posttoday

"มุกข์ลดา สารพืช" ผู้หญิงก็ซิ่งได้

09 กรกฎาคม 2561

มุกข์ลดา สารพืช นักบิดหญิงแกร่งหนึ่งเดียวของไทย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากีฬามอเตอร์สปอร์ตไม่ได้มีไว้ให้แค่ชายอกสามศอก

มุกข์ลดา สารพืช นักบิดหญิงแกร่งหนึ่งเดียวของไทย พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากีฬามอเตอร์สปอร์ตไม่ได้มีไว้ให้แค่ชายอกสามศอก

โดย...ชมณัฐ


วงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย กลายเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมในวงกว้างมากขึ้น ซึ่งไม่ได้มีเพียงเฉพาะผู้ชายเท่านั้นที่คลั่งไคล้ในโลกแห่งความเร็ว แต่ผู้หญิงยุคปัจจุบันหลายรายก็หลงใหลในกีฬาชนิดนี้เช่นกัน ที่สำคัญยังมีต้นแบบที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในระดับเอเชีย อีกทั้งยังเป็นการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ที่สุดอันตรายอย่าง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดหญิงแกร่งหนึ่งเดียวของไทยแห่งทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์

มุกข์ลดา สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักแข่งหญิงไทยรายแรกที่คว้าอันดับ 1 ในศึกชิงแชมป์ความเร็วรายการใหญ่ของทวีปอย่าง “เอเชีย โรด เรซซิ่ง 2018” สนามแรก ในรุ่นเอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. บนสังเวียน ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ด้วยการชนะบรรดานักบิดชายอีก 25 รายจากนานาชาติ อาทิ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม

สัมผัสแรกแห่งความเร็ว

หลายคนคงอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดเด็กหญิงจากปทุมธานีรายนี้จึงเลือกที่จะก้าวเข้าสู่โลกแห่งความเร็วอันสุดแสนจะอันตรายในสายตาคนทั่วไป เพราะแชมป์ที่กล่าวถึงข้างต้นไม่ใช่ความสำเร็จแรกของเธอ โดยก่อนหน้านี้เธอได้บ่มเพาะประสบการณ์มาอย่างเต็มเปี่ยม ไล่ตั้งแต่แชมป์นาโนไบค์ ก่อนขยับรุ่นสู่การแข่งขันจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์จริงๆ และกวาดโทรฟี่มามากมาย

“พื้นฐานเป็นคนชอบเล่นกีฬาอยู่แล้ว จนกระทั่งอายุ 11 ขวบ มีคนรู้จักชวนไปลองขี่นาโนไบค์ซึ่งเป็นรถขนาดเล็กขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มาเปิดละแวกบ้าน เราเห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนุกและฟรีด้วยเลยแอบครอบครัวไปลองขี่หลังเลิกเรียน พอได้ลองไป 4-5 ครั้ง เจ้าของร้านเขาก็ให้เราลองลงแข่งเลย ซึ่งมันก็ไม่ได้อันตรายเพราะความเร็วแค่ราว 20 กม./ชม. แต่เราสามารถเข้าที่ 4 และได้เงินรางวัล 800 บาท ซึ่งมันเป็นเงินที่มากสำหรับเราตอนอายุขณะนั้น” นักบิดสาววัย 24 ปี ย้อนความ

การได้เริ่มสัมผัสโลกมอเตอร์สปอร์ตครั้งแรกด้วยรถขนาดเล็กความเร็วต่ำ บนสนามแข่งที่มีความปลอดภัยและมีอุปกรณ์การแข่งที่เซฟตี้อย่างดีทั้งชุดและหมวกกันน็อก เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เธอคุ้นชินกับการขี่รถจักรยานยนต์และกล้าที่จะลองบิดคันเร่งเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น ขณะที่ภาพการขึ้นโพเดียมรับรางวัลและเงินรางวัล 800 บาท ก็เป็นแสงสว่างสำคัญที่ทำให้เด็กคนหนึ่งเริ่มคิดแล้วว่าการแข่งรถก็สามารถสร้างชื่อเสียงและหาเงินมาใช้จ่ายได้

มุกข์ลดา จึงตัดสินใจบอกคุณแม่และพาเข้ามาชมการแข่งขันของตัวเองในสนาม ซึ่งเป็นธรรมดาที่ต้องเกิดความห่วงใยและกังวลในอันตราย แต่เมื่อเห็นลูกสาวมีความสุขในสิ่งที่ทำจริงและยังมีการเซฟตี้อย่างดี จึงอนุญาตให้ลองทำต่อโดยขออย่างเดียวคือห้ามโดดเรียน

