posttoday

'เรือใบ' ลุ้นเหนื่อยบอลน็อกเอาต์

06 มกราคม 2561

สุดสัปดาห์นี้เป็นคิวของฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบ 3 วันเสาร์ที่ 6 ม.ค. คู่เอก "เรือใบสีฟ้า"

โดย ราชันเบอร์23

สุดสัปดาห์นี้เป็นคิวของฟุตบอลเอฟเอคัพ รอบ 3 วันเสาร์ที่ 6 ม.ค. คู่เอก "เรือใบสีฟ้า" จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก พบ เบิร์นลีย์ ทีมจากพรีเมียร์ลีกด้วยกัน ขณะที่ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี รองแชมป์เก่า ไปเยือน "นอริช ซิตี้" ทีมจากเดอะแชมเปี้ยนชิพ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้-เบิร์นลีย์

สนาม : เอติฮัด เวลา : 22.00 น.

"เรือใบสีฟ้า" ฟอร์มแจ่ม ล่าสุดชนะ วัตฟอร์ด 3-1 ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้ ไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกถึง 30 นัด โดยแมนฯ ซิตี้ ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ 22 นัด ชนะ 20 เสมอ 2 ยังคงไม่แพ้ใคร อีกทั้งนำห่างอันดับ 2 อย่างอริร่วมเมือง แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 15 คะแนน ขณะที่ถ้วยเก่าแก่อย่าง เอฟเอคัพ ปีที่ผ่านมาแพ้ อาร์เซนอล ในรอบรองฯ โดย เปป กวาร์ดิโอลา กุนซือชาวสแปนิช ได้ออกโรงตำหนิสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ที่ไม่ยอมพักเบรกเหมือนลีกชั้นนำอื่นๆ

"สัปดาห์ที่ผ่านมานักเตะเราหลายรายได้รับบาดเจ็บ ผมว่าเรากำลังส่ง พวกเขาไปสนามรบ เอฟเอควรคำนึงถึงผู้เล่นมากกว่านี้ มันไม่ใช่บาสเกตบอลหรือเทนนิส นักเตะจึงต้องการเวลาพักฟื้น สำหรับฟุตบอลถ้วยเอฟเอคัพเป็นถ้วยเก่าแก่ ข้อนี้ผมให้ความสำคัญ แต่ผมก็ต้องโรเตชั่นนักเตะเพื่อความสมดุลของทีม" อดีตกุนซือบาร์เซโลนา กล่าว

สภาพทีม "เรือใบสีฟ้า" จะไม่มี เบนจามิน เมนดี แวงซอง กอมปานี ที่เจ็บยาว ล่าสุด กาเบรียล เฮซุส กองหน้าบราซิเลียนบาดเจ็บยาวอีก 2 เดือน รวมถึงไม่มี ดาบิด ซิลบา ที่กลับไปบ้านเกิดด้วยเหตุผลของครอบครัว ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ กับ ไคล์ วอล์กเกอร์ ก็ต้องรอเช็กฟิต คาดว่าเปป เตรียมโรเตชั่นขนานใหญ่ในคืนนี้ ด้วยการส่ง เคลาดิโอ บราโว เฝ้าเสา ส่วนแผงกลางจะมีชื่อของ แบร์นาร์โด ซิลวา และอิลคาย กุนโดกัน ลงคุมจังหวะอีกครั้ง ส่วนแนวรับมีข่าวดีเล็กน้อยเมื่อ จอห์น สโตนส์ หายเจ็บและฟิตทันช่วยเพื่อนลงบู๊ยืนเซ็นเตอร์คู่กับ นิโกลัส โอตาเมนดี แนวรุกใช้ ราฮีม สเตอร์ลิง และแซร์จิโอ อกูเอโร ออกสตาร์ทล่าสกอร์ในแดนหน้าร่วมกับ เลรอย ซาเน

ด้านเบิร์นลีย์ ผลงานในพรีเมียร์ลีกรั้งอันดับ 7 ถือว่าใช้ได้ทีเดียว ล่าสุดแพ้ ลิเวอร์พูล ฉิวเฉียด แบบสู้ได้สนุก โดย ฌอน ไดช์ กระตุ้นลูกทีมให้สู้เต็มที่ เพราะเป็นฟุตบอลถ้วยอะไรก็เกิดขึ้นได้

"ผมบอกพวกเขาว่านี่คือเอฟเอคัพ ไม่ใช่บอลลีก เรามีโอกาสเท่าๆ กัน แม้ยอมรับว่าศักยภาพนักเตะจะเป็นรอง แต่หากสู้กันด้วย ทีมเวิร์ก เราพอสู้ได้ ผมอยากจะเอาชนะพวกเขาสักครั้ง"

