"ตราไก่"สุดปึ้กชิงโครแอต

นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกคืนนี้ "ฝรั่งเศส"ถูกยกให้เป็นตัวเต็งที่จะคว้าถ้วยแชมป์ไปครอง แต่แม้จะเป็นต่อ ทว่าความทุ่มเทของ "โครเอเชีย" ก็เป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้

*******************

โดย...นูโน่

กูรูแทบทุกสำนักต่างเทคะแนนให้ “ตราไก่” ฝรั่งเศส เป็นตัวเต็งจะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 ที่ลุซห์นิกี สเตเดี้ยม คืนนี้ (15 ก.ค.) เป็นสมัยที่ 2 ต่อจากปี 1998 แต่ฟุตบอลลูกกลมๆ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่กระหายความสำเร็จอย่าง โครเอเชีย ที่ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์พาแชมป์กลับบ้านครั้งแรก

โครเอเชีย-ฝรั่งเศส

เวลา : 22.00 น.

ช่อง : ททบ.5, อมรินทร์ทีวี, True4U

โครเอเชีย ซึ่งเป็นประเทศเล็กที่สุดที่ผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก นับตั้งแต่อุรุกวัย เมื่อปี 1950 ด้วยประชากรเพียงกว่า 4 ล้านคน ต้องสู้ถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ 3 แมตช์ติดต่อกันก่อนเข้าชิงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ทำให้ถูกมองว่าสภาพร่างกายค่อนข้างเสียเปรียบฝรั่งเศส ที่คว้าชัยชนะในเวลาได้ตลอด

อย่างไรก็ตาม ซลัตโก ดาลิช กุนซือโครเอเชีย เผยว่า ไม่มีข้ออ้างสำหรับพวกเขาในการเสียแรงมากกว่าคู่แข่ง

“เราเตรียมตัวเพื่อรอบชิงชนะเลิศ และเราอยากลงเล่น การต้องเล่นต่อเวลามา 3 แมตช์ติด อาจเป็นปัญหา พร้อมกับความจริงที่ว่า ฝรั่งเศสมีเวลาพักมากกว่า 1 วัน แต่ไม่ใช่ข้ออ้างใดๆ” นายใหญ่ตราหมากรุก กล่าว

แต่สิ่งที่น่ากังวลสำหรับนายใหญ่โครแอตสำหรับนัดสุดท้าย คือ อิวาน เปริซิช ซึ่งโชว์ฟอร์มได้โดดเด่นในรอบรองชนะเลิศ มีข่าวว่ามีปัญหาบาดเจ็บโคนขา แม้ที่เหลือจะพร้อมลงสนามครบ แต่หากต้องขาดปีกจากอินเตอร์มิลานไปจริง หรือต้องเข็นลงในสภาพไม่สมบูรณ์ น่าจะมีผลต่อเกมรุกไม่น้อย

หลายคนมองว่า ลูกา โมดริช คือหัวใจสำคัญของทีมโครเอเชีย ทั้งด้วยทักษะอันยอดเยี่ยม บวกกับความทุ่มเทที่วิ่งมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ ด้วยระยะทาง 63 กม. แต่ ดาลิช เชื่อว่า สิ่งที่จะนำพวกเขาไปสู่ความสำเร็จ คือ ทีมเวิร์ก เหมือนที่ได้พิสูจน์ให้เห็นในรอบรองชนะเลิศ หลังมีการปรับแท็กติกเมื่อ โมดริช และ อิวาน ราคิติช เจองานยากในแดนกลาง

“ฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมใหญ่ที่มีดารามากมายต้องไปพักผ่อนอยู่ชายหาดแล้ว แต่เป็นทีมที่เป็นหนึ่งเดียวกันกลับยังอยู่ มันเป็นฟุตบอลโลกที่แปลกประหลาดที่สุด ฟุตบอลก้าวหน้าไปมาก หลายทีมมีการป้องกันที่ดี และไม่มีช่องว่างมากนัก ความเป็นทีมคือทุกอย่าง นี่คือปัญหาของเรามาเป็น 10 ปี เรามีนักเตะที่มีความสามารถเฉพาะตัวที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน และนั่นคือเหตุผลที่ผมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในทีมนี้” ดาลิช ย้ำ

