"เธียร์รี อองรี" ตำนานกองหน้าฝรั่งเศส ในบทบาทผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเบลเยียม เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" มีลุ้นคว้าถ้วยแชมป์โลก
*************************
โดย...ชมณัฐ
เบลเยียมกลายเป็นทีมที่โชว์ฟอร์มโดดเด่นมากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ โดยเฉพาะเกมรุกอันเปี่ยมประสิทธิภาพ ซึ่งกุญแจสำคัญคงหนีไม่พ้นการเข้ามาช่วยงานของ เธียร์รี อองรี ตำนานกองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ในบทบาทผู้ช่วยโค้ช
ดาวเตะดีกรีแชมป์โลก 1998 และแชมป์ยูโร 2000 เข้ามารับงานเป็นผู้ช่วย โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติเบลเยียม ตั้งแต่ปี 2016 โดยมีภารกิจสำคัญคือติวเข้มเกมรุกให้ดุดันและมีศักยภาพเพิ่มขึ้น
“อองรีนำสิ่งที่แตกต่างมาทำให้เราสมบูรณ์ เขามอบสมบัติอันล้ำค่าและประสบการณ์ของเขาให้กับทีม ข้อมูลของเขามีความสำคัญมาก หน้าที่ของเขาคือให้คำแนะนำกองหน้าของเราว่าแต่ละคนควรเคลื่อนที่อย่างไรในเขตโทษ” มาร์ติเนซ กล่าวถึงผู้ช่วยคนสำคัญ
สิ่งเหล่านี้แสดงออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจนจากผลงานของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ที่กระหน่ำตาข่ายมากที่สุดเหนือทุกทีมที่เข้าแข่งขัน รวมแล้วถึง 14 ประตู จาก 5 เกม โดยมาจากการเล่นโอเพ่นเพลย์ 7 ประตู (มากที่สุด) เคาน์เตอร์แอทแทค 3 ประตู (มากที่สุด) เซตพีซ 2 ประตู จุดโทษ 1 ประตู และคู่แข่งทำเข้าประตูตัวเอง 1 ประตู ซึ่งบ่งบอกว่า อองรี ไม่เพียงแค่ติวเข้มเรื่องการจบสกอร์ของผู้เล่นแต่ละคน แต่เป็นผู้วางแผนภาพรวมเกมรุกของทั้งทีม
นอกจากนี้ ยังช่วยเค้นฟอร์มของ โรเมลู ลูกากู กองหน้าตัวเก่งของทีมให้กลับมาระเบิดประตูได้อีกครั้ง โดยยิงไปแล้ว 4 ประตู รั้งอันดับ 2 บนทำเนียบดาวซัลโว อีกทั้งยังช่วยผสานงานกับเพื่อนสร้างโอกาสในเกมรุกให้กับทีมได้อีกหลายครั้ง
“ผมคิดว่าอองรีควรได้รับเครดิตอย่างมาก เขาทำงานร่วมกับลูกากูได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ การตัดสินใจจ่ายบอลให้กับใครสักคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่าของเขาบ่งบอกถึงวุฒิภาวะที่มากขึ้น และแสดงให้เห็นว่าทำไมเรามาอยู่ที่จุดนี้ เราเป็นทีมที่ช่วยเหลือกันและพยายามที่จะเอาชนะการแข่งขัน” กุนซือเบลเยียม กล่าว
ที่สำคัญเกมรุกอันยอดเยี่ยมนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะในรอบคัดเลือกเบลเยียมยังสามารถถลุงตาข่ายคู่แข่งถึง 43 ประตู จาก 10 นัดที่ลงสนาม มากที่สุดในบรรดา 54 ทีม (9 กลุ่ม) เท่ากับเยอรมนี โดย ลูกากู ยิงคนเดียว 11 ประตู
