posttoday

พรีวิว :"ช้างศึก" ฟัด "เมอร์ไลออน" ถ้าพลาดมีโอกาสร่วง

24 พฤศจิกายน 2561

ทัพช้างศึก ยังต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย โดยมีสิงคโปร์เป็นขวากหนามสำคัญ ในศึกซูซูกิคัพ 2018

เรื่อง เจษฎา

ทีมชาติไทย กำลังโดนวิจารณ์เรื่องฟอร์มการเล่นที่เน้นตั้งรับจนเกินไป หลังจากทำได้แค่บุกไปเจ๊า ฟิลิปปินส์ 1-1 จนทำให้ทิ้งโอกาสการันตีเข้ารอบ ต้องมาลุ้นหนักในนัดสุดท้ายและถ้าพลาดก็มีโอกาสตกรอบ โดยมี สิงคโปร์ แชมป์ 4 สมัย ที่รอสอดแทรกเป็นคู่ต่อกร ซึ่งต้องจับตาดูว่า มิโลวาน ราเยวัช กุนซือช้างศึกจะยังคงเพลย์เซฟ หรือเปิดหน้าบุกเอาใจแฟนบอล ชี้ชะตาศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ วันที่ 25 พ.ย.

ไทย - สิงคโปร์

สนาม : ราชมังคลากีฬาสถาน

เวลา : 19.00 น. (ช่อง 7)

“ช้างศึก” แชมป์เก่าและแชมป์ 5 สมัย อันดับ 121 โลก รั้งจ่าฝูงกลุ่มบี มี 7 คะแนน (+9) จากการชนะ 2 เสมอ 1 ยังต้องลุ้นหนักในนัดสุดท้าย เพราะแต้มเท่าอันดับ 2 อย่าง ฟิลิปปินส์ แต่กุมความได้เปรียบเรื่องผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าอยู่ 7 ลูก เกมนี้ต้องรับมือ “เมอร์ไลออน” คู่ปรับเก่าดีกรีแชมป์ 4 สมัย อันดับ 3 มี 6 คะแนน (+5) ซึ่งต้องดูว่า มิโลวาน ราเยวัช กุนซือช้างศึก จะกล้าเปิดเกมรุกเต็มพิกัดหรือไม่ หรือยังคงเน้นแผนเกมรับที่รัดกุมเหมือนกับ 3 นัดที่ผ่านมา เนื่องจากคู่แข่งมีทีเด็ดลูกเซตพีซและนี่เป็นจุดอ่อนของทีมไทย

“สิงคโปร์เป็นทีมที่ดี เราได้ดูการเล่นของสิงคโปร์มาทุกเกม เราต้องระวังเรื่องลูกตั้งเตะของเขาให้ดี เราจะต้องมีสมาธิอย่างมากในการรับมือลูกตั้งเตะ เพราะเรายังป้องกันลูกเตะมุมได้ไม่ดีเท่าไหร่ เราพยายามแก้ไขจุดบกพร่องในเกมนั้น ผมคิดว่า ฟาริส แรมลี และอิคห์ซาน ฟานดีคือผู้เล่นที่อันตราย พวกเขาหาโอกาสทำประตูได้ดี แต่ก็เล่นกันเป็นทีมได้ดีเช่นกัน” กุนซือชาวเซอร์เบีย กล่าว

ขณะที่ เทิดศักดิ์ ใจมั่น อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติไทย ที่มีประสบการณ์ค้าแข้งในสิงคโปร์ และเคยร่วมงานกับ ฟานดี อาหมัด กุนซือสิงคโปร์มาแล้ว ชี้ว่า อิคห์ซาน ฟานดีกองหน้าทีมเมอร์ไลออนคนปัจจุบัน ลูกชายแท้ๆ ของเฮดโค้ชมีลีลาการเล่นที่ถอดแบบมาจากพ่อแต่ยังไม่ดีเท่า

“ลูกชายของฟานดีเล่นได้ดีเหมือนกับพ่อเขา มีความแข็งแกร่งในกรอบเขตโทษ แต่ผมยังคิดว่าเขายังไม่ดีขนาดพ่อของเขา” อดีตกุนซือชลบุรี เอฟซี กล่าว

