posttoday

สิงโตชนปีศาจชิงแชมป์กลุ่มจี

28 มิถุนายน 2561

บอลโลกคืนนี้ สิงโตคำรามมีนัดเจอกับเบลเยียม แม้ทั้งสองทีมจะจูงมือกันเข้ารอบแล้ว แต่เกมนี้ก็ถือเป็นภารกิจในการชิงแชมป์ของกลุ่มจี

บอลโลกคืนนี้ สิงโตคำรามมีนัดเจอกับเบลเยียม แม้ทั้งสองทีมจะจูงมือกันเข้ารอบแล้ว แต่เกมนี้ก็ถือเป็นภารกิจในการชิงแชมป์ของกลุ่มจี

**********************

โดย...ชมณัฐ

อังกฤษและเบลเยียม จูงมือกันเข้ารอบแล้ว แต่ยังมีภารกิจแย่งแชมป์กลุ่มจี ในนัดสุดท้ายคืนนี้ (28 มิ.ย.)

อังกฤษ-เบลเยียม

เวลา : 01.00 น. (ทรู 668/ททบ.5)

ทัพสิงโตคำรามเก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัด (ผลต่างประตู +6/ยิงได้ 8) เท่ากันกับเบลเยียมทุกประการ แต่ยังได้เปรียบเรื่องคะแนนแฟร์เพลย์ ซึ่งอังกฤษโดน 2 ใบเหลือง (-2 คะแนน) ส่วน “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” โดน 3 ใบเหลือง (-3 คะแนน) ดังนั้นหากเกมนี้กินกันไม่ลงจบด้วยผลเสมอ ก็ต้องมาวัดกันที่เกณฑ์นี้

แกเร็ธ เซาท์เกต กุนซือเมืองผู้ดี เตรียมโรเตชั่นบางตำแหน่งเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้สัมผัสบรรยากาศเป็นครั้งแรก อาทิ แกร์รี เคฮิลล์, ฟิล โจนส์ (เซ็นเตอร์) เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (วิงแบ็กขวา) รวมถึงแนวรุกอย่าง แดนนี เวลเบคส์ ที่คาดว่าจะได้จับคู่ล่าตาข่ายกับ แฮร์รี เคน ดาวซัลโว 5 ประตู

“เป้าหมายของเราคือการเอาชนะเบลเยียม เรามีนักเตะอายุน้อยหลายคนที่ยอดเยี่ยมแต่ยังไม่ได้ลงสนาม เกมนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับพวกเขาเมื่อเราเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ นี่คือหนึ่งในสิ่งที่เราคิด” กุนซือวัย 47 ปี กล่าว

แดนกลาง เดเล อัลลี หายเจ็บแล้วมีลุ้นคืนสนามร่วมกับ เจสซี ลินการ์ด และจอร์แดน เฮนเดอร์สัน ด้านวิงแบ็กซ้าย แดนนี โรส จ่อเบียด แอชลีย์ ยัง

ขณะที่ โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือเบลเยียม ปวดหัวกับการจัดทัพเล็กน้อย เมื่อ 3 แข้งหลักมีปัญหาบาดเจ็บ โดยเฉพาะ โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าที่ยิงไป 4 ประตู (ข้อเท้า) ซึ่งคาดว่าจะถูกพักแน่นอนเพื่อเปิดทางให้ มิชี บาตชัวยี ลงล่าตาข่ายแทน ส่วน ดรีส์ เมอร์เทนส์ กับ เอเดน อาซาร์ เจ็บเล็กน้อยน่าจะถูกเข็นลงสนาม ในระบบ 3-4-2-1

อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีเมื่อ แวงซองต์ กอมปานี เรียกความฟิตได้แล้วและมีลุ้นลงคุมหลังบ้านร่วมกับ โทบี อัลเดอร์ ไวเรลด์ และโทมัส แฟร์มาเลน ส่วนขุมกำลังอื่นไร้ปัญหา ที่สำคัญนักเตะหลายคนคุ้นเคยกับคู่แข่งเป็นอย่างดี เพราะมีถึง 12 รายในทีมชุดนี้ที่ค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ รวมถึงตัวกุนซือที่มีประสบการณ์โชกโชนในเมืองผู้ดี

สำหรับทั้งสองทีมเคยปะทะกันมาแล้ว 6 ครั้ง (ฟุตบอลโลก 2 ครั้ง/ยูโร 1 ครั้ง และอุ่นเครื่อง 3 ครั้ง) เป็น “สิงโตคำราม” ที่ข่มกว่าคว้าชัย 3 เสมอ 2 แพ้ 1

ญี่ปุ่น-โปแลนด์

เวลา : 21.00 น. (ทรู 668/อมรินทร์ทีวี)

เกมนัดสุดท้ายกลุ่มเอช ญี่ปุ่นยังมีลุ้นเข้ารอบ มี 4 คะแนน (ผลต่างประตู +1/ยิงได้ 4) รั้งจ่าฝูง ผลงานเท่ากับเซเนกัล แต่คะแนนแฟร์เพลย์ดีกว่า (เฮดทูเฮด 2-2) แมตช์นี้ขอเพียงเสมอก็จะลอยลำ แต่หากแพ้ต้องลุ้นให้อีกคู่ระหว่าง เซเนกัล กับ โคลอมเบีย (3 คะแนน/+2/4) ห้ามจบลงด้วยผลเสมอเด็ดขาด เพราะจะทำให้ทั้งคู่ควงแขนกันเข้ารอบแทน

ขุมกำลังทัพซามูไรสมบูรณ์เต็มร้อย นำโดย 3 แนวรุก ชินจิ คากาวะ, ทาคาชิ อินุอิ และเก็งคิ ฮารากูชิ คอยปั้นเกมให้ ยูยะ โอซาโกะ ล่อเป้า พร้อมด้วย เคสุเกะ ฮอนดะ ที่ยิงในฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 สมัยเป็นซูเปอร์ซับ

ด้านโปแลนด์ แพ้ 2 นัดรวดตกรอบแน่นอนแล้ว เกมนี้น่าจะโรเตชั่นหลายตำแหน่ง แต่ยังคงมี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าตัวเก่งลงล่าประตูแรกของตัวเองในทัวร์นาเมนต์