posttoday

"อองรี"กุญแจสำคัญ พาเบลเยียมลุ้นแชมป์

09 กรกฎาคม 2561

"เธียร์รี อองรี" ตำนานกองหน้าฝรั่งเศส ในบทบาทผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเบลเยียม เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" มีลุ้นคว้าถ้วยแชมป์โลก

"เธียร์รี อองรี" ตำนานกองหน้าฝรั่งเศส ในบทบาทผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเบลเยียม เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" มีลุ้นคว้าถ้วยแชมป์โลก

*************************

โดย...ชมณัฐ

เบลเยียมกลายเป็นทีมที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นมากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยเฉพาะเกมรุกอันเปี่ยมประสิทธิภาพ ซึ่งกุญแจสำคัญคงหนีไม่พ้นการเข้ามาช่วยงานของ เธียร์รี อองรี ตำนานกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ในบทบาทผู้ช่วยโค้ช

ดาวเตะดีกรีแชมป์โลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000 เข้ามารับงานเป็นผู้ช่วย โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยียม ตั้งแต่ปี 2016 โดยมีภารกิจสำคัญคือติวเข้มเกมรุกให้ดุดันและมีศักยภาพเพิ่มขึ้น

“อองรีนำสิ่งที่แตกต่างมาทำให้เราสมบูรณ์ เขามอบสมบัติอันล้ำค่าและประสบการณ์ของเขาให้กับทีม ข้อมูลของเขามีความสำคัญมาก หน้าที่ของเขาคือให้คำแนะนำกองหน้าของเราว่าแต่ละคนควรเคลื่อนที่อย่างไรในเขตโทษ” มาร์ติเนซ กล่าวถึงผู้ช่วยคนสำคัญ

สิ่งเหล่านี้แสดงออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนจากผลงานของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ที่กระหน่ำตาข่ายมากที่สุดเหนือทุกทีมที่เข้าแข่งขัน รวมแล้วถึง 14 ประตู จาก 5 เกม โดยมาจากการเล่นโอเพ่นเพลย์ 7 ประตู (มากที่สุด) เคาน์เตอร์แอทแทค 3 ประตู (มากที่สุด) เซตพีซ 2 ประตู จุดโทษ 1 ประตู และคู่แข่งทำเข้าประตูตัวเอง 1 ประตู ซึ่งบ่งบอกว่า อองรี ไม่เพียงแค่ติวเข้มเรื่องการจบสกอร์ของผู้เล่นแต่ละคน แต่เป็นผู้วางแผนภาพรวมเกมรุกของทั้งทีม

นอกจากนี้ ยังช่วยเค้นฟอร์มของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวเก่งของทีมให้กลับมาระเบิดประตูได้อีกครั้ง โดยยิงไปแล้ว 4 ประตู รั้งอันดับ 2 บนทำเนียบดาวซัลโว อีกทั้งยังช่วยผสานงานกับเพื่อนสร้างโอกาสในเกมรุกให้กับทีมได้อีกหลายครั้ง

“ผมคิดว่าอองรีควรได้รับเครดิตอย่างมาก เขาทำงานร่วมกับลูกากูได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ การตัดสินใจจ่ายบอลให้กับใครสักคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าของเขาบ่งบอกถึงวุฒิภาวะที่มากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าทำไมเรามาอยู่ที่จุดนี้ เราเป็นทีมที่ช่วยเหลือกันและพยายามที่จะเอาชนะการแข่งขัน” กุนซือเบลเยียม กล่าว

ที่สำคัญเกมรุกอันยอดเยี่ยมนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะในรอบคัดเลือกเบลเยียมยังสามารถถลุงตาข่ายคู่แข่งถึง 43 ประตู จาก 10 นัดที่ลงสนาม มากที่สุดในบรรดา 54 ทีม (9 กลุ่ม) เท่ากับเยอรมนี โดย ลูกากู ยิงคนเดียว 11 ประตู

ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้อดีตแข้งวัย 40 ปี จะมีประสบการณ์เป็นโค้ชไม่มากนัก เคยเป็นเพียงโค้ชทีมเยาวชนชุด ยู-18 ให้กับอาร์เซนอลในเวลาสั้นๆ ก่อนผันตัวเป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับสถานีโทรทัศน์ “สกายสปอร์ต” สื่อดังเมืองผู้ดีจนถึงปัจจุบัน ทว่าผลงานในสนามที่จารึกไว้ว่าเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทั้งทีมชาติและสโมสร คือ 51 ประตู (123 นัด) ในนามทีมชาติฝรั่งเศส และ 228 ประตู (377 นัด) ในสีเสื้อปืนใหญ่นั้น เข้ามาช่วยเบลเยียมได้เป็นอย่างดี

"อองรี"กุญแจสำคัญ พาเบลเยียมลุ้นแชมป์

อย่างไรก็ตาม อองรี ยังมีภารกิจวัดใจเมื่อต้องนำทัพเบลเยียมลงเผชิญหน้าฝรั่งเศส ทีมบ้านเกิดของตัวเองในรอบรองชนะเลิศ ที่สนามเครสตอฟสกี สเตเดี้ยม วันที่ 10 ก.ค.นี้ ซึ่งต้องจับตาดูว่าแท็กติกเกมรุกของเจ้าตัวจะแผลงฤทธิ์ได้หรือไม่

“เรารักอองรี แต่เรารู้ถึงความอันตรายที่เขาสามารถทำได้ เขาเป็นนักวิเคราะห์ที่ดีมาก และสำหรับฝรั่งเศสเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้เล่นแม้กระทั่งแท็กติกบนม้านั่งสำรอง” จาคอบ อีเซีย คอลัมนิสต์ซิติเซน ดิจิทัล ระบุ

ขณะที่ ลูคัส เอร์นานเดซ กองหลังตัวเก่งทัพเลส์เบลอส์ ยอมรับว่าชาวฝรั่งเศสรู้ดีว่าอองรีเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และหวังว่าเจ้าตัวจะไม่สามารถเอาชนะทีมบ้านเกิดได้ และหากทัพตราไก่เป็นฝ่ายชนะ ก็เชื่อว่าอองรีจะร่วมมีความสุขด้วย เพราะเหนือสิ่งอื่นใดเขาคือชาวฝรั่งเศส

ขุมกำลังเบลเยียมชุดนี้ ถือเป็นทีมรวมดาวคุณภาพ มีทั้งสตาร์ดังล้นทีม ไม่ว่าจะเป็น ลูกากู, เควิน เดอ บรอยน์, เอเดน อาซาร์, ดรีส์ เมอร์เทนส์, ติโบต์ กูร์ตัวส์ ฯลฯ จนถูกขนานนามว่าเป็น “ยุคทอง” ตั้งแต่ศึกยูโร 2016 ทว่าก็ไม่สามารถไปได้ไกล จอดป้ายเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ดังนั้น เกมพบฝรั่งเศสแมตช์นี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” และอองรี เหมือนที่เจ้าตัวเคยประกาศไว้ว่า “การเป็นยุคทองที่แท้จริง คุณต้องนำเหรียญทองเอามาคล้องคอด้วย”