สภาพทีม มิโลวาน ราเยวัช อาจจะใช้ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง ส่วนแนวรับยังยึดผู้เล่นชุดเดิมจากเกมที่แล้ว โดยมี เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ พรรษา เหมวิบูลย์ แบ็กขวาใช้ ฟิลิป โรลเลอร์และแบ็กซ้ายเป็น กรกช วิริยอุดมศิริ แดนกลาง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ จับคู่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และแนวรุกมี สรรวัชญ์ เดชมิตร ปั้นเกมร่วมกับ ศุภชัย ใจเด็ด และ มงคล ทศไกร ที่น่าจะกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง ส่วนกองหน้าตัวเป้ายังใช้ อดิศักดิ์ ไกรษร

ด้าน สิงคโปร์ อันดับ 165 โลก แชมป์ปี 1998, 2004/2005, 2007, 2012 เปิดบ้านชนะอินโดนีเซีย 1-0 ก่อนบุกไปแพ้ ฟิลิปปินส์ 0-1 แต่ยังกลับมาถล่ม ติมอร์ เลสเต 6-1 ซึ่ง ฟานดี อาหมัด กุนซือใหญ่ยอมรับว่าเป็นรอง แต่ยังหวังที่จะสร้างเซอร์ไพรส์ในเกมส่งท้ายเพื่อเข้ารอบ

“เกมสุดท้ายกับทีมชาติไทยจะเป็นเกมที่ตัดสินชะตาของพวกเรา ในตอนนี้สภาพขวัญกำลังใจของลูกทีมของผมทุกคนพร้อมที่จะสู้อย่างเต็มที่ เรารู้ดีว่าทีมชาติไทยเป็นทีมที่เหนือกว่าเราและเราเป็นรองพวกเขาอยู่ไม่น้อย แต่เราจะพยายามทำให้พวกเขาประหลาดใจ” เฮดโค้ชเมอร์ไลออน กล่าว

ทั้งนี้ อาหมัด จะใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดเพราะต้องการผลชนะเท่านั้นเพื่อลุ้นเข้ารอบรองชนะเลิศ เกมนี้จะใช้ ฮัสซัน ซันนี ลงเฝ้าเสาแนวรับ ซาฟูวัน บาฮารูดิน จับคู่ อิรฟาน ฟานดี แบ็กซ้ายใช้ ซุลฟาห์มี อาริฟิน และแบ็กขวาเป็น ซุลกาเนียน ซุซลิมาน แดนกลางฮาริส ฮารุน จับคู่ อิซดิน ชาฟิก และริมเส้นสองฝั่งเป็น กาเบรียล คว็อก กับ ชาคีร์ ฮัมซาห์ คู่กองหน้า อิคห์ซาน ฟานดี ลงประสานงานกับ ไครุล อัมรี กองหน้าจอมเก๋า

สำหรับผลงานการพบกันของทั้งคู่ เจอกันมาแล้ว 61 ครั้ง “ช้างศึก” ชนะ 32 แพ้ 12 เสมอ 17 โดยล่าสุดในรายการนี้คว้าชัย 1-0 ในรอบแบ่งกลุ่มปี 2016 และชนะ 2-1 ในรอบเดียวกันเมื่อปี 2014 ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ “เมอร์ไลออน” กำชัยได้คือรอบชิงชนะเลิศปี 2012 โดยเลกแรกเปิดบ้านถล่ม 3-1 ก่อนจะบุกมาแพ้ 0-1 สกอร์รวม 3-2 คว้าแชมป์ไปครองและทำไทยน้ำตาตก

ความน่าจะเป็น : ทีมชาติไทยแม้จะนำเป็นจ่าฝูงแต่ก็ประมาทไม่ได้เพราะถ้าแพ้คาบ้านมีโอกาสตกรอบ เกมนี้กลับมาเล่นในบ้านน่าจะต้องเปิดเกมรุกใส่เต็มที่และด้วยคุณภาพนักเตะที่ดีกว่าน่าจะทำให้ช้างศึกเก็บ 3 แต้ม พร้อมคว้าแชมป์กลุ่มบี

พรีวิว :"ช้างศึก" ฟัด "เมอร์ไลออน" ถ้าพลาดมีโอกาสร่วง