‘ผี’ พิงฝาเพื่อถ้วยเอฟเอคัพ

โดย ราชันเบอร์ 23

สุดสัปดาห์นี้เป็นคิวของฟุตบอลเอฟเอคัพรอบก่อนรองชนะเลิศ มีทีมใหญ่พบกัน 2 คู่ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด แชมป์ปี 2016 เปิดบ้านพบ ไบรจ์ตัน โดย โจเซ มูรินโญ คงต้องโฟกัสถ้วยนี้อย่างเดียวที่จะพาทีมประสบความสำเร็จในปีนี้ เพราะปีที่ผ่านมาก็จอดป้ายแค่รอบนี้ อีกคู่ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี มีคิวเยือน “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ สองทีมดังจากพรีเมียร์ลีก

แมนฯ ยูไนเต็ด-ไบรจ์ตัน

สนาม : โอลด์แทรฟฟอร์ด

(วันที่ 17 มี.ค.) เวลา : 02.45 น.

บอร์ดบริหาร “ผีแดง” เริ่มไม่แฮปปี้กับแนวทางการทำทีมของ โจเซ มูรินโญ ที่ต้องการงบประมาณเสริมทัพเพิ่มอีก หากต้องการความสำเร็จทั้งพรีเมียร์ลีกและเวทียุโรป หลังตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยบอร์ดผีแดงระบุว่าได้ให้เงิน 300 ล้านปอนด์ (ราว 1.29 หมื่นล้านบาท) แก่ มูรินโญ เพื่อซื้อนักเตะตั้งแต่ย้ายมาเมื่อปี 2016 และยังต่อสัญญาไปอีกถึงปี 2020 ทำให้ มาร์ตินคีโอว์น อดีตกองหลังระดับตำนานของอาร์เซนอล ออกมาฟันธงตรงใจแฟนว่า ​มูรินโญ ต้องเอาจริงเอาจังกับการคว้าแชมป์เอฟเอคัพ เพราะมันคือเป้าหมายเดียวที่จะพาทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้

“ไม่มีทางเลือกอื่น มูรินโญ ต้องคว้าแชมป์นี้ให้ได้ เพื่อเป็นการต่ออายุเก้าอี้กุนซือของเขา”

ขณะที่ พอล สโคลส์ อดีตตำนาน “ผีแดง” แนะให้ มูรินโญ ดร็อป อเล็กซิสซานเชซ ปีกตัวจี๊ดในเกมนี้ เนื่องจากฟอร์มแย่ เพราะยิงได้แค่ประตูเดียวจาก 10 นัด ตั้งแต่ย้ายมาเมื่อเดือน ม.ค.

สภาพทีม ไม่มี อันเดร เอร์เรรา มิดฟิลด์ เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า บวกกับ มาร์กอส โรโฮ, ฟิล โจนส์, ดาลีย์ บลินด์ และ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ก็เดี้ยง ยังดีที่แนวรุกหลักอยู่ครบทั้ง ปอล ป็อกบา, อเล็กซิส ซานเชซ,โรเมลู ลูกากู และ เจสซี ลินการ์ด

ด้าน ไบรจ์ตัน ทีมอันดับ 11 ในตารางลีก ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม เอฟเอคัพ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 หลังอัดโคเวนทรี (ลีกทู) 3-1 ในรอบที่ผ่านมา โดย คริส ฮิวจ์ตัน ยอมรับว่าเป็นงานหนัก หากเล่นด้วยฟอร์มที่ไม่ดีก็ยากที่จะเอาชนะ

“เกมกับแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นเกมที่หนัก หากพวกเราเล่นไม่ดี ก็จะโดนลงโทษ เราต้องอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด หากจะเอาชนะพวกเขา” กุนซือวัย 59 ปี กล่าว

คาดว่ากุนซือชาวอังกฤษจะโรเตชั่นนักเตะหลายคนในทีมเพื่อรับมือกับ “ผีแดง” โดยใช้ เกล็นน์ เมอร์เรย์ ยืนค้ำล่าสกอร์ในแดนหน้า และวาง ปาสกาล โครสส์ เป็นหน้าต่ำ คอยสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ส่วนแผงกลางวาง อองโตนี น็อกคาร์ต, เดล สตีเฟนส์, ดาวี พร็อปเปอร์ กับ โฮเซ อิซกีเอร์โด ผนึกกำลังกันคุมเกม

ความน่าจะเป็น : “ผีแดง” ชั่วโมงนี้ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องเอาชนะให้ได้สถานเดียว เพราะ มูรินโญ อยู่ในช่วงกดดันสุดๆ ด้วยศักยภาพของทีมโดยรวมน่าจะผ่านรอบนี้ได้ แต่สกอร์คงไม่ชนะถล่มทลาย

เลสเตอร์ ซิตี้ - เชลซี

สนาม : คิง เพาเวอร์

(วันที่ 18 มี.ค.) เวลา : 23.30 น.

“จิ้งจอกสยาม” เฉือนชนะเชฟฯ ยูไนเต็ด 1-0 ในรอบ 16 ทีม โดย โคลด ปูเอล กุนซือชาวฝรั่งเศส มั่นใจว่าจะเอาชนะเชลซีได้ เพราะที่ผ่านมามีผลงานที่น่าพอใจเวลาเจอกัน

“เราเคยเสมอกับเชลซีเมื่อเดือน ม.ค. เป็นเรื่องที่น่ายินดี รอบนี้ดีตรงที่เราแข่งในบ้านของเรา น่าจะอาศัยเสียงเชียร์กดดันคู่แข่ง”

เจ้าถิ่นปรับหมากมาเล่น 4-2-3-1 โดยส่ง ชินจิ โอกาซากิ ที่ฟิตเต็มสูบ ลงบู๊ร่วมกับ มาร์ก อัลไบรจ์ตัน และ ริยาด มาห์เรซ ทำให้มิดฟิลด์คู่กลางต้องตัด แมตธิว เจมส์ ออกนั่งสำรอง นอกจากนี้ตำแหน่งแบ็กขวาจะกลับมาใช้ แดนนี ซิมป์สัน ป่วนริมเส้นอีกครั้ง ส่วนกองหน้า เจมี วาร์ดี ยังเป็นทีเด็ด

ด้าน “สิงโตน้ำเงินคราม” แพ้บาร์เซโลนา 0-3 ร่วงรอบ 16 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ อันโตนิโอ คอนเต กุนซืออิตาเลียน ตั้งเป้าเข้าชิงชนะเลิศอีกครั้งหลังแพ้อาร์เซนอล 1-2 ในรอบชิงฯ เมื่อปีก่อน

“ไม่ใช่งานง่าย เพราะเลสเตอร์เป็นทีมที่เล่นในบ้านได้ดี พวกเขาแพ้น้อยมาก แต่เราก็ต้องสู้เต็มที่ เพราะซีซั่นที่ผ่านมาเราก็ใกล้เคียงกับการได้แชมป์”

กุนซือวัย 48 ปี ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงนักเตะมากนัก น่าจะยึดชุดเดิมที่เล่นในถ้วยยุโรปกลางสัปดาห์ โดยเฉพาะเกมรุกที่มี วิลเลียน, เอเดน อาซาร์ และ โอลิวิเยร์ ชิรูด์

ความน่าจะเป็น : ส่วนใหญ่เจอกันเลสเตอร์มักจะแพ้ทางเชลซี เกมนี้คาดว่า “สิงห์บลู” ที่ทีมเวิร์กดีกว่าน่าจะเบียดเข้าป้ายเอาตัวรอดได้