posttoday

พรีวิว : ช้างศึกสถิติเป็นรอง ขอล้างอาถรรพ์ถิ่นเสือเหลือง

01 ธันวาคม 2561

ทัพนักเตะทีมชาติไทยไม่เคยบุกชนะทีมชาติมาเลเซียได้เลยที่สนามแห่งนี้ ดังนั้นต้องจับตาดูว่าครั้งนี้จะทำได้หรือไม่ ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รอบตัดเชือก เลกแรก ค่ำวันนี้ (1 ธ.ค.)

ทัพนักเตะทีมชาติไทยไม่เคยบุกชนะทีมชาติมาเลเซียได้เลยที่สนามแห่งนี้ ดังนั้นต้องจับตาดูว่าครั้งนี้จะทำได้หรือไม่ ในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2018 รอบตัดเชือก เลกแรก ค่ำวันนี้ (1 ธ.ค.)

มาเลเซีย-ไทย

สนามบูกิต จาลิล

เวลา 19.45 น. (ช่อง 7)

ทีมชาติไทยโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมถล่มสิงคโปร์ 3-0 ในเกมนัดสุดท้าย ผงาดคว้าแชมป์กลุ่มบีและยังไม่แพ้ใคร ทว่าเกมนี้จะเป็นบททดสอบที่สำคัญทั้งศักยภาพฝีเท้าและสภาพจิตใจ เพราะสถิติที่ปะทะกันมาทุกรายการเป็นรอง “เสือเหลือง” โดยพบกันทั้งหมด 94 ครั้ง “ช้างศึก” ชนะ 29 แพ้ 36 เสมอ 29

ยิ่งหากวัดเฉพาะการบุกเยือนสังเวียนที่มีความจุ 8.7 หมื่นคนแห่งนี้ ทีมไทยไม่เคยชนะแม้แต่ครั้งเดียว ตั้งแต่ปี 2004 แพ้ 1-2 ในรอบแรก ปี 2012 เสมอ 1-1 ในรอบรองชนะเลิศ นัดแรก และปี 2014 แพ้ 2-3 ในรอบชิงชนะเลิศ นัดที่สอง แม้ผลงานที่เจอกันทั้งหมดในรายการนี้ 13 นัดจะดีกว่าก็ตาม (ชนะ 7 เสมอ 3 แพ้ 3)

“ผมมองว่าสถิติมีไว้ทำลาย สิ่งสำคัญเราต้องเล่นด้วยสไตล์ของตัวเอง และต้องเล่นในแบบฉบับที่เราซ้อมกันมา หากทำได้ก็เชื่อว่าจะเก็บผลการแข่งขันที่ดีกลับไปได้แน่นอน ผมอยากให้ทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องดีที่เรากำลังจะได้เล่นท่ามกลางแฟนบอลที่เยอะขนาดนี้ ผมเชื่อว่าทุกคนไม่มีอะไรต้องกังวล” มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมไทย กล่าว

เทรนเนอร์ชาวเซอร์เบีย ยังมั่นใจว่าการเล่นเป็นทีมเยือนไม่ใช่ปัญหา และหวังว่าจะคว้าชัยชนะกุมความได้เปรียบโดยไม่เสียประตู ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวคุมช้างศึกเล่นนอกบ้านมาแล้วรวม 5 นัดทุกรายการ ชนะ 2 นัดในเกมอุ่นเครื่อง แพ้ 2 นัดในเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก และเสมอ 1 ครั้งในเกมล่าสุดกับฟิลิปปินส์ 1-1 รอบแบ่งกลุ่ม

“การเล่นนอกบ้านไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา นี่คือครั้งที่ 3 ในการลงเล่นสนามที่มีหญ้าใบใหญ่ ครั้งแรกที่ฮ่องกง (อุ่นเครื่องชนะ 1-0) และล่าสุดที่ฟิลิปิปินส์ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเราได้มีโอกาสลงฝึกซ้อมที่นี่เพื่อทำความคุ้นเคยให้มากที่สุด” ราเยวัช ทิ้งท้าย

พรีวิว : ช้างศึกสถิติเป็นรอง ขอล้างอาถรรพ์ถิ่นเสือเหลือง

ขุมกำลังทัพ “ช้างศึก” สมบูรณ์พร้อม คาดว่าจะยึดตัวหลักจากนัดที่แล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้ระบบ 4-2-3-1 เพื่อเน้นคุมเกมกลางสนาม กองหน้าตัวเป้าใช้ อดิศักดิ์ ไกรษร ดาวซัลโวที่ยิงไปแล้ว 8 ประตู โดยมี สรรวัชญ์ เดชมิตร ศุภชัย ใจเด็ด และนูรูล ศรียานเก็ม คอยสนับสนุนด้านหลัง ส่วนคู่มิดฟิลด์เป็น ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ กับ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ หลังบ้าน ฟิลิป โรลเลอร์ จะกลับมาประจำการแบ็กขวาอีกครั้งร่วมกับ กรกช วิริยอุดมศิริ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว และพรรษา เหมวิบูลย์ โดยมี ฉัตรชัย บุตรพรม เฝ้าเสา

ด้าน มาเลเซีย ทีมอันดับ 3 ของอาเซียน คว้าแชมป์รายการนี้เมื่อปี 2010 หมายมั่นปั้นมือที่จะกลับมาผงาดในอาเซียนอีกครั้ง ภายใต้ขุมกำลังพลังหนุ่มอายุเฉลี่ยเพียง 25 ปี โดยผลงานในรอบแบ่งกลุ่มยามเล่นในบ้านยังคงแข็งแกร่ง ชนะกัมพูชา 1-0 (เยือน) ชนะลาว 3-1 (เหย้า) แพ้เวียดนาม 0-2 (เยือน) และชนะเมียนมา 3-0 (เหย้า) ผ่านเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มอี

มี ตัน เชง โฮ กุนซือใหญ่เจ้าถิ่น ประกาศเปิดเกมรุกเข้าใส่ แต่เน้นย้ำเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องไม่เสียอเวย์โกลคาบ้าน เพื่อไปลุ้นต่อในเกมเลกสองที่ราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 5 ธ.ค.

“เราจะต้องไม่เสียประตู ผลการแข่งขันที่ดีจะเป็นแรงจูงใจก่อนไปเล่นที่กรุงเทพฯ ตราบใดที่เราไม่เสียประตูผมก็พอใจ เราจำเป็นต้องบุก ขณะเดียวกันก็ต้องระวังเกมรุกของฝ่ายตรงข้ามด้วย เพราะพวกเขามีคุณภาพเวลาบุก ดังนั้นกองหลังของเราต้องมีสมาธิและระวังให้มาก” เฮดโค้ชเสือเหลือง เผย

กำลังรบเสือเหลืองชุดนี้ค้าแข้งในประเทศเกือบทั้งทีม นำโดยคู่กองหน้า นอร์ชาห์รูล อิดลาน กับ ซากวน อัดฮา ที่ยิงไปแล้ว 4 และ 3 ลูก ตามลำดับ เป็นทีเด็ดในระบบ 4-4-2 โดยมี ชาห์เรล ฟีกรี หอกดาวรุ่งรายเดียวที่เล่นอยู่กับ นครราชสีมา เอฟซี ในไทยลีก แต่ในรายการนี้ก็ยังเป็นเพียงตัวสำรองและเบิกสกอร์ไม่ได้

ความน่าจะเป็น : ทีมไทยไปแพ็กเกมรับแน่นแน่นอนและคงทำได้ดีกว่า อยู่ที่ว่าจังหวะสวนกลับจะคมพอเป็นประตูหรือไม่