ลูกา โมดริช

ขณะที่ลูกทีมของ ดิดิเยร์เดชองส์พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมจากการเอาชนะคู่แข่งอย่าง อาร์เจนตินา อุรุกวัย และเบลเยียม โดยเฉพาะ 2 นัดล่าสุดไม่เสียประตูเลย และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อแก้ตัวจากความผิดหวังในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2016 ที่พลิกล็อกพ่าย โปรตุเกส ในบ้านตัวเอง

“มัน (นัดชิงยูโร 2016) จะมีประโยชน์สำหรับเราในวันอาทิตย์นี้ แม้ผมจะไม่ชอบหยิบยกอดีตมาพูดกัน แต่มันจะเป็นบทเรียนให้กับเรา และหมายความว่าเรารู้ว่าการเล่นในรอบชิงชนะเลิศจะเป็นอย่างไร” แบลส มาตุยดี เผยและไม่เชื่อว่า สภาพร่างกายของโครเอเชียที่ต้องเล่นต่อเวลาพิเศษมา 3 นัดติด จะเป็นตัวแปรสำคัญ หลังนัดล่าสุดพวกเขาจบได้แกร่งกว่า 2 นัดก่อนหน้านั้น

ข่าวดีของฝรั่งเศส คือ นอกจากจะได้พักมากกว่าแล้ว ยังไม่มีปัญหาบาดเจ็บรบกวน เมื่อ มาตุยดี กลับมาฟิตปกติหลังปะทะกับ เอเดน อาซาร์ อย่างหนักในนัดที่แล้ว และกุนซือตราไก่จะยังคงยึดผู้เล่นชุดเดิมจากนัดที่แล้ว โดยจุดแข็งของพวกเขายังคงเป็นเกมรุก ที่มีสตาร์อย่าง คีเลียน เอ็มบัปเป และอองตวน กรีซมันน์ เป็นตัวอันตราย

จิ๊กซอว์สำคัญที่คาดว่าจะเป็นตัวชี้ชะตาของเกมนี้ คือ เอ็นโกโล ก็องเต กองกลางตัวรับและมดงานชั้นดีของทีมตราไก่ ที่เปรียบเป็นกำแพงเดี่ยวที่คอยจัดการเกมแดนกลางของคู่แข่งได้เป็นอย่างดี และช่วยให้กองหลังรับมือได้ง่ายขึ้น ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตัวกุนซือของพวกเขา

นอกจากนี้ เดชองส์ ยังหวังเป็นคนที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์โลกได้ทั้งในฐานะนักเตะและโค้ช หลังอดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสเคยชูถ้วยแชมป์โลกในปี 1998 โดยก่อนหน้านี้มีเพียง มาริโอ ซากัลโล ของบราซิล และฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ของเยอรมนี ที่เคยทำได้มาแล้ว พร้อมเชื่อว่า บทเรียนจาก ยูโร 2016 และสปิริตในทีม จะช่วยให้เขาและลูกทีมสมหวัง

“สปิริตในทีมสามารถทำในสิ่งที่ยากเย็นแสนเข็ญได้ พวกเขาอายุยังน้อย และพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอีกใน 2-4 ปี เราสร้างโอกาสที่จะเป็นแชมป์โลก แต่เรายังไม่ถึงตรงนั้น และเราต้องการเติมเต็มโชคชะตาของเรา” เดชองส์ กล่าว

ไม่ว่าผลจะออกมาชนะหรือแพ้ สหพันธ์ลูกหนังฝรั่งเศส ยืนยันว่า เดชองส์ จะคงทำหน้าที่กุนซือต่อไปตามสัญญาที่ยังเหลืออีก 2 ปีแน่นอน และเกมคืนนี้ก็คงไม่ต่างจากนัดชิงชนะเลิศหลายครั้งที่ผ่านมา ที่อาจจะเริ่มต่อสู้กันด้วยทักษะและแท็กติก และอาจจะต้องตัดสินกันด้วยจิตใจ

คีเลียน เอ็มบัปเป