posttoday

ปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 แฟนบอลไทยคึกคักแบบเงียบๆ

14 กรกฎาคม 2561

กําลังปิดฉากถึงบทสรุปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย

โดย เรื่อง : ทีม@Weekly ภาพ : เอพี/เอเอฟพี/รอยเตอร์ส

กําลังปิดฉากถึงบทสรุปอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซีย ซึ่งโดยภาพรวมทั้งหมดนับได้ว่าประสบความสำเร็จลงได้ด้วยดีอย่างน่าชื่นใจ ตามเป้าหมายและมาตรฐานที่วางไว้

สำหรับประเทศไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับฟุตบอลโลกครั้งนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งคงไม่ใช่การมีทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันในรอบสุดท้ายแต่อย่างใด แต่เป็นเรื่องราวของภารกิจการกู้ภัยและช่วยชีวิตเด็กทีมหมูป่า 13 ชีวิต ที่โด่งดังไปทั่วโลกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย

เมื่อ จานนี อินฟานติโน ประธานสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ได้ส่งจดหมายถึง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีเนื้อหาว่า ได้ติดตามข่าวของการช่วยชีวิต 12 นักฟุตบอลพร้อมกับโค้ช 1 คน ซึ่งทั้งหมดได้ติดอยู่ในถ้ำที่ จ.เชียงราย ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. และในตอนนี้ก็ได้รับข่าวดีเมื่อได้พบตัวทั้ง 13 คนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในนามของเครือข่ายฟุตบอลนานาชาติ เขาต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างความประทับใจและจะช่วยเหลือครอบครัวของทั้ง 13 คน โดยมีความรู้สึกเป็นห่วงพวกเขาเช่นเดียวกับคนไทยทั้งประเทศ ในเหตุการณ์นี้ ฟีฟ่าภาวนาอธิษฐานหวังว่าทั้ง 13 คนจะออกมารับไออุ่นและความรักจากครอบครัวเพื่อเติมเต็มความเข้มแข็ง

ปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 แฟนบอลไทยคึกคักแบบเงียบๆ

หากพวกเขาได้กลับคืนสู่อ้อมอกครอบครัวและสุขภาพของพวกเขาแข็งแรงพอที่จะเดินทางได้ ทางฟีฟ่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเชิญทั้ง 13 คนเข้าชมเกมนัดชิงชนะเลิศ (15 ก.ค.) ฟุตบอลโลก 2018 ณ กรุงมอสโก ในฐานะแขกพิเศษ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาจะสามารถมาตามคำชวนเราได้ ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นความทรงจำที่น่าจดจำแค่ไหนในวันนั้น

นอกจากนี้ บรรดานักฟุตบอลจากทีมชาติและสโมสรต่างๆ ทั้งที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้และทั่วโลก ต่างแสดงออกผ่านสื่อโซเชียลต่างๆ ในการแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจในการกู้ภัยและช่วยชีวิตทีมหมูป่าในครั้งนี้ ซึ่งตรงกับช่วงฟุตบอลโลกพอดี

เพราะฉะนั้น ฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย คราวนี้สำหรับคนไทยจึงเป็นความทรงจำร่วม 2 เหตุการณ์ใหญ่ระดับโลกที่เกิดขึ้นพร้อมกัน และคนทั้งโลกต่างเอาใจช่วยและเฝ้ามอง

ภาพรวมและบทสรุปฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย

การคาดคำนวณก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 เกิดขึ้นไม่ถึง 1 สัปดาห์ ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ น่าจะมีผู้รับชมในไทยประมาณ 10.96 ล้านคน ซึ่งคึกคักจากครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยหนุน อาทิ การถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีดิจิทัลทั้ง 64 นัด

ฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นที่ประเทศรัสเซียระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค. 2561 คาดว่าจะเกิดเม็ดเงินไปยังธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น เป็นมูลค่าประมาณ 6,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ
5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาปกติของมูลค่าตลาดสินค้าอุปโภคและบริโภคที่เกี่ยวเนื่อง

จักรพันธ์ เรืองรุ่ง หรือ “ดร.พิว” บก.สตาร์ซอคเก้อร์รายวัน คอลัมนิสต์และนักพากย์ฟุตบอลต่างประเทศชื่อดัง มองว่าคุณภาพและความทรงจำของทีมต่างๆ ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีโดยเฉพาะความปลอดภัยที่หลายต่อหลายคนหวั่นกัน

ปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 แฟนบอลไทยคึกคักแบบเงียบๆ

“ไม่มีเหตุรุนแรง เจ้าหน้าที่ควบคุมได้ดีขนส่งมวลชนก็ยอดเยี่ยม เดินทางกันสะดวกทั้งในเมืองและระหว่างเมือง ค่าครองชีพก็ไม่ได้สูงจนเกินไปนัก ไม่ได้มีการฉวยโอกาสอย่างที่คิด”

