"สิงโต" ขอลุ้นแชมป์รอบ 52 ปี
เป็นคิวของกลุ่มจีที่มี “สิงโตคำราม”อังกฤษกับ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ที่ดูลงตัวมากกว่าทีมอื่น มีลุ้นผ่านเข้ารอบ ลึกในฟุตบอลโลก 2018
โดย..ราชันเบอร์23
เป็นคิวของกลุ่มจีที่มี “สิงโตคำราม”อังกฤษกับ “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ที่ดูลงตัวมากกว่าทีมอื่น มีลุ้นผ่านเข้ารอบ ลึกในฟุตบอลโลก 2018
อังกฤษ (อันดับ 13)
“สิงโตคำราม” คว้าแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือกด้วยสถิติไร้พ่าย อดีตแชมป์โลก 1 สมัย (1966) ถูกจับตามองว่าเป็นทีมที่ลงตัวและหวังจะประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์นี้ หลังจากห่างหายไปนานถึง 52 ปี โดยนักเตะ 100 เปอร์เซ็นต์ ของทีม(ทุกคน) เป็นนักเตะจากลีกประเทศของตัวเอง
จุดเด่น : ใช้นักเตะในประเทศเป็นหลักทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการสื่อสารและความเข้าใจในเกม แต่ต้องปรับปรุงในเรื่องแท็กติกและสภาพจิตใจให้ดุดันสมกับฉายา “สิงโตคำราม”
โค้ช : แกเร็ธ เซาท์เกต กุนซือลูกหม้อของ “เอฟเอ” โดนหลายฝ่ายมองว่าประสบการณ์ยังไม่ถึงชั้น เพราะที่ผ่านมาใช้บริการโค้ชนอกเสียส่วนใหญ่ แต่ข้อดีของเซาท์เกตคือ นักเตะรวมใจกันสู้ มีสิทธิฝันถึงแชมป์โลกได้เหมือนกัน
คีย์แมน : แฮร์รี่ เคน เป็นหัวใจหลักของ “สิงโตคำราม” ชุดนี้ โดยยิง 7 ประตูจาก6 นัด ในปี 2017 จุดเด่นของกองหน้าสเปอร์สคือ ยิงประตูได้เฉียบขาดและเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แต่สิ่งสำคัญกองหน้าวัย 24 ปีต้องรักษาฟอร์มเก่งให้ได้เหมือนเล่นให้กับสโมสร เป็นสิ่งที่เคนต้องพิสูจน์ในเวทีระดับโลก เทียบเท่าตำนานอย่าง แกร์รี่ ลินิเกอร์ อลัน เชียร์เรอร์ ไมเคิล โอเวน หรือเวย์น รูนีย์เจ้าของสถิติดาวซัลโวประจำทีมชาติ
ความน่าจะเป็น : อังกฤษมักโชว์ฟอร์มไม่ออกในเวทีระดับชาติหลายครั้ง ทว่าครั้งนี้ได้กุนซือเป็นคนอังกฤษเข้าใจนักเตะในทีมได้ดีที่สุด น่าจะผ่านรอบนี้ได้ และอาจทะลุถึงรอบก่อนรองฯ
แฮร์รี่ เคน
เบลเยียม (อันดับ 12)
“ปีศาจแดงแห่งยุโรป” ไม่เคยสัมผัสแชมป์ฟุตบอลโลกสักครั้ง แม้จะมีนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์หลายคน แต่ไปไม่ถึงดวงดาวสักครั้งเหมือนอย่างยูโรฯ 2016 ที่แพ้เวลส์ในรอบก่อนรองฯ ชนิด พลิกล็อก สำหรับฟุตบอล
โลกหนนี้ เบลเยียมหมายมั่นปั้นมืออย่างยิ่งที่จะสัมผัสถ้วยฟุตบอลโลกสักครั้ง
จุดเด่น : เล่นบอลกับพื้นและต่อบอลที่ยอดเยี่ยม แถมได้ เธียร์รี อองรี ตำนานทีมชาติฝรั่งเศสเข้ามาเป็นมือขวา น่าจะทำให้มีเทคนิคหลากหลาย
โค้ช : โรแบร์โต มาร์ติเนซ พาทีมโชว์ผลงานได้ดีในรอบคัดเลือกจนได้รับการต่อสัญญาอีก 2 ปี แต่การไม่เรียก รัดยา เนียงโกลัน มิดฟิลด์โรมา มาติดทีมชุดนี้ ดูเหมือนจะขัดใจแฟนบอลไม่น้อยเท่ากับว่าฟุตบอลโลกครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ฝีมือของอดีตกุนซือเอฟเวอร์ตัน อย่างแท้จริงว่าจะสอบผ่านหรือไม่
คีย์แมน : เควิน เดอ บรอยน์ ตัวหลักของแมนฯ ซิตี้ มีส่วนสำคัญทำให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ ยิงได้ 8 ประตู กับ 16 แอสซิสต์ จุดเด่นจ่ายบอลเฉียบคม อยู่ในบัญชีกองกลางที่ดีที่สุดในโลกไปแล้วแต่สำหรับทีมชาติ มิดฟิลด์ หัวทองรายนี้ยังต้องรอเวลาพิสูจน์
ความน่าจะเป็น : ชุดนี้ดูลงตัวที่สุด หากเทียบกับช่วงยูโรฯ เมื่อปี 2016 ขึ้นอยู่กับว่ามาร์ติเนซจะดึงศักยภาพของนักเตะระดับเวิลด์คลาสมาได้มากน้อยแค่ไหน
ตูนิเซีย (อันดับ 14)
เคยมาโลดแล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 4 ครั้ง โดยตั้งเป้าจะเข้ารอบน็อกเอาต์ให้ได้
จุดเด่น : ไม่มีดาวดัง เล่นบอลเน้นทีมเวิร์กเป็นหลักโค้ช : นาบิล มาอาลูล เข้ามาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากเคยคุมช่วงฟุตบอลโลกปี 2014คีย์แมน : อายเมน มัธลูธี ผู้รักษาประตู หัวใจของทีมที่โชว์ฟอร์มดีในรอบคัดเลือก
ความน่าจะเป็น : ไม่มี ยุสเซฟ เอ็มซัคนี
เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่ง ทำให้ทีมไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า แต่ยังพอมีลุ้นเบียดเข้าป้ายเหมือนกัน
ปานามา (อันดับ 55)
น้องใหม่ที่หวังสร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ามาเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งแรก เล่นเอาประธานาธิบดีของประเทศสั่งให้รุ่งขึ้นเป็นวันหยุดของประเทศ
จุดเด่น : หัวใจนักสู้ที่หล่อหลอมรวมเป็นหนึ่ง
โค้ช : เอร์นาน ดาริโอ โกเมซ เป็นกุนซือที่อยู่ในวงการฟุตบอลละตินกว่าค่อนชีวิต เคยพา เอกวาดอร์ เล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2002
คีย์แมน : โรมัน ตอร์เรส กองหลังตัวเก๋าของทีม เจ้าของความสูง 188 ซม.
ติดทีมชาติ 108 นัด ได้รับบทบาทเป็นกัปตันทีม
ความน่าจะเป็น : นักเตะสู้ด้วยหัวใจ แต่ศักยภาพนักเตะเป็นรอง ไม่น่าจะมีปาฏิหาริย์