posttoday

‘หงส์-สิงห์บลู’ กู้หน้าเอฟเอคัพ

27 มกราคม 2561

สัปดาห์นี้เป็นคิวของฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ เอฟเอคัพ รอบ 4

โดย ราชันเบอร์ 23

สัปดาห์นี้เป็นคิวของฟุตบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดของอังกฤษ เอฟเอคัพ รอบ 4 มีสองทีมดังจากพรีเมียร์ลีกเจอกันเอง คู่บิ๊กแมตช์ “หงส์แดง” ต้องการกู้หน้า หลังพ่าย สวอนซี ทีมบ๊วย ช่วงต้นสัปดาห์ เปิดบ้านพบ เวสต์บรอมวิช เช่นเดียวกับ เชลซี รองแชมป์เก่า ตกรอบคาราบาวคัพ ต้องมาเจอกับ นิวคาสเซิล ถือเป็น 2 คู่เอกของสุดสัปดาห์นี้

‘หงส์-สิงห์บลู’ กู้หน้าเอฟเอคัพ

ลิเวอร์พูล - เวสต์บรอมวิช

(วันที่ 27 ม.ค.)

สนาม : แอนฟิลด์ เวลา : 02.45 น.

“หงส์แดง” หยุดสถิติไร้พ่ายไว้ที่ 18 นัด หลังบุกแพ้สวอนซี ทีมบ๊วย โดย เจอร์เกน คลอปป์ กุนซือลิเวอร์พูล กระตุ้นลูกทีมให้คืนฟอร์มเก่ง เพื่อกู้ศรัทธากลับมา

“เรามีโอกาสมากมายที่จะจบสกอร์แต่ก็ทำไม่ได้ นั่นคือความผิดพลาดที่เราจะต้องแก้ไข และไม่ให้เกิดในเกมนี้ ฟุตบอลนัดเดียว เราห้ามประมาทเวสต์บรอมวิช” อดีตกุนซือดอร์ตมุนด์ กล่าว

ล่าสุด ลิเวอร์พูลส่อแววจะต้องผิดหวังอย่างแรง หลัง ยูเลียน บรันด์ท ปีกดาวรุ่งทีมชาติเยอรมนี ที่เป็นหนึ่งในเป้าหมายในการเสริมทัพ เตรียมปฏิเสธโอกาสในการย้ายเข้าสู่ถิ่นแอนฟิลด์ เพื่อค้าแข้งกับ “ห้างขายยา” เลเวอร์คูเซน ต่อไป

สภาพทีม เจ้าถิ่นยังไม่น่าจะใช้งาน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เพราะยังไม่ฟิต หลังหายเจ็บกลับมา ขณะที่ นาธาเนียลไคลน์ และ อัลเบอร์โต โมเรโน ต้องพักฟื้นต่อเนื่อง คาดว่า คลอปป์ จะยึดชุดเดิมที่แพ้สวอนซี โดยมี เวอร์จิลฟาน ไดจ์ก กับโจเอล มาติป ยืนเซ็นเตอร์ แนวรุกใช้ 3 ประสาน ซาดิโอมาเน, โรเบอร์โต เฟอร์มิโน และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์

ขณะที่ “เดอะแบ็กกี้ส์” ทีมรองบ๊วยของตาราง ล่าสุดเสมอเอฟเวอร์ตัน 1-1 ฟอร์มกระเตื้องขึ้นมาบ้าง หลัง 3 นัด ชนะ 2 นัด เสมอ 1 นัด โดย อลัน พาร์ดิว ยอมรับเป็นรองทุกด้าน ยิ่งช่วงหลังพบกัน 9 นัดล่าสุดไม่เคยชนะ “หงส์แดง” ต้องย้อนไปถึงปี 2013 ที่บุกชนะ 2-0

“ศักยภาพนักเตะเราเป็นรอง ลิเวอร์พูลแข็งแกร่งทุกตำแหน่ง แถมมีแฟนบอลหนุนหลังอีกด้วย แต่เราก็จะเล่นกันอย่างเต็มที่ แม้เราจะโฟกัสการหนีตกชั้นเป็นอันดับแรก”