ในมุมของการตลาดและความสำเร็จของรัสเซีย ดร.พิว ยอมรับว่ารัสเซียทำได้ดีจากที่ว่าเงียบๆ แต่สุดท้ายเมื่อฟุตบอลโลกเปิดฉากก็ได้รับความน่าสนใจมากมาย

“ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตการทำงานร่วมกับฟีฟ่าด้วย มีการหาวิธีโปรโมทที่น่าสนใจ โดยเฉพาะการดึง ดีเอโก มาราโดนามาดูเชียร์แบบฮาร์ดคอร์ในเกมที่อาร์เจนตินาเตะ นั่นก็คือการตลาดอย่างหนึ่งด้วย ส่วนจำนวนผู้ชมก็เป็นไปตามเป้า แน่นขนัดแทบทุกเกม ตั๋วขายเกลี้ยง”

ในส่วนของแรงตอบรับของคอบอลและขาจรชมฟุตบอลโลกของคนไทยนั้น ดร.พิว ยังมองว่าสูงอยู่ ฟุตบอลยังเป็นกีฬาที่เข้าถึงคนหมู่มากและเป็นอันดับ 1 ในใจคนไทยอยู่เสมอเหนือกีฬาประเภทอื่นๆ

“อาจมีกระแสของหมูป่าเข้ามาด้วย ทำให้ฟุตบอลโลกคราวนี้เงียบไปนิดหน่อย โดนแย่งพื้นที่สื่อหมด แต่รวมๆ แล้วผู้คนก็ยังสนใจอยู่ไม่น้อย สินค้าต่างๆ ก็หาวิธีที่จะเข้าถึงเพื่อดึงยอด เดินไปไหนคนก็พูดถึงบอลกันเยอะ ยืนหยัดเลยว่าฟุตบอลยังเป็นเกมยอดนิยมของคนไทย”

ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ไม่คึกอย่างที่คาด

ผิดคาดไปพอสมควรสำหรับยอดจำนวนผู้ชมที่รับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ในประเทศไทย เนื่องจากช่วงระหว่างที่มีการแข่งขันมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้น จึงทำให้คนไทยส่วนหนึ่งแบ่งความสนใจไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะข่าวเหตุการณ์การหายตัวไปของทีมฟุตบอลหมูป่าอะคาเดมี่ทั้ง 13 คน

นอกจากนี้ การที่ปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ที่ได้รับสิทธิถ่ายทอดสดจากเดิมสถานีโทรทัศน์เป็นผู้ได้สิทธิการถ่ายทอดสด เป็นผู้ประกอบการสินค้าต่างๆ จำนวน 9 รายจึงทำให้พื้นที่โฆษณาช่วงถ่ายทอดสดถูกจำกัด

ไตรลุจน์ นวะมะรัตน นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ และธุรกิจสื่อแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ในปีนี้ ถือว่าซบเซากว่า 4 ปีที่ผ่านมาเล็กน้อย เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายอย่างเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นหุ้นตก หรือการหายตัวไปของนักฟุตบอลทีมหมูป่าทั้ง 13 คนที่ จ.เชียงราย

รวมถึงการที่ปีนี้มีการโปรโมทการถ่ายทอดสดล่าช้าและสินค้าเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2018 ด้วยตัวเอง ก็ถือเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้มีความคึกคักลดลง เนื่องจากเวลาโฆษณาส่วนใหญ่ถูกจำกัดอยู่ที่ผู้ประกอบการสินค้าทั้ง 9 รายที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด จึงทำให้สินค้าอื่นๆ เข้ามาร่วมซื้อพื้นที่โฆษณาค่อนข้างยาก ซึ่งจากข้อจำกัดดังกล่าว จึงทำให้เม็ดเงินโฆษณาถูกจำกัดไปด้วย

ไตรลุจน์ กล่าวต่อว่า เมื่อ 4 ปีก่อน ก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกโปรโมทกันเยอะเพราะสถานีโทรทัศน์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอด เมื่อสถานีโทรทัศน์เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เองก็มีการเปิดกว้างในการขายสินค้า เมื่อมีสินค้าที่เข้าร่วมหลากหลายก็ทำให้เกิดการทำกิจกรรม การเล่นเกม การโปรโมท สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดความตื่นตัว ทำให้คนหันมาสนใจดูบอลโลก แต่ปีนี้ถูกจำกัดอยู่ที่สปอนเซอร์เลยทำให้มีผลกระทบต่อการโปรโมท

