปของโลก ณ วินาทีนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ดี กว่าจะก้าวขึ้นมาเจิดจรัสฉายแสงเจิดจ้าในทุกวันนี้ ฟาน ไดจ์ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะปัญหาด้านสุขภาพ ซึ่งเกือบกวักมือเรียกมัจจุราชให้มารับตัวเขาไปสู่ที่ชอบๆ ถึงขนาดที่เจ้าตัวเตรียมเขียนพินัยกรรมไว้แล้ว เมื่อครั้งยังมีสถานะเป็นแข้งดาวรุ่งวัย 20 ปีของสโมสรโกรนิงเก้น

“เฟอร์จิลมีอาการป่วย ตอนแรกเราคิดว่าเขาคงจะแค่เป็นไข้ เขาพักอยู่บ้าน 2-3 วันและมีอาการปวดมาก เขาไปหาหมอที่โรงพยาบาลท้องถิ่น แต่ก็หาสาเหตุไม่เจอ เขาจึงกลับมารักษาตัวที่บ้านอีกครั้ง” ดิค ลุคเคียน เฮดโค้ชทีมสำรองของโกรนิงเก้น ย้อนความหลังไปเมื่อปี 2012

จากชีวิตเฉียดตายสู่ปราการหลังท็อปโลก..เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์

หลังจากนั้น อาการของฟาน ไดจ์ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร จนคุณแม่ของเขาต้องเดินทางจากเมืองเบรด้า เพื่อมาดูแลอย่างใกล้ชิดและพาไปรักษากับอีกโรงพยาบาลที่ทันสมัยมากกว่า และได้พบว่า ฟาน ไดจ์ เผชิญกับสารพัดอาการรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็น ไส้ติ่งอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ แถมยังมีอาการติดเชื้อที่ไต ทำให้ต้องรีบเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน

“ผมยังจำภาพตอนที่ผมนอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลได้ สิ่งเดียวที่ผมเห็นคือสายอะไรไม่รู้ห้อยระโยงระยางรอบตัวผมไปหมด ร่างกายของผมมันพังและผมก็ทำอะไรไม่ได้เลย”

“ชีวิตของผมอยู่ในภาวะเสี่ยง ทั้งแม่และผมต่างสวดขอพรพระเจ้า และพูดคุยกันถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มีช่วงนึงที่ผมเซ็นเอกสารอะไรสักอย่างคล้ายๆพินัยกรรม ถ้าผมตาย เงินส่วนของผมก็จะยกให้แม่ แน่นอนว่าไม่มีใครอยากพูดเรื่องแบบนี้หรอก แต่เราจำเป็นต้องทำ”

จากชีวิตเฉียดตายสู่ปราการหลังท็อปโลก..เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์

โชคดี ในที่สุด ฟาน ไดจ์ ก็ผ่านพ้นวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิตนี้มาได้และสามารถคัมแบ็กกลับสู่สังเวียนแข้งได้อีกครั้งหลังจากพักรักษาตัวอยู่นานหลายเดือน จากนั้นเส้นทางการค้าแข้งของฟาน ไดจ์ก็เหมือนเป็นกราฟที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถก้าวขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของโกรนิงเก้น ก่อนจะย้ายไปร่วมทัพกลาสโกว์ เซลติก เซาธ์แฮมป์ตัน จนกระทั่งถูกกระชากตัวมาบัญชาเกมรับในถิ่นแอนฟิลด์ พร้อมกับถูกแปะป้ายว่าเป็นกองหลังที่แพงที่สุดในโลก ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ เมื่อต้นปี 2018

ไม่แน่ใจว่า การเคยเผชิญหน้ากับช่วงเวลาแห่งความเป็น-ความตายจะส่งผลต่อความคิดของฟาน ไดจ์อย่างไรบ้าง แต่ที่มั่นใจได้แน่นอนก็คือการเห็นคุณค่าของชีวิต

จากชีวิตเฉียดตายสู่ปราการหลังท็อปโลก..เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์

“ผมพยายามทำทุกอย่างให้ง่ายเข้าไว้ ทำไมเราต้องทำอะไรให้มันยากๆด้วยล่ะ? ทำไมเราต้องมองแง่ลบในเมื่อคุณสามารถสนุกสนานกับการใช้ชีวิตได้ นั่นเป็นสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมพยายามจะมองบวกให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าที่จะมัวคิดในแง่ลบ”