สิงโตฝันสลาย!โครเอเชียแซงชนะ 2-1

แข้งโครแอต ดับฝันสิงโตหนุ่ม แซงชนะ 2-1 ช่วงต่อเวลาพิเศษ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกในประวัติศาสตร์ กับ ฝรั่งเศส

แกเรธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษ ยังใช้ผู้เล่นตัวหลักชุดเดิม นำโดย แฮร์รี เคน กัปตันทีมดาวซัลโว พบกับ โครเอเชีย ที่มี ลูกา โมดริช เป็นความหวังสำคัญ ในรอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2018 เมื่อวันที่ 11 ก.ค. โดยอังกฤษ หวังเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกในรอบ 52 ปี ส่วนโครเอเชีย ลุ้นเข้าชิงครั้งแรกในประวัติศาสตร์

เริ่มเกมได้เพียง 5 นาที อังกฤษ ได้ลูกฟรีคิกหน้าประตู คีแรน ทริปเปียร์ รับหน้าที่ปั่นเข้าไปอย่างสวยงาม ช่วยให้ทีมสิงโตคำราม ขึ้นนำอย่างรวดเร็ว 1-0

หลังจากเสียประตู โครเอเชีย ก็พยายามทำเกมบุก แต่ไม่มีโอกาสเจาะเข้าเขตโทษสิงโตคำรามมากนัก และนาทีที่ 30 อังกฤษ ได้ทำเกมขึ้น และแฮร์รีเคน หลุดเข้าไปยิงติด ดานิเยล ซูบาซิช ผู้รักษาประตูโครเอเชีย ก่อนซ้ำอีกครั้งไปชนเสามาโดนตัว ซูบาซิช หลุดออกไป จากนั้นอีก 2 นาที อัสเต เรบิช ได้ยิงนอกกรอบเข้ามือ จอร์แดน พิกฟอร์ด

นาที 36 เจสซี ลินการ์ด ได้ปั่นโล่งหน้าเขตโทษ แต่บอลหลุดออกหลังแบบไม่ได้ลุ้น หลังจากนั้น เกมส่วนใหญ่จะอยู่ที่กลางสนาม ก่อนจบครึ่งแรก อังกฤษ นำ 1-0

เข้าสู่ครึ่งหลัง โครเอเชีย กลับมาทำเกมบุกอย่างหนัก แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่คมพอ ก่อนความพยายามจะสำเร็จในนาทีที่ 68 เมื่อ ซิเม เวอร์ซัลจ์โก เปิดบอลจากฝั่งขวาเข้ามาให้ อิวาน เปริซิซ ที่ชิงเข้าจิ้มบอลก่อน ไคล์ วอล์กเกอร์ จะโหม่ง เป็นประตูตีเสมอให้ทีม 1-1

จากนั้น แข้งโครต ก็ยังคงกดดันอังกฤษ อย่างต่อเนื่อง และนาที 72 เปริซิซ ได้ยิงในกรอบเขตโทษบอลชนเสามาเข้าทางเพื่อนร่วมทีมซ้ำ ไปเข้ามือ พิกฟอร์ด ก่อนที่ เซาธ์เกต จะตัดสินใจเปลี่ยนเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงมาแทน ราฮีม สเตอร์ลิง หลังเห็นลูกทีมโดนขึงเกมจนเกมรับเริ่มปั่นป่วน และได้โอกาสทำเกมรุกสวนบ้าง แต่จังหวะสุดท้ายยังขาดๆ เกินไป

นาที 107 โครเอเชีย ได้โอกาสบ้างจากการเปิดบอลมาให้ มานด์ซูคิซ จิ้มบอลไปติด พิกฟอร์ด ที่ออกมาเซฟได้ทัน

ช่วงก่อน 10 นาทีสุดท้าย ทั้งสองต่างพยายามสวนกลับเร็ว เมื่อได้ตัดบอลได้ แต่ก็ไม่สามารถเจาะตาข่ายเพิ่มได้ จบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษ ซึ่งเป็นแมตช์ที่ 3 ติดต่อกันของทีมโครเอเชีย และนาที 99 อังกฤษ ซึ่งเปลี่ยน เอริก ดายเออร์ ลงมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้เตะมุมเปิดเข้ามาหน้าประตู จอห์น สโตน ขึ้นโหม่งบอลกำลังจะเข้าประตู แต่โดน เวอร์ซัลจ์โก เคลียร์ออกมาได้ พลาดได้ประตูอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 109 อังกฤษเคลียร์บอลไม่ขาด เปริซิซ โหม่งต่อมาให้ มานด์ซูคิช ยิงระยะเผาขนไม่พลาด ช่วยให้ โครเอเชีย แซงนำ 2-1 ช่วง 5 นาทีสุดท้าย อังกฤษ ต้องเสีย คีแรน ทริปเปียร์ ที่บาดเจ็บต้นขาเล่นต่อไม่ไหว เหลือ 10 คนในสนาม เพราะเปลี่ยนตัวครบแล้ว จบเกมโครเอเชีย ชนะ 2-1 ผ่านเข้าชิงชนะเลิศในฟุตบอลโลกครั้งแรกได้สำเร็จ