แดงเดือดปรอทแตก ‘ผี-หงส์’ เดิมพันรองแชมป์

โดย ชมณัฐ

ศึกแดงเดือดคำรบนี้นับว่ามีความหมายเป็นอย่างยิ่งสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และลิเวอร์พูล เพราะทั้งสองทีมกำลังขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งรองแชมป์กันอย่างถึงพริกถึงขิง ที่สำคัญหากใครพลาดท่ามีโอกาสที่จะหลุดวงโคจรจากตำแหน่งท็อป 4 ด้วยเช่นกัน

แมนฯ ยูไนเต็ด - ลิเวอร์พูล

สนาม โอลด์แทรฟฟอร์ด

วันที่ 10 มี.ค. เวลา 19.30 น.

แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่งเรียกศรัทธาจากแฟนบอลมาในเกมที่แล้วที่บุกแซงชนะคริสตัล พาเลซ 3-2 โดยได้ประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก เนมานยา มาติชเก็บเพิ่มเป็น 62 คะแนน รั้งอันดับ 2 ของตาราง โดยมี “หงส์แดง”ไล่จี้มาติดๆ ตามหลังอยู่เพียง 2 แต้มเท่านั้น ดังนั้นเกมนี้หากพลาดท่าก็จะหล่นจากตำแหน่งและมีโอกาสโดนอันดับ 4-5 อย่างทอตแนม ฮอตสเปอร์ (58) และเชลซี(53) ก้าวขึ้นมาหายใจรดต้นคอ

“ผมคิดว่าเรายังเป็นคู่แข่งกันอยู่ตลอด แต่ในปีนี้มันจะมากขึ้นกว่าเดิม เราสูสีกันมากบนตารางคะแนน มันทำให้ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับแฟนๆ เพราะนี่คือศัตรูที่ต่อสู้เพื่อแย่งแชมป์กับเรามาเป็นเวลานาน ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีว่ามันคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ มันอีกนานกว่าจะได้เจอกัพวกเขาอีกครั้ง ดังนั้นคุณจำเป็นที่ต้องได้เป็นฝ่ายคุยโวโอ้อวดบ้าง” คริส สมอลลิง กล่าว

สภาพทีมเกมนี้เจ้าบ้านจะขาดเพียงแข้งที่บาดเจ็บอยู่แต่เดิม อาทิ อันเดร์ เอร์เรรา, มารูยาน เฟลไลนี และ แดนนี บลินด์ แต่จะได้ อองโตนี มาร์กซิยาล ที่ไม่มีชื่อในเกมล่าสุดกลับคืนสู่ทีมอีกครั้งแม้ว่าอาจจะต้องรอโอกาสบนม้านั่งก่อนก็ตาม ส่วนที่เหลือสมบูรณ์พร้อม

โรเมลู ลูกากู ศูนย์หน้าทีมชาติเบลเยียม ที่กลับมาล่าตาข่ายได้อย่างต่อเนื่อง 2 นัดติด โดย 4 นัดหลังสุดทำได้ถึง 4 ประตู จะรับบทหัวหอกตัวเป้า สนับสนุนด้วย ปอล ป็อกบา,เจสซี ลินการ์ด และ อเล็กซิส ซานเชซ ขณะที่ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางดาวรุ่งที่กำลังโชว์ฟอร์มแรงน่าจะได้ลงสนามต่อเนื่องเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ต้องจับตาดูว่า โจเซ มูรินโญ กุนซือปีศาจแดง จะวางแท็กติกอย่างไรหลังเกมที่แล้วที่เจอกันใช้แผนรถบัสตั้งรับเหนียวแน่นจนโดนวิจารณ์แม้จะบุกยันเสมอได้ 0-0 ก็ตาม ที่สำคัญหลังจบเกมนี้ยังมีโปรแกรมสำคัญต้องรับมือเซบีญา ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมนัดแรก ในคืนวันที่ 13 มี.ค.อีกด้วย

ขณะที่ลิเวอร์พูลไม่แพ้ใครมา 7 นัดหลังสุด โดยชนะ 5 เสมอ 2 ล่าสุดเพิ่งเปิดบ้านเสมอปอร์โต 0-0 ในถ้วยสโมสรยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ แต่ เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือชาวเยอรมัน โรเตชั่นพักตัวหลักไว้ข้างสนามหลายราย ดังนั้นเกมนี้จึงสมบูรณ์พร้อมทุกขุมกำลังและคาดว่าจะเปลี่ยนตัวจากนัดที่แล้วถึง 5 ตำแหน่ง

โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกทีมชาติอียิปต์ที่กระหน่ำไปแล้ว 32 ประตู จากการลงสนาม 39 นัดที่ลงสนามทุกรายการ จะกลับคืนตัวจริงอีกครั้ง ประสานงานร่วมกับ โรแบร์โต ฟีร์มิโน และ ซาดิโอมาเน เช่นเดียวกับ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ก, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์

ปีกวัย 25 ปี ที่นำดาวซัลโวลีก 24 ประตู และเพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือน ก.พ. มุ่งมั่นที่จะยิงประตู “ปีศาจแดง” ให้ได้หลังเป็นทีมเดียวในท็อป 6 ที่ตัวเองยังไม่สามารถเจาะตาข่ายได้ ซึ่งเกมนี้ยังจะเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวที่มาเยือนโรงละครแห่งความฝันในนามสโมสรอีกด้วย

“เกมก่อนหน้านี้ผมพลาดโอกาสหลายครั้ง เกมนั้น ดาบิด เด เคอา สุดยอดมาก เขาเป็นผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยม แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมเดียวในกลุ่มท็อป 6 ที่ผมยังยิงไม่ได้ ดังนั้นผมจะพยายามดู การได้รางวัลนี้อีกครั้งเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก ผมพูดเสมอว่าจะพยายามช่วยทีมคว้า 3 คะแนน และอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นกว่าเดิม” ซาลาห์ เผย

ความน่าจะเป็น : มูรินโญ น่าจะเน้นตั้งรับแน่นเป็นหลักตามเดิมเพราะยังมีเกมสำคัญรออยู่ ดังนั้นหาก “หงส์แดง” ครองบอลได้แต่จบไม่คมก็มีโอกาสแบ่งแต้มสูง

เกร็ดน่ารู้

- ทั้งคู่ปะทะกันในลีกมาแล้ว 170 ครั้ง และเป็น “ปีศาจแดง” ที่ข่มกว่าเล็กน้อย ชนะ 67 เสมอ 48 แพ้ 55

- แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถคว้าชัยได้ถึง 10 นัดจาก 13 เกมหลังสุดที่พบลิเวอร์พูลในบ้าน

- 4 เกมล่าสุดที่เจอกันเสมอทุกนัด

- โจเซ มูรินโญ เอาชนะ เจอร์เกน คลอปป์ ได้เพียงครั้งเดียวจากการพบกันทั้งหมด 8 ครั้งในทุกรายการ (เสมอ 4 แพ้ 3)