ฮอนด้า ความสำเร็จในโมโตจีพี

โดย: ราชันเบอร์ 23

ปีที่ผ่านมาถือเป็นปีทองของค่าย “ปีกนก” เอ.พี.ฮอนด้า ผู้นำแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ที่มีส่วนร่วมจารึกชื่อประวัติศาสตร์สำคัญแห่งวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับประเทศ เพราะงานนี้ มาร์ค มาร์เกซ ยอดนักบิดซูเปอร์สตาร์ชาวสแปนิช สังกัดเรปโซล ฮอนด้า บิดเข้าป้ายคว้าแชมป์ศึก “โมโตจีพี” ครั้งแรกของเมืองไทย รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” ที่สนาม “ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์” เมื่อต้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ท่ามกลางกองเชียร์กว่า 2 แสนคน

ถัดมาช่วงปลายเดือน ต.ค. นักบิดวัยเบญจเพสก็ประกาศศักดาคว้าแชมป์ “เจแปน กรังด์ปรีซ์” ที่สนามทวินริงโมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้ซิวแชมป์โมโตจีพีสมัย 5 และเป็นการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 7 ทั้งที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 3 สนาม

“ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ยอดเยี่ยมของผม สำหรับฤดูกาลหน้า เราต้องมีการวางแผนเพื่อทำผลงานให้ดี การเป็นแชมป์มันยาก แต่การรักษาแชมป์ยากยิ่งกว่า” แชมป์โลก 7 สมัย กล่าว

นอกจากนี้ สองนักบิดชาวไทยที่ได้รับการปลุกปั้นสนับสนุนโดย เอ.พี.ฮอนด้า โดยเฉพาะรุ่นของโมโตทรี ก็ทำผลงานได้ดี เมื่อพวกเขาส่ง “เจ้าก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งเจ้าของแชมป์เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ปี 2016 หมายเลข 35 สังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงแข่งเป็นมือไวลด์การ์ดที่สนามช้าง ก่อนแข่งเจ้าตัวได้บรรจงกราบแผ่นดินแม่สร้างขวัญกำลังใจ ก่อนโชว์ฟอร์มสุดฝีมือเข้าอันดับ 9 เก็บแต้มเข้ากระเป๋าไป 7 แต้มสำคัญบนแผ่นดินแม่เป็นครั้งแรก สร้างชื่อกระหึ่มต่อหน้ากองเชียร์คนไทยว่าเป็นนักบิดไทยคนแรกที่เก็บแต้มในโฮมเรซของการแข่งขันรายการระดับโลกอย่างโมโตทรี และเป็นนักบิดไทยเพียงคนเดียวที่ทำแต้มได้ในเรซนี้ และเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เลือกดาวรุ่งวัย 19 ปี มาเป็นขุนพลชุดโมโตทูฤดูกาลหน้า ที่จะเปิดสังเวียนแรกที่กาตาร์ วันที่ 10 มี.ค. ก่อนล่าแต้มจนถึงสนามสุดท้ายที่บาเลนเซียเช่นเดิม

“ขอบคุณทาง เอ.พี.ฮอนด้า และทีมงานของญี่ปุ่นที่มอบโอกาส ดีใจมากที่ทางผู้ใหญ่มองเห็นความสามารถของผม โดยเฉพาะรายการ ซีอีวี เรปโซล โมโตทรี ในยุโรปที่เก็บแต้มได้หลายสนาม รวมถึงประสบการณ์ที่ได้ลงแข่งมาหลายเวที แม้จะรู้สึกกังวลบ้าง เพราะถูกผลักดันขึ้นไปขี่ในรุ่นที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็อีกหลายเดือนกว่าจะถึงฤดูกาลใหม่ ดังนั้นขอใช้เวลานี้ศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติม”

ไม่เพียงเท่านั้น ในรุ่นการแข่งขัน อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2018 นักบิดของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ อีกราย ก็ประสบความสำเร็จในศึกโฮมเรซเช่นกัน เมื่อรอบชิงชนะเลิศ เรซที่ 2 ของสนาม “เจ้าก๊อง” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งหมายเลข 5 แสดงฝีมือบิดรถคู่ใจเข้าเส้นชัยอันดับ 3 เก็บ 16 แต้มเข้ากระเป๋า เดินขึ้นไปฉลองตำแหน่งโพเดียมต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยอย่างเต็มภาคภูมิ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เอ.พี.ฮอนด้า เรซ ทู เดอะดรีม” สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝัน ตามแผนโรดแมปที่บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า ประกาศนโยบายมอเตอร์สปอร์ต ตั้งเป้าปั้นนักบิดเยาวชนไทยสู่การแข่งขันระดับโลกโมโตจีพี ภายในปี 2025

สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า ผลงานความสำเร็จที่พวกเขาฝากไว้ในการแข่งขัน “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์” รวมถึงบทบาทการเป็น “เจ้าบ้าน” ที่ดีของประเทศไทยในรายการระดับโลก จนได้รับเสียงชื่นชมจากทุกภาคส่วน

ไม่ว่าจะเป็นการต้อนรับบริการแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั้งไทยและต่างชาติสามารถมาใช้บริการ “จุดพักรถ เติมพลัง” ให้บริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ นวดผ่อนคลาย บริการเช็กสภาพรถเบื้องต้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ บริการเต็นท์นอน พร้อมอาหารเครื่องดื่มฟรี เพื่อรองรับแฟนๆ ที่หาที่ไม่มีที่พัก ที่สำคัญ เอ.พี.ฮอนด้า ได้จัดบูธไฮไลต์ใน Honda Exhibition Hall ขนาดใหญ่ ได้นำรถที่ใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ซึ่งผ่านการขับขี่โดยนักบิดมือดังต่างๆ มากมาย มาจัดแสดงให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก เช่น ฮอนด้า NSR500 ฮอนด้า RC211V ต้นกำเนิดรถแข่งโมโตจีพี ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 จังหวะ และพาฮอนด้าคว้าแชมป์โลกได้มากที่สุด รวมถึง RC213V MM93 เรซแมชีนคู่กาย มาร์ค มาร์เกซ แชมป์โลก 5 สมัย และซูเปอร์ไบค์ที่เป็นที่สุดของโลก RC213V-S ราคา 8 ล้านบาท รถแข่งตระกูล RC213V ที่ถูกพัฒนาให้สามารถขับขี่ได้บนท้องถนน มีจำนวนจำกัดเพียง 213 คันในโลก ที่นำมาเปิดให้ทุกคนสัมผัสและขึ้นคร่อมถ่ายภาพเป็นครั้งแรก รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญที่ทำให้ผู้บริหาร นักแข่ง ทีมงาน ผู้ที่เกี่ยวข้อง และแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต ต้องบันทึกอยู่ในความทรงจำของพวกเขา จนกว่าจะพบกันใหม่อีกครั้งในการแข่งขันโมโตจีพี ครั้งที่ 2 ในเมืองไทย ในวันที่ 4-6 ต.ค. 2562