posttoday

‘เจ้าภาพ-จอมโหด’ ลุ้นทะลุน็อกเอาต์

01 มิถุนายน 2561

...ราชันเบอร์23

...ราชันเบอร์23

เหลือเพียง 14 วัน มหกรรมฟุตบอลโลก 2018 ที่ประเทศรัสเซียในฐานะเจ้าภาพ จะอุบัติขึ้น ระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค. โดยฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 21 มี 32 ทีม ที่ผ่านการคัดเลือกร่วมโม่แข้ง

ทีมข่าวกีฬาโพสต์ทูเดย์ขอเปิดพื้นที่เพื่อรายงานข่าวสารความเคลื่อนไหวของฟุตบอลโลกนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยจะเริ่มจากมารู้จัก 32 ทีมที่ลงแข่งขัน เริ่มต้นกันที่กลุ่มเอ ที่มีเจ้าภาพ รัสเซีย “มัมมี่” อียิปต์ และ “จอมโหด” อุรุกวัย และ “เศรษฐีน้ำมัน” ซาอุดิอาระเบีย


รัสเซีย (อันดับ 66 โลก)

เข้ารอบสุดท้ายอัตโนมัติ หลังได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพเมื่อ 8 ปีก่อน “หมีขาว” มีเวลาเตรียมทีมนาน แต่ผลงานที่ผ่านมาไม่แจ่มเท่าไหร่ แถมเกมอุ่นเครื่องล่าสุดแพ้ ออสเตรีย 0-1 ทำให้แพ้ 3 เกมติด โดยทีมเจ้าภาพเหลือเกมอุ่นเครื่องนัดสุดท้ายพบ ตุรกี วันที่ 5 มิ.ย.นี้ ก่อนลงเตะนัดเปิดสนามเจอซาอุดิอาระเบีย วันที่ 14 มิ.ย. ดูเหมือนว่า
เจ้าภาพต้องกำจัดจุดอ่อนให้เร็ว โดยเฉพาะแผงกองหลังที่ไม่มี วาซิลี เบเรซุตสกี กับ เซอร์เกย์ อิกนาเชวิช สองตัวเก๋าที่พร้อมใจกันประกาศแขวน
สตั๊ด ทำให้แนวรับเสียประตูง่าย แต่ยังมี อิกอร์ อกินเฟเยฟ ผู้รักษาประตูจอมเก๋าจากซีเอสเคเอ มอสโก ถือเป็นตัวชูโรง

โค้ช : สตานิสลาฟ เชอร์ชีซอฟ เป็นผู้รักษาประตูทีมชาติสหภาพโซเวียตและรัสเซีย ชุดฟุตบอลโลกปี 1994 และ 2002 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโค้ชทีมชาติเมื่อปี 2016 แต่ผลงานยังไม่เข้าตาเท่าไหร่ เพราะพาทีมตกรอบแรกศึกคอนเฟเดอเรชั่นส์คัพ เมื่อปี 2017

คีย์แมน : อิกอร์ อกินเฟเยฟ ผู้รักษาประตูจากซีเอสเคเอ มอสโก เป็นนักเตะชั้นแนวหน้าเพียงคนเดียวที่เจ้าภาพมีตอนนี้ กับตำแหน่งกัปตัน ฟอร์มโดยรวมยังไว้ใจไม่ได้ เพราะมักชอบพลาดลูกง่ายๆ

ความน่าจะเป็น : อาศัยเสียงเชียร์และการสนับสนุนของแฟนบอลน่าจะเอาตัวรอดผ่านเข้ารอบสองได้


อียิปต์ (อันดับ 46 โลก)

“มัมมี่” เคยผ่านฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 2 ครั้ง ในปี 1934 และล่าสุดปี 1990 ครั้งนี้ “มัมมี่” กลับมาอีกครั้ง จากผลงานรอบคัดเลือก 8 นัด ชนะ 5 ครั้ง เสมอ 1 ครั้ง และแพ้ 2 ครั้ง ยิงได้ 12 ประตู เสีย 5 ประตู ต้องยกเครดิตครั้งใหญ่ให้กับ เฮคตอร์ กูเปร์ กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ที่พาทีมอียิปต์กลับมาโลดแล่นในรอบสุดท้าย ขณะที่ เอสซาม เอล-ฮาดดารี หวังสร้างประวัติศาสตร์ ลงเล่นฟุตบอลโลกด้วยวัย 45 ปี

โค้ช : เฮคเตอร์ คูเปร์ เข้ามารับงานคุมทีมชาติอียิปต์เมื่อเดือน มี.ค. 2015 โดยอดีตกุนซือทีมบาเลนเซีย เคยนำทีมอียิปต์เข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลแอฟริกันเนชั่นส์คัพ ปี 2017 โดยมีเป้าหมายต้องการสร้างประวัติศาสตร์พา “มัมมี่” เข้ารอบน็อกเอาต์ให้ได้