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกในประเทศไทยไม่มีความคึกคักเท่าที่ควร คือสถานีโทรทัศน์ที่ได้รับสิทธิในการถ่ายทอดสดเป็นช่องที่ไม่ได้มีเรตติ้งอยู่ในอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องอมรินทร์ทีวี ช่องทรูโฟร์ยู หรือช่อง 5 ซึ่งหากผู้ชมไม่ได้เปิดชมรายการของช่องดังกล่าวก็จะไม่ทราบถึงการโปรโมท และการทำกิจกรรมของช่อง

ปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 แฟนบอลไทยคึกคักแบบเงียบๆ

ทั้งนี้ หากดูภาพรวมเรตติ้งตั้งแต่วันแรกของการถ่ายทอดสด ซึ่งรวบรวมข้อมูลโดยบริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จะพบว่าเรตติ้งอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเรตติ้งที่สูงสุดตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่ 4 ก.ค. 2561 อยู่ที่ระดับ 4.092 เป็นคู่การแข่งขันของบราซิลและเม็กซิโก ถ่ายทอดสดโดยช่องอมรินทร์ทีวี

อีกคู่ที่มีเรตติ้งสูงใกล้เคียงกันคือ ฝรั่งเศสกับอาร์เจนตินา มีเรตติ้งอยู่ที่ 3.865 ส่วนคู่ที่มีเรตติ้งต่ำสุดในรอบนี้ คือการแข่งขันของคู่โครเอเชียและไนจีเรีย มีเรตติ้งอยู่ที่ 0.355 ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คู่นี้มีเรตติ้งค่อนข้างต่ำ ส่วนหนึ่งอาจมาจากเป็นทีมที่ได้รับความสนใจจากผู้ชมน้อย และถ่ายทอดสดค่อนข้างดึก คือเวลา 01.30 น.

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าปีนี้ระยะเวลาการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018จะไม่ดึกเหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา โดยคู่แรกจะเริ่มถ่ายทอดสดในเวลาประเทศไทยประมาณ 18.30 น. ต่อด้วยเวลา 21.30 น. 22.30 น. และ01.30 น. แต่หากสังเกตไปที่เรตติ้งช่วงเวลาที่มีผู้ชมสูงสุดยังคงเป็นช่วงเวลาประมาณ 18.30 น. และ 21.30 น.

ทวินันท์ คงคราญ รองโฆษกประจำ ททบ. และผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ททบ. กล่าวว่า ททบ.เป็นผู้ถ่ายทอดฟุตบอลโลก เพื่อตอบสนองนโยบายท่าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ผู้ชมชาวไทยได้ชมฟุตบอลโลก โดยไม่มุ่งเน้นถึงผลกำไร และ ททบ.เป็นฟรีทีวีของกองทัพบกที่พร้อมตอบสนองแนวทางที่ท่านรองประวิตร ต้องการสร้างความสุขให้คนไทย ซึ่ง ททบ.ในฐานะเป็นทีวีบริการสาธารณะเพื่อความมั่นคง รับแนวนโยบายดังกล่าวมาดำเนินการเพื่อให้ประชาชนมีความสุขกับการชมฟุตบอลโลกในครั้งนี้ ส่วนการรับชมที่ผ่านมามีกระแสตอบรับทางโซเชียลมีเดียและเรตติ้งในทางที่ดี

เช่นเดียวกับการจัดกิจกรรมพิเศษ 3 รายการ คือรายการ “WORLD CUP GURU RUSSIA 2018” เสนอบทวิเคราะห์การแข่งขันนัดที่ผ่านมา พร้อมกับร่วมพูดคุยกับแขกรับเชิญพิเศษก่อนเข้าสู่การถ่ายทอดสด “คุยก่อนเขี่ย” วาไรตี้ที่นำเสนอผลการแข่งขันและนำเสนอโปรแกรมการแข่งขันที่ ททบ.ถ่ายทอดสดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30-18.00 น. และ“ประตูสู่บอลโลก” สารคดีเกี่ยวกับปรากฏการณ์สุดยอด 20 นักเตะแห่งวงการลูกหนังโลก

ทวินันท์ แจงต่อว่า ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-6 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ภาพรวมเรตติ้งของการถ่ายทอดสดโดยเฉลี่ยดีขึ้นจาก 0.024 ในเดือน พ.ค. 2561 เป็น 0.143 ในเดือน มิ.ย.2561 ดีขึ้นเกือบ 6 เท่า แต่ถ้าตามในรายละเอียดจะเห็นว่าเรตติ้งบอลโลกไม่ได้ดีทุกแมตช์ ขึ้นอยู่กับคู่ที่ผู้ชมติดตาม อาทิ อังกฤษ พบกับ ปานามา วันที่ 24 มิ.ย. 2561 เวลา 19.00 น. เรตติ้ง 3.327 แต่ถ้าคู่ทีมเด่นเวลาไม่ดี เรตติ้งไม่สูงมาก ประมาณ 0.3-0.4

