posttoday

โปแลนด์ ความท้าทายใหม่รอบ12ปี

08 มิถุนายน 2561

กลุ่มเอช นำโดยโปแลนด์ ที่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าตัวเก่งที่รอแจ้งเกิดในเวทีระดับชาติ เช่นเดียวกับโคลอมเบีย ที่ใช้เวทีบอลโลกสร้างซุป’ตาร์ และเซเนกัล ตัวแทนจากแอฟริกา รวมถึงญี่ปุ่น มหาอำนาจลูกหนังเอเชีย

โดย..ราชันเบอร์23

มาถึงกลุ่มสุดท้าย กลุ่มเอช นำมาโดยโปแลนด์ ที่มี โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าตัวเก่งที่รอแจ้งเกิดในเวทีระดับชาติ เช่นเดียวกับโคลอมเบีย ที่ใช้เวทีบอลโลกสร้างซุป’ตาร์ และเซเนกัล ตัวแทนจากแอฟริกา รวมถึงญี่ปุ่น มหาอำนาจลูกหนังเอเชีย

โปแลนด์ (อันดับ 10 โลก)

ห่างหายจากเวทีบอลโลกรอบสุดท้ายนานถึง 12 ปี ล่าสุดตกรอบแรกในศึกเวิล์ดคัพที่เยอรมนี ปี 2006 และเคยทำได้ดีที่สุดคือ การคว้าอันดับ 3 ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายถึง 2 ครั้ง (1974 1982) แต่การคัมแบ็กครั้งนี้พวกเขาหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างยิ่งที่จะคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เพราะเขามีเครื่องจักรสังหารประตูอย่าง โรเบิร์ต
เลวานดอฟสกี กองหน้าบาเยิร์น ที่ยิงประตูในรอบคัดเลือก 16 ประตู และยังมีผองเพื่อนอย่าง ยาคุบ บลาซีคอฟสกี, ลูคัสซ์ พิสซ์เช็ค, วอยเชียค เชสนี ที่เล่นกันมานาน แค่มองตาก็รู้ใจ แต่ไม่มี คามิล กลิก กองหลังตัวเก๋าที่บาดเจ็บตอนฝึกซ้อมอดมาโชว์ฝีเท้าครั้งนี้ โดยเป้าหมายคือคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยแรก

จุดเด่น : เล่นลูกกลางอากาศได้ดี มีทีเด็ดที่ผู้รักษาประตู เพราะผ่านประสบการณ์อย่างโชกโชน

โค้ช : อดัม นาวาลกา กุนซือชาวโปลิช ที่เพิ่งเซ็นสัญญาฉบับใหม่ เขาเคยพาโปแลนด์เข้ารอบก่อนรองฯ ในศึกยูโร 2016 โดยแพ้ให้กับโปรตุเกสช่วงการดวลจุดโทษ นาวาลกา รู้จักนักเตะชุดนี้เป็นอย่างดี หากเขาดึงศักยภาพนักเตะออกมาได้ โปแลนด์ก็มีลุ้นเข้ารอบลึกได้เช่นกัน

คีย์แมน : โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าบาเยิร์น ยิงให้ “เสือใต้” 41 ประตู รับตำแหน่งดาวซัลโวบุนเดสลีกาฤดูกาลนี้ แต่มักตกม้าตายในเกมระดับชาติ เหมือนอย่างศึกยูโร 2012 และ 2016 เพราะกองหน้าวัย 29 ปี ยิงได้แค่เพียงประตูเดียว

ความน่าจะเป็น : ดูจากคู่แข่งในรอบแบ่งกลุ่ม โปแลนด์น่าจะผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ได้

โปแลนด์ ความท้าทายใหม่รอบ12ปี

 

โคลอมเบีย (อันดับ 16 โลก)

ผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 3 สมัย ปี 1990 1994 และ 1998 โดยในปี 1990 คาร์ลอส วัลเดอร์รามา เจ้าของฉายา “กุลลิทขาว” แจ้งเกิดเต็มตัว รวมถึงนายประตูจอมสีสันอย่าง เรเน ฮิกิตา ที่โชว์ลีลาเซฟลูก “สกอร์เปี้ยน” ทำให้แฟนบอลทั่วโลกได้จดจำ ครั้งถัดมา อันเดรส เอสโคบาร์ ทำเข้าประตูตัวเองในเกมพบสหรัฐ ทำให้ถูกนักพนันในบ้านเกิดจ้างมือปืนสังหาร “โคเคน” หายจากบอลโลกอีกถึง 3 สมัย และกลับมาอีกครั้งเมื่อปี 2014 ที่แอฟริกาใต้ พร้อมกับเกิดดาวดวงใหม่ที่ชื่อ ฮาเมส โรดิเกวซ ที่คว้ารางวัลดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์