สภาพทีม เจมส์ มอร์ริสัน กับนาเซอร์ ชาดลี ยังคงบาดเจ็บคาดว่าจะใช้ เจย์ โรดริเกวซ กับซาโลมอน รอนดอน ล่าตาข่าย

ความน่าจะเป็น : “หงส์แดง” ต้องกู้ศรัทธา หลังแพ้ทีมบ๊วย เจอกับเวสต์บรอมวิช รองบ๊วยที่เคยเสมอกันมา 0-0 เมื่อกลางเดือน ธ.ค. เกมนี้ได้เปรียบที่เล่นในบ้าน แถมเป็นบอลถ้วย ช่วงแรกอาจจะอึดอัด แต่สุดท้ายเจ้าถิ่นจังหวะดีกว่าน่าเบียดชนะ

เชลซี - นิวคาสเซิล

(วันที่ 28 ม.ค.)สนาม : สแตมฟอร์ดบริดจ์

เวลา : 20.30 น.

“สิงโตน้ำเงินคราม” เพิ่งอกหักแพ้อาร์เซนอล ร่วงรอบตัดเชือก คาราบาวคัพ ทำให้ อันโตนิโอ คอนเต กุนซือชาวอิตาเลียน ออกมาโอดครวญผ่านสื่อ หลังสโมสรไม่ได้ซื้อนักเตะเสริมทีมตามที่ต้องการ ในช่วงตลาดซื้อขายเปิดเดือน ม.ค.

“เกี่ยวกับตลาดการซื้อขาย ตั้งแต่ซัมเมอร์มาแล้ว สโมสรเป็นคนตัดสินใจถึงนักเตะทุกๆ คนที่จะย้ายเข้ามาที่นี่ บทบาทแรกของผมคือการทำงานของตัวเอง การเป็นโค้ชและพยายามพัฒนานักเตะของผม แน่นอนว่าผมไม่ได้มีผลกระทบอะไรมากนักในตลาดซื้อขายนักเตะ”

สภาพทีม จะไม่มี เชส ฟาเบรกาสที่ยังเจ็บ แต่มีข่าวดีเมื่อได้ อัลบาโรโมราตา กับ เปโดร โรดริเกวซ พ้นโทษแบนกลับมา เช่นเดียวกับ อันเดรียส คริสเตียนเซน ที่หายเจ็บ คอนเต น่าจะกลับไปใช้ โมราตา เป็นหน้าเป้าตามเดิม และ ให้ เอเดน อาซาร์ กระชากเกมริมเส้น โดยมี เอ็นโกโล ก็องเต เป็นมิดฟิลด์ตัวรับ

ด้าน “สาลิกาดง” ล่าสุดบุกแพ้แมนฯ ซิตี้ 1-3 โดย ราฟาเอล เบนิเตซหวังใช้เกมรับแน่น แล้วใช้เกมโต้กลับเป็นทีเด็ดในเกมนี้

“ฟุตบอลน็อกเอาต์ เรามีโอกาสลุ้นเข้ารอบ หากนักเตะเล่นได้ตามแท็กติก ผมจะเน้นรับเป็นหลัก และหากมีโอกาสก็จะใช้เคาน์เตอร์แอตแท็กเล่นงาน” อดีตกุนซือลิเวอร์พูล กล่าว

ความพร้อม ไม่มีตัวเจ็บเพิ่มเติม “เอลราฟา” ไม่สามารถใช้ เคเนดี ปีกดาวรุ่ง ที่ยืมตัวมาจากเชลซี คาดว่าจะให้ จอนโจ เชลวีย์, แมตต์ ริตชี และ จาค็อบเมอร์ฟี เดินเกมตรงกลาง ในขณะที่หน้าเป้าเลือกใช้งาน โจเซลู แล้วให้ คริสเตียน อัตซู ทำเกมริมเส้น

ความน่าจะเป็น : “สิงห์บลู” ต้องล้างอาย หลังร่วงคาราบาวคัพ เกมนี้เล่นในบ้านเจอกับ “สาลิกาดง” ถือว่าไม่หนักมาก น่าจะเอาตัวรอดได้