ดังนั้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าแม้อดีตแข้งวัย 40 ปี จะมีประสบการณ์เป็นโค้ชไม่มากนัก เคยเป็นเพียงโค้ชทีมเยาวชนชุด ยู-18 ให้กับอาร์เซนอลในเวลาสั้นๆ ก่อนผันตัวเป็นนักวิเคราะห์เกมให้กับสถานีโทรทัศน์ “สกายสปอร์ต” สื่อดังเมืองผู้ดีจนถึงปัจจุบัน ทว่าผลงานในสนามที่จารึกไว้ว่าเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทั้งทีมชาติและสโมสร คือ 51 ประตู (123 นัด) ในนามทีมชาติฝรั่งเศส และ 228 ประตู (377 นัด) ในสีเสื้อปืนใหญ่นั้น เข้ามาช่วยเบลเยียมได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม อองรี ยังมีภารกิจวัดใจเมื่อต้องนำทัพเบลเยียมลงเผชิญหน้าฝรั่งเศส ทีมบ้านเกิดของตัวเองในรอบรองชนะเลิศ ที่สนามเครสตอฟสกี สเตเดี้ยม วันที่ 10 ก.ค.นี้ ซึ่งต้องจับตาดูว่าแท็กติกเกมรุกของเจ้าตัวจะแผลงฤทธิ์ได้หรือไม่
“เรารักอองรี แต่เรารู้ถึงความอันตรายที่เขาสามารถทำได้ เขาเป็นนักวิเคราะห์ที่ดีมาก และสำหรับฝรั่งเศสเขารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้เล่นแม้กระทั่งแท็กติกบนม้านั่งสำรอง” จาคอบ อีเซีย คอลัมนิสต์ซิติเซน ดิจิทัล ระบุ
ขณะที่ ลูคัส เอร์นานเดซ กองหลังตัวเก่งทัพเลส์เบลอส์ ยอมรับว่าชาวฝรั่งเศสรู้ดีว่าอองรีเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ และหวังว่าเจ้าตัวจะไม่สามารถเอาชนะทีมบ้านเกิดได้ และหากทัพตราไก่เป็นฝ่ายชนะ ก็เชื่อว่าอองรีจะร่วมมีความสุขด้วย เพราะเหนือสิ่งอื่นใดเขาคือชาวฝรั่งเศส
ขุมกำลังเบลเยียมชุดนี้ ถือเป็นทีมรวมดาวคุณภาพ มีทั้งสตาร์ดังล้นทีม ไม่ว่าจะเป็น ลูกากู, เควิน เดอ บรอยน์, เอเดน อาซาร์, ดรีส์ เมอร์เทนส์, ติโบต์ กูร์ตัวส์ ฯลฯ จนถูกขนานนามว่าเป็น “ยุคทอง” ตั้งแต่ศึกยูโร 2016 ทว่าก็ไม่สามารถไปได้ไกล จอดป้ายเพียงรอบ 8 ทีมสุดท้าย
ดังนั้น เกมพบฝรั่งเศสแมตช์นี้จึงเป็นบททดสอบสำคัญของ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” และอองรี เหมือนที่เจ้าตัวเคยประกาศไว้ว่า “การเป็นยุคทองที่แท้จริง คุณต้องนำเหรียญทองเอามาคล้องคอด้วย”
กสทช. ยันคนไทยได้ดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก2018 ผ่านฟรีทีวีแน่นอน
วันที่ 24 ม.ค. 2561
"ตูเร" กลืนน้ำลายคัมแบ๊กทีมชาติ
วันที่ 27 ธ.ค. 2560
"อัซซูรี" ลุ้นไปบอลโลกแทน "เปรู"
วันที่ 24 พ.ย. 2560
เยดินัคฮีโร่พาออสเตรเลียลิ่วบอลโลก
วันที่ 15 พ.ย. 2560
สิงโตมีคิวอุ่นเครื่องดัตช์-อิตาลี
วันที่ 14 พ.ย. 2560