จุดเด่น : เกมรุกจัดจ้าน อาศัยความสามารถเฉพาะตัวเป็นหลัก

โค้ช : โฮเซ เปเกอร์มัน กุนซือทีมชาติโคลอมเบีย เคยคุมทีม “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินาชุดอายุไม่เกิน 20 ปี ถึงชุดใหญ่ เข้ามารับงานโดยมีเป้าหมายเข้ารอบก่อนรองฯ

คีย์แมน : ฮาเมส โรดิเกวซ ยังเป็นกำลังหลักของขุนพลชุดนี้ นอกจากนั้นยังมี ดาวิด ออสปินา, ดาวิดสัน ซานเชซ, ฮวน กัวกราโด และราดาเมล ฟัลเกา

ความน่าจะเป็น : ดูจากศักยภาพน่าจะพอได้ลุ้นเข้าป้ายเป็นที่สองของกลุ่มได้

โปแลนด์ ความท้าทายใหม่รอบ12ปี

เซเนกัล (อันดับ 27 โลก)

ผ่านเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มดี โซนแอฟริกา และเคยผ่านเข้ารอบสุดท้ายมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2002 และทำผลงานได้เกินคาด โดยผ่านรอบก่อนรองฯ เป็นเวทีแจ้งเกิดให้ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ อดีตกองหน้าทีมลิเวอร์พูล ซาลิฟ ดิเยา, ปาปา บูบา ดิยอฟ และกุนซือคนเก่งอย่าง บรูโน เม็ตซู แน่นอน การมาครั้งนี้พวกเขามีเป้าหมายชัดเจน หวังว่าจะทำให้ได้เหมือนในปี 2002

จุดเด่น : นักเตะแข็งแรง รวดเร็ว และมีวินัย รวมถึงมีตัวทีเด็ดหลายตัว

โค้ช : อาลิยู ซิสเซ อดีตลูกหม้อของเซเนกัล เป็นนักเตะในทีมชุดผ่านเข้ารอบ 8 ทีมในปี 2002 เข้ามารับงานคุมทีมชาติในปี 2013 ก่อนพาทีมคว้าแชมป์กลุ่มดี มีผลงานดีกว่า แอฟริกาใต้

คีย์แมน : ซาดิโอ มาเน ปีกจากลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มกับต้นสังกัดได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เล่นในลีกยุโรป ทั้ง คาลิดู
คูลิบาลี กองหลังตัวแกร่งของนาโปลี, บาดู
เอ็นดิอาย (สโตก ซิตี้), อิดริสซา กานา เกย์
(เอฟเวอร์ตัน) และชีค คูยาเต (เวสต์แฮม) รวมถึง เอ็มบาย เนียง (โตริโน)

ความน่าจะเป็น : การคัมแบ็กครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีต เพราะขุมกำลังเหล่านี้ล้วนประสบการณ์โชกโชนในลีกยุโรป น่าจะทำให้ทีมเบียดเข้าป้ายเป็นอันดับสองได้

โปแลนด์ ความท้าทายใหม่รอบ12ปี

ญี่ปุ่น (อันดับ 60 โลก)

ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 6 สมัยติดต่อ นักเตะส่วนใหญ่ค้าแข้งในยุโรป (15 จาก 23  คน) พวกเขาอยากจะทำได้ดีกว่าฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ผ่านถึงรอบ 16 ทีม

จุดเด่น : ระเบียบวินัย หัวใจนักสู้

โค้ช : อาคิระ นิชิโนะ อดีตกุนซือกัมบะ
โอซากา ที่รับไม้ต่อจาก วาฮิด ฮาลิลฮอดซิซ ถือว่าเป็นกุนซือมันสมองอีกคน

คีย์แมน : เคสุเกะ ฮอนดะ ประสบการณ์ทีมชาติกว่า 11 ปี (94 นัด 36 ประตู) เล่นมาหมดทั้งลีกยุโรปและเม็กซิโก และเป็นนักเตะญี่ปุ่นคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูในฟุตบอลโลกได้ 3 สมัยติด

ความน่าจะเป็น : เป็นการกลับมาที่เปี่ยมไปด้วยพลัง อาจทำให้ “ขุนพลซามูไร” ไปไกลกว่ารอบ 16 ทีม