คีย์แมน : โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ซูเปอร์สตาร์จากลิเวอร์พูล ล่าสุดสมาคมฟุตบอลอียิปต์เผยว่า ซาลาห์ ใช้เวลาฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บไม่เกิน 3 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าปีกของลิเวอร์พูลจะสามารถลงแข่งขันในฟุตบอลโลก 2018 ได้แน่ ปีกวัย 25 ปี นอกจากพา “หงส์แดง” คว้ารองแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลล่าสุด สำหรับทีมชาติผลงานก็เยี่ยมทีเดียว โดยทำ 5 ประตูจาก 5 เกม ในรอบคัดเลือก

ซาลาห์ เป็นผู้นำอย่างแท้จริง คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นกุญแจสำคัญที่พาอียิปต์มาโลดแล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย

ความน่าจะเป็น : อียิปต์ชื่อชั้นนักเตะและประสบการณ์ยังเป็นรอง ต้องหวังพึ่ง โมฮาเหม็ด
ซาลาห์ เพียงคนเดียวน่าจะลำบาก น่าจะจอดป้ายแค่รอบนี้


อุรุกวัย (อันดับ 17 โลก)

“จอมโหด” อดีตแชมป์โลก 2 สมัย ปี 1930 และ 1950 ที่คว้าแชมป์ในบ้านตัวเอง สำหรับรอบคัดเลือก อุรุกวัย ชนะ 9 ครั้ง เสมอ 4 ครั้ง แพ้ 5 ครั้ง ยิงได้ 32 ประตู เสีย 20 ประตูทำได้ 31 คะแนน มีแต้มตามหลังบราซิล แชมป์โซนอเมริกาใต้ ถึง 10 คะแนน อุรุกวัยคือทีมที่ยิงประตูได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในรอบคัดเลือก 32 ประตู และยังเป็นทีมที่คว้าแชมป์เมเจอร์ 20 สมัย มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล

โค้ช : ออสกา ตาบาเรซ เป็นโค้ชที่ชอบเกมรุก คุมทีม
อุรุกวัยในศึกฟุตบอลโลกมาแล้ว 3 สมัย ปี 1990, 2010 และ 2014 เป้าหมายอยากพา “จอมโหด” กลับไปเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง แม้จะเคยพาทีมได้แชมป์โคปา อเมริกา เมื่อปี 2011

คีย์แมน : หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าซุป’ตาร์จากบาร์เซโลนา โด่งดังจากฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ใช้มือปัดบอลจากเส้นประตู รอบก่อนรองชนะเลิศกับกานา และพาทีมเข้ารอบรองฯ ตามมาด้วยฟุตบอลโลกปี 2014 กัดไหล่ของ จอร์โจ คิเอลลินี กองหลังอิตาลี ทำให้ฟีฟ่าแบนจากทีมชาติ 9 นัด ผลงานในทีมชาติยิงไปแล้ว 49 ประตู จาก 95 นัด

ความน่าจะเป็น : “จอมโหด” เป็นทีมที่เล่นหนัก แต่หลังจากตาบาเรซเข้ามาคุมทีมอุรุกวัยเปลี่ยนเป็นทีมที่มีเกมรุกดี ไหลลื่น โดยเฉพาะ เอดิสัน คาวานี กับ หลุยส์ ซัวเรซ จะเป็นตัวแปรพาทีมเข้ารอบลึกได้แน่


ซาอุดิอาระเบีย (อันดับ 67 โลก)

“เศรษฐีน้ำมัน” คัมแบ็กหลังจากปี 2006
ผลงานดีที่สุดเคยเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเมื่อปี 1994 ที่สหรัฐ ด้วยการเอาชนะเบลเยียมและโมร็อกโกในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นทีมที่ใช้โค้ชเปลืองอีกทีม หลังจากปลด เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ และตามมาด้วย เอ็ดการ์โด เบาซา ก่อนที่จะถูกส่งต่อมายัง ฮวน อันโตนิโอ ปิซซี่

โค้ช : ฮวน  อันโตนิโอ  ปิซซี เข้ามารับงานเมื่อเดือน พ.ย. 2017 หลังแยกทางกับทีมชาติชิลี เพราะไม่สามารถพาทีมผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลกปี 2018 ที่รัสเซียได้ สำหรับโค้ชวัย 49 เคยคุมทีมชาติสเปนในศึกยูโร 1996 และฟุตบอลโลก 1998

คีย์แมน : โอซามา ฮาวซาวี เซ็นเตอร์แบ็กวัย 33 เป็นกำลังสำคัญของทีมชาติ กัปตันทีมที่รับใช้ทีมชาติ 128 นัด ทำ 7 ประตู

ความน่าจะเป็น : ไม่น่าจะเข้าที่เข้าทางสำหรับทีมซาอุฯ เพราะเพิ่งเปลี่ยนโค้ช ทำให้ไม่น่าจะไปได้ไกลกว่านี้


ภาพ - เอเอฟพี