เปลี่ยนคำสบประมาทเป็นแรงผลักดัน

หลังจากกวาดแชมป์ในการแข่งนาโนไบค์อยู่ราว 4 ปีเธอตัดสินใจลองก้าวเข้าสู่การแข่งขันรถจักรยานยนต์ที่มีเครื่องยนต์จริงๆ เป็นครั้งแรกในสังกัดทีมฮอนด้า ช.เจริญยนต์ โดยตระเวนลงชิงชัยตามสนามแข่งขันต่างๆ พร้อมมีเงินเดือนประจำราว 6,000 บาท ไม่รวมเงินรางวัลและโบนัสจากการแข่งขัน ซึ่งเป็นเงินที่มากสำหรับเด็กมัธยมศึกษาปีที่ 3 อย่างเธอ แล้วเมื่อเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นที่จับตามองมากขึ้นจึงมีสื่อหลายเจ้าให้ความสนใจ


“มีคอลัมน์หนึ่งเขาเขียนท้าทายเราประมาณว่าลงแข่งแต่รถตามท้องตลาดทั่วไปก็เก่งอยู่แล้ว แต่ถ้าลองรุ่นที่ใหญ่กว่านี้ขึ้นไปเป็นผู้หญิงจะได้สักแค่ไหน เราจึงตัดสินใจที่จะขยับรุ่นเพิ่มความเร็วให้สูงขึ้น ซึ่งเราก็มีพื้นฐานและมีผลงานมาพอสมควรแล้ว ทาง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ จึงเรียกเราไปพูดคุยเมื่อปี 2015 พร้อมเซ็นสัญญาคอยสนับสนุนเรื่อยมา” มุกข์ เผย

การก้าวสู่โลกมอเตอร์สปอร์ตอย่างเต็มตัวได้มอบทุกอย่างให้กับเธอทั้งชื่อเสียงและเงินทอง จนสามารถเลี้ยงตัวเอง แบ่งเบาภาระครอบครัวแทนคุณพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว และส่งน้องชายเรียนได้ด้วยตัวเอง โดยแลกกับการฝึกฝนที่หนักขึ้นโดยเฉพาะด้านสมรรถภาพร่างกายที่ต้องพัฒนาขึ้นมาสู้กับนักบิดชายฉกรรจ์

"มุกข์ลดา สารพืช" ผู้หญิงก็ซิ่งได้

เป็นนักแข่งได้ไม่ยาก

มุกข์ลดา เชื่อว่าสมัยนี้การที่เด็กคนหนึ่งใฝ่ฝันที่จะก้าวขึ้นมาเป็นนักแข่งรถนั้นไม่ยาก เพราะมีช่องทางสนับสนุนมากมายโดยไม่จำเป็นต้องมีรถเป็นของตัวเองและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล โดยแนะนำว่าสามารถเดินทางไปฝึกพื้นฐานได้ที่ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ซึ่งมีอยู่มากมายหลายจังหวัด

“สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีใจรัก ที่ศูนย์ขับขี่ปลอดภัยฯ เราสามารถเดินเข้าไปขอฝึกหัดการขับขี่ขั้นพื้นฐานได้เพราะที่นั่นมีรถคอยให้บริการ และหากลองแล้วไม่ชอบก็สามารถใช้ทักษะเหล่านั้นขับขี่บนท้องถนนในชีวิตประจำวันได้” มุกข์ กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีโครงการ เอ.พี.ฮอนด้า อะคาเดมี่ ไทยแลนด์ ปั้นนักบิดหน้าใหม่สู่สนามระดับโลก เฟ้นเยาวชนทั้งชายและหญิงอายุ 9-14 ปี เข้าฝึกในโครงการภายใต้การดูแลโดย “ฟิล์ม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักบิดไทยดีกรีโมโตทู ซึ่งการคัดเลือกปีที่ 2 เปิดรับสมัครแล้วถึงวันที่ 20 ส.ค.นี้

นักบิดสาวแกร่ง ยังมั่นใจว่าการเป็นนักแข่งรถอาชีพมีความสนุกและท้าทายไม่ต่างจากการซิ่งแข่งกันบนท้องถนน แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือมีความปลอดภัยที่มากกว่า เห็นได้ชัดจากการที่ตัวเองประสบอุบัติเหตุรถล้มอย่างน่าหวาดเสียว ระหว่างลงแข่งที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง “มุกข์” ยอมรับว่าหากเป็นการแข่งบนถนนทั่วไปโดยไม่มีชุดและหมวกป้องกันแล้วต้องล้มอย่างเดียวกัน เธอคงมีโอกาสเจออันตรายถึงชีวิตได้ ไม่ใช่แค่บาดเจ็บที่ข้อมือซ้ายเล็กน้อยเหมือนที่เป็น

“ทุกอย่างต้องมีการฝึกฝน อย่าคิดแค่ว่าเคยแข่งรถกันตามท้องถนนแล้วจะมาเป็นนักแข่งได้ เราอยากให้คนที่แข่งกันบนถนนหรือที่เรียกกันว่าเด็กแว้นได้คำนึงถึงความปลอดภัยแล้วมาแข่งในสนามที่มีระบบเซฟตี้ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทั้งตัวเองและผู้อื่น การเป็นนักแข่งอาชีพได้ทั้งเงิน ความสนุก และยังสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยได้อีกด้วย” มุกข์ลดา ทิ้งท้าย