posttoday

ชี้ชะตาถ้วยยุโรป ‘หงส์’ กระดูกเป็นรอง ‘ราชัน’

26 พฤษภาคม 2561

อีกไม่กี่อึดใจศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่ทั่วโลกต่างจับจ้องจะลงสนามชี้ชะตากันแล้ว โดย “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด

โดย ชมณัฐ

อีกไม่กี่อึดใจศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ที่ทั่วโลกต่างจับจ้องจะลงสนามชี้ชะตากันแล้ว โดย “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด แชมป์เก่ามากประสบการณ์หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะคว้าโทรฟี่มาครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน ทว่าคงไม่ใช่งานง่าย เพราะคู่ต่อกรอย่าง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูลนั้นฟอร์มสุดร้อนแรง แถมยังมีสถิติที่ข่มกว่าในเกมคืนนี้ (26 พ.ค.)

เรอัล มาดริด-ลิเวอร์พูล

สนาม : เอ็นเอสซี

โอลิมเปียสกี สเตเดี้ยม

เวลา 01.45 น.

เรอัล มาดริด มหาอำนาจจากลาลีกา สเปน ในฐานะแชมป์รายการนี้มากที่สุด 12 สมัย และแชมป์ 2 สมัยติดหลังสุด ผ่านเข้ารอบชิงเป็นครั้งที่ 15 ที่สำคัญเป็นการเข้ารอบไฟนอลเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 5 ครั้งล่าสุด ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือสโมสรที่มีประสบการณ์มากที่สุดในศึกชิงถ้วยสโมสรยุโรป

“มันเป็นเกมเกมเดียวในสถานที่เป็นกลาง เราพร้อมแล้วสำหรับมัน จริงอยู่ที่ว่าเรามีประสบการณ์ที่มากกว่า แต่เราก็ต้องแสดงให้เห็นว่าเราต้องการที่จะเอาชนะให้ได้ แม้ลิเวอร์พูลจะไม่มีผู้เล่นที่ผ่านการลงเล่นนัดชิงมากเท่าเรา แต่พวกเขาพร้อมที่จะสู้สุดชีวิตเพื่อสิ่งนี้ และเรารู้เรื่องนี้ดี” ซีเนอดีนซีดาน กุนซือมาดริด กล่าว

ชี้ชะตาถ้วยยุโรป ‘หงส์’ กระดูกเป็นรอง ‘ราชัน’

ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส ผู้บันดาลโทรฟี่ใบนี้ให้ทีม 2 สมัย ยังมั่นใจว่า แม้ทีมจะประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย แต่ทุกคนยังมีความกระหายที่จะไล่ล่าแชมป์ หากทำได้จะเป็นทีมแรกที่คว้าแชมป์ 3 สมัยติด นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อจากยูโรเปี้ยนคัพ

“เราอยู่ในรอบชิงเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน และเรามีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าแชมป์ 3 สมัยติด คุณไม่สามารถพูดได้เลยว่า ลิเวอร์พูลมีความกระหายมากกว่าเรา มันไม่จริงเลย ไม่มีใครพรากความกระหายไปจากเราได้ พวกเราคือ เรอัล มาดริด เรายังต้องการมากขึ้นอยู่เสมอ และจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา” ซีดาน ทิ้งท้าย

เกมนี้ “ราชันชุดขาว” ไม่มีปัญหาในการจัดทัพ คริสเตียโน โรนัลโด ผู้นำดาวซัลโวของรายการ 15 ประตู ฟิตเต็มร้อยพร้อมลงล่าตาข่าย และลุ้นเป็นนักเตะคนแรกของโลกที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้ 5 สมัย แน่นอนว่าเจ้าตัวต้องถูกนำไปเทียบกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ สตาร์ตัวเก่งลิเวอร์พูล ที่ระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรงในปีนี้ โดยทั้งคู่ยิงรวมทุกรายการไปแล้ว 44 ประตูเท่ากัน

“เราแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผู้คนมักจะเปรียบเทียบผมกับนักเตะคนอื่นๆ แต่ผมแตกต่างจากทุกคน เขา (ซาลาห์) ก็เป็นผู้เล่นที่แตกต่างเช่นกัน เขาถนัดเท้าซ้าย ผมถนัดขวา ผมตัวสูงส่วนเขาตัวเล็กกว่าผม ผมเล่นลูกโด่งได้ดี แต่ผมต้องบอกว่าเขามีซีซั่นที่น่าเหลือเชื่อมากในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่วันเสาร์นี้เราจะได้เห็นกัน” กัปตันทีมชาติโปรตุเกส ระบุ

แกเร็ธ เบล ที่ได้ออกสตาร์ทในเกมล่าสุดมีลุ้นเป็นตัวจริงในเกมนี้ โดยจะประสานงานร่วมกับ “CR7” และคาริม เบนเซมา แดนกลางมี ลูกา โมดริชโทนี โครส และคาเซมิโร ปั้นเกม ส่วนหลังบ้าน เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมประจำการร่วมกับ ราฟาเอล วาราน ดานี คาร์บาฆาล และมาร์เซโล โดยมี เคย์เลอร์ นาบาส เฝ้าเสา

ด้าน ลิเวอร์พูล แชมป์รายการนี้ 5 สมัย ผ่านเข้าชิงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2007 ที่อกหักคว้าแชมป์ ซึ่งต้องยอมรับว่าประสบการณ์เป็นรองแข้งราชันชุดขาวอยู่หลายขุม เพราะนักเตะในทีมชุดนี้ไม่มีใครเคยสัมผัสบรรยากาศรอบไฟนอลถ้วยนี้เลยสักราย

“พวกเขาประสบการณ์โชกโชน ไม่มีจุดอ่อนเลย แต่ความปรารถนา ทัศนคติ และการทำงานที่มุ่งมั่นของเรา จะช่วยให้พวกเราเอาชนะประสบการณ์ของเขาได้” เจอร์เกนคลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล มั่นใจ

แมตช์นี้ “หงส์แดง” จะชวดใช้งาน โจเอล มาติป อเล็กซ์ ออกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และโจ โกเมซ ที่บาดเจ็บ แต่มีข่าวดีเมื่อ เอ็มเร ชาน กองกลางทีมชาติเยอรมนี กลับมามีชื่ออีกครั้งหลังบาดเจ็บยาว แต่คาดว่าจะต้องรอโอกาสบนม้านั่งก่อน

ขณะที่ 3 คีย์แมนแนวรุก ซาลาห์ โรแบร์โต ฟีร์มิโน และซาดิโอ มาเน ฟิตเต็มถัง โดย 2 คนแรกยิงไปแล้วในถ้วยนี้คนละ 10 ประตู เช่นเดียวกับ เจมส์ มิลเนอร์ มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษที่แอสซิสต์มากที่สุด 9 ครั้ง สลัดอาการเจ็บพร้อมลงตัวจริงร่วมกับ จอร์แดน เฮน
เดอร์สัน กัปตันทีม และจอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม

หลังบ้าน เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ยืนเซ็นเตอร์คู่กับเดยัน ลอฟเรน พร้อมด้วยแบ็กซ้าย-ขวา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ กับ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โดยมี โลริส คาริอุส เฝ้าเสา

ความน่าจะเป็น : แน่นอนว่า เรอัล มาดริด ถูกยกให้เหนือกว่าด้วยชื่อชั้นและประสบการณ์ของนักเตะ แต่ถึงแม้จะกระดูกคนละเบอร์แต่ลิเวอร์พูลก็พร้อมจะสร้างเซอร์ไพรส์ได้ทุกเวลาเช่นกัน และด้วยแนวรุกที่คมกริบทั้งคู่คาดว่าเกมจะจบใน 90 นาที