มองไปข้างหน้าฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์

แน่นอน ในอีก 4 ปีข้างหน้า ฟุตบอลโลกจะวนกลับมาที่ทวีปเอเชียอีกครั้ง แต่เป็นเอเชียตะวันออกกลาง ดินแดนแห่งทะเลทราย ที่มีประเทศกาตาร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก

กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่จะจัดขึ้นในฤดูหนาว ช่วงระหว่างวันที่ 21 พ.ย.-18 ธ.ค. 2022

ฮัสซัน อัล ธาวาดี ประธานคณะกรรมการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ของประเทศกาตาร์ ยืนยันว่าฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ในอีก 4 ปีข้างหน้านั้น จะต้องประสบความสำเร็จเหมือนที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพในปีนี้อย่างแน่นอน โดยมีคำแนะนำของรัสเซียคอยให้ความช่วยเหลือด้วย

เขาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ฟุตบอลโลกที่รัสเซียนั้นถูกจัดขึ้นในระดับที่สุดยอดมากๆ นับเป็นหนึ่งในฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่ได้หมายถึงเรื่องของการแข่งขันอย่างเดียว แต่ทั้งบรรยากาศ การจัดการ ล้วนแต่สุดยอดทั้งสิ้น ทำให้เป็นฟุตบอลโลกที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก และมั่นใจว่ากาตาร์จะจัดการแข่งขันได้ประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน

ปิดฉากฟุตบอลโลก 2018 แฟนบอลไทยคึกคักแบบเงียบๆ

สำหรับรายได้จากสปอนเซอร์ของฟุตบอลโลกในระยะหลังมักขึ้นๆ ลงๆ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยเงินจากสปอนเซอร์ในช่วงปี 2015-2018 มากกว่าช่วงปี 1999-2002 ถึง 2 เท่า ฟีฟ่าน่าจะหวังว่าในช่วงหลังจากนี้ไปจนถึงฟุตบอลโลกปี 2022 ที่กาตาร์รายได้จะกลับมาเติบโตอีกครั้ง โดยฟีฟ่าเริ่มมองหาสปอนเซอร์ที่เป็นบริษัทจากตะวันออกกลาง เพื่อให้มาเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการแข่งขันฟุตบอลโลกที่ภูมิภาคนี้เป็นเจ้าภาพครั้งแรก

การปฏิรูปของฟีฟ่าโดย จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า ที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2016 น่าจะเรียกศรัทธาจากผู้สนับสนุนให้กลับคืนมาได้ ตอนนี้ก็เริ่มเห็นการปฏิรูปในหลายด้านแล้ว เช่น การลงทุนเพื่อพัฒนาวงการฟุตบอล การเตรียมนำเอามาตรฐานธรรมาภิบาล และความโปร่งใสต่างๆ เข้ามากำกับดูแล รวมทั้งตั้งเป้าเพิ่มจำนวนนักฟุตบอลหญิงทั่วทั้งโลกให้เป็น 60 ล้านคน ในปี 2026

รวมถึงสมาคมฟุตบอลกาตาร์ต้องการดึง ซีเนอดีน ซีดาน อดีตเทรนเนอร์สโมสร เรอัล มาดริด ในลาลีกา ประเทศสเปน ซึ่งเป็นสโมสรอันดับ 1 ของโลก เข้ามาเป็นกุนซือทีมชาติคนใหม่ โดยพร้อมยื่นข้อเสนอให้ถึงปีละ 44 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,980 ล้านบาท) หรือคิดเป็นวันละราว 1.2 แสนปอนด์ (ประมาณ 5.4 ล้านบาท) โดยมีเป้าหมายสร้างทีมให้แข็งแกร่งก่อนเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2022 ที่ทีมชาติกาตาร์จะได้สิทธิลงเล่นโดยอัตโนมัติ

ทั้งหมดสอดคล้องกับการอ่านอนาคตและความคาดหวังของผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลต่างประเทศ ดร.พิว-จักรพันธ์ เรืองรุ่ง ที่มองถึงฟุตบอลโลกครั้งหน้า โดยเขาชี้ว่าความปลอดภัยสำคัญสุดเช่นเคย

“เพราะกาตาร์ถือเป็นประเทศที่เปราะบางทางความสัมพันธ์และการเมืองในย่านอาหรับ นอกจากนี้เรื่องของสภาพอากาศที่ร้อนจัดที่ทางเจ้าภาพต้องหาทางแก้ให้ได้ และขนส่งมวลชนต้องสร้างให้เรียบร้อยเสร็จทันรองรับ อีกทั้งยังเรื่องค่าครองชีพที่รัฐและฝ่ายจัดต้องเข้ามาควบคุม”