"แซมบ้า" สถิติข่มจังโก้

บอลโลกคืนนี้เต็งแชมป์บราซิลจะเจอกับเม็กซิโก เกมนี้แซมบ้ามีสถิติที่เหนือกว่า ขณะที่อีกคู่ ญี่ปุ่น จะเจอกับเบลเยียม ต้องลุ้นว่าตัวแทนจจากเอเชียจะต้านไหวหรือไม่

*********************

โดย...ชมณัฐ

บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ขุมกำลังพร้อมเต็มสูบ มีคิวลงเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายพบเม็กซิโก ซึ่งมีสถิติเป็นรองชัดเจน ในศึกฟุตบอลโลก 2018 คืนนี้ (2 ก.ค.)

บราซิล-เม็กซิโก

เวลา : 21.00 น.

(ทรู 668/อมรินทร์ทีวี)

บราซิลฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆ คว้าชัย 2 นัดติดเหนือคอสตาริกาและเซอร์เบีย ด้วยสกอร์เดียวกัน 2-0 จนคว้าแชมป์กลุ่มอีได้สำเร็จ หลังจากนัดเปิดสนามสะดุดเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1 ซึ่ง ติเต และลูกทีมหวังรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ให้ได้

“เรากำลังพัฒนาขึ้นและเราต้องการที่จะให้มันดีขึ้นอีก สิ่งเดียวที่เราพยายามทำคือการคว้าแชมป์ให้ได้ แต่ถ้าเราต้องแพ้ เราก็จะแพ้ด้วยฟอร์มการเล่นที่สุดยอด”
คาเซมิโร กล่าว

สภาพทีมทัพเซเลเซา ได้ข่าวดีเมื่อ มาร์เซโล กับ ดานิโล แบ็กซ้าย-ขวา ที่บาดเจ็บกลับมาซ้อมได้แล้วและมีลุ้นลงสนาม แต่จะไม่มี ดักลาส คอสตา ปีกสำรองตัวจี๊ดที่เจ็บต้นขาต้องพักยาว

ขณะที่ขุมกำลังรายอื่นสมบูรณ์พร้อม ยึดแข้งชุดเดิมที่ใช้มา 2 นัดหลังสุดในระบบ 4-2-3-1 คู่เซ็นเตอร์เป็น ติอาโก ซิลวา กับ มิรันดา ส่วนแดนกลางใช้ เปาลินโญ กับ คาเซมิโร โดยมี เนย์มาร์ วิลเลียน และฟิลิปเป คูตินโญ (2 ประตู 1 แอสซิสต์) เดินเกมรุกด้านหลัง กาเบรียล เฮซุส ที่รอเบิกตุงแรก

ทั้งนี้ บราซิลมีสถิติเหนือกว่าคู่แข่งชัดเจน เจอกันทั้งหมด 28 ครั้ง “ขุนพลแซมบ้า” คว้าชัยถึง 16 นัด (เสมอ 4 แพ้ 8) และหากนับเฉพาะในฟุตบอลโลก 4 ครั้ง ชนะ 3 เสมอ 1 ยิงได้ 11 ประตู โดยไม่เสียเลยแม้แต่ลูกเดียว

ด้าน เม็กซิโก ปราบแชมป์เก่า เยอรมนี 1-0 ต่อด้วยเกาหลีใต้ 2-1 แต่นัดสุดท้ายโดนสวีเดน ถล่มยับ 0-3 จบรองแชมป์กลุ่มเอฟ ซึ่ง ฮวน คาร์ลอส โอโซริโอ เฮดโค้ช มั่นใจว่าไม่กระทบต่อสภาพจิตใจลูกทีม

“สิ่งที่ทำให้ผมใจเย็นคือการที่ทุกคนพร้อมที่จะลงเล่น คุณต้องเรียนรู้ความพ่ายแพ้ เพราะคุณจะได้ลบสิ่งที่ไม่ดีออกไป เกมกับสวีเดนเป็นบทเรียนช่วยสอนเราอย่างมาก” อันเดรส กวาร์ดาโด กัปตันทีม เผย

เกมนี้ “จังโก้” มีปัญหาที่หลังบ้านเมื่อ เฮกเตอร์ โมเรโน กองหลังตัวเก่งจากเรอัล โซเซียดาด ติดโทษแบน ทำให้ต้องใช้ ฮิวโก อยาลา จับคู่กับ คาร์ลอส ซัลเซโด ในระบบ 4-2-3-1

แนวรุกฝากความหวังไว้ที่ “ชิชาริโต”ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ โดยมี เออร์วิง โลซาโน (1 ประตู 1 แอสซิสต์) พร้อมด้วย คาร์ลอส เวลา (1 ประตู) และมิเกล ลายุนสนับสนุนอยู่ด้านหลัง

เบลเยียม-ญี่ปุ่น

เวลา : 01.00 น.

(ทรู 668/ททบ.5)

เบลเยียมคว้าแชมป์กลุ่มจี ด้วยผลงานชนะ 3 นัดรวด และเป็นทีมที่ยิงเยอะที่สุดในรอบแรก 9 ประตู เหนือปานามา 3-0 ตูนิเซีย 5-2 และอังกฤษ 1-0 ที่สำคัญนักเตะตัวหลักฟิตเต็มถังเพราะนัดที่แล้วโรเตชั่นผู้เล่นยกทีม

แนวรุก เอเดน อาซาร์ (2 ประตู 1 แอสซิสต์) กับ โรเมลู ลูกากู (4 ประตู) สลัดอาการเจ็บลงตัวจริงแน่นอน พร้อมด้วย ดรีส์ เมอร์เทนส์ (1 ประตู 1 แอสซิสต์) ส่วนแดงกลาง เควิน เดอ บรอยน์ ขับเคลื่อนเกมร่วมกับ อักเซล วิตเซล

ด้าน ญี่ปุ่น รองแชมป์กลุ่มเอช ผ่านเข้ารอบมาอย่างเฉียดฉิวด้วยคะแนนแฟร์เพลย์ ผลงานชนะโคลอมเบีย 2-1 เสมอเซเนกัล 2-2 และแพ้โปแลนด์ 0-1 เกมที่แล้วพักตัวหลักหลายรายโดยเฉพาะแนวรุก นัดนี้ไม่มีใครเจ็บและแบน

แดนหน้า 4 แนวรุก ชินจิคากาวะ, ทาคาชิ อินุอิ, เก็งคิฮารากูชิ และยูยะ โอซาโกะ ที่ได้พักจะกลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง เช่นเดียวกับ มาโกโตะ ฮาซาเบะ ห้องเครื่องตัวสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แม้ภาพรวม “ซามูไร” จะดูเป็นรอง แต่สถิติการพบกันเหนือกว่า 5 นัด ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1 โดยในฟุตบอลโลก 2002 เสมอกัน 2-2 แต่เกมอุ่นเครื่องล่าสุดเมื่อปลายปี 2017 “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เป็นฝ่ายเฉือนชนะ 1-0 จากประตูชัยของ ลูกากู

ทรรศนะ

บราซิล-เม็กซิโก : ทัพเซเลเซา ต้องระวังเกมโต้กลับของเม็กซิโกให้ดี หากรับมือได้ปิดประตูแพ้แน่นอน

เบลเยียม-ญี่ปุ่น : เบลเยียม ฟอร์มร้อนแรงจริงๆ ซามูไรไม่น่าต้านไหว