สภาพทีมได้ เจมส์ ทาร์คอฟสกี กองหลังตัวหลักพ้นโทษแบนพร้อมลงสนาม ส่วนบรรดาแข้งเดี้ยงไม่มีรายงานเพิ่มเติม คาดว่า ไดช์ ส่ง แซม โวคส์ กับ โจนาธาน วอลเตอร์ส ออกสตาร์ทเป็นหน้าคู่ และถอด แอชลีย์ บาร์นส์ กับ เจฟฟ์ เฮนดริค นั่งสำรอง เช่นเดียวกับ นาห์กี เวลล์ส ที่เตรียมรับโอกาสบู๊ริมเส้นฝั่งซ้ายแทน สกอตต์ อาร์ฟิลด์ ส่วนตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟน่าจะเป็น เควิน ลอง ที่ต้องกลับไปประจำการบนม้านั่ง เพื่อเปิดทางคัมแบ็กของ ทาร์คอฟสกี

ความน่าจะเป็น : ปัญหานักเตะบาดเจ็บของ "เรือใบ" ดูจะไม่เป็นปัญหา เพราะตัวเลือกที่มีอยู่ สามารถทดแทนกันได้ แม้จะโรเตชั่นหลายตำแหน่ง แต่เชื่อว่าทีเด็ดทีขาดเจ้าถิ่นน่าจะเอาชนะได้ แต่สกอร์อาจจะไม่ถล่มทลาย

'เรือใบ' ลุ้นเหนื่อยบอลน็อกเอาต์

 

นอริช ซิตี้-เชลซี

สนาม : แคร์โรว์ โรด

เวลา : 00.30 น.

"นกขมิ้น" ทีมอันดับ 13 จากตารางเดอะแชมเปี้ยนชิพ เป็นทีมที่เล่นในบ้านแย่ หลังชนะ 2 ครั้ง ในรอบ 10 เกม แถมยิงได้น้อยนิดเพียง 8 ประตูจาก 10 นัด แม้ว่าล่าสุดชนะ มิลวอลล์ 2-1 โดย ดาเนียล ฟาร์ค ยอมรับสภาพว่างานหนักที่ต้องเจอกับเชลซี

"ผมทำใจตั้งแต่ตอนจับสลากแล้ว เชลซีเป็นทีมที่มีโค้ชและนักเตะที่ยอดเยี่ยม แต่ผมก็บอกลูกทีมว่าเราพอจะสู้ได้ ถ้าคุณทำตามที่ผมบอกอย่างเคร่งครัด"

เจ้าถิ่นไม่มี แฮร์ริสัน รีด มิดฟิลด์ที่บาดเจ็บที่ขาและสะโพก ไม่น่าผ่านความฟิต ขณะที่การจัดทัพมีความเป็นไปได้ที่จะหมุนเวียนเพื่อความสด จะส่ง อเล็กซ์ เท็ตเทย์ เจมส์ แมดดิสัน และ อเล็กซ์ พริทชาร์ด สามตัวสำรองในเกมที่แล้ว มีลุ้นออกสตาร์ท โดยมี เนลสัน โอลิเวียรา ล่าตาข่าย

ด้าน "สิงโตน้ำเงินคราม" รองแชมป์ปีที่ผ่านมา แพ้อาร์เซนอลในรอบชิงชนะเลิศ 1-2 สำหรับปีนี้คงกลับมาเน้นคว้าแชมป์ถ้วยเก่าแก่อีกครั้ง ดูจะง่ายกว่าแชมป์ลีก เพราะโดน "เรือใบสีฟ้า" ทิ้ง 16 คะแนน โดย อันโตนิโอ คอนเต กุนซือชาวอิตาเลียน อัพเดทสภาพร่างกายของ ดาวิด ลุยซ์ เซ็น เตอร์แบ็กตัวเก่งที่ได้รับบาดเจ็บไปนานว่า จะพร้อมกลับมาลงสนามอีกครั้ง

"ตอนนี้นักเตะในทีมเชลซีทุกคนไม่มีใครต้องพักรักษาตัวจากอาการ บาดเจ็บอีกแล้ว ชาร์ลีย์ มูซงดา กับ ดาวิด ลุยซ์ นั้น ผมคิดว่าพวกเขาดูดีขึ้นมาในเรื่องของสภาพร่างกาย และการฟื้นฟูหรือเคาะสนิมก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ที่ชัวร์ๆ เลยคือเกมนี้เราอาจจะได้เห็นสองคนนี้" กุนซือวัย 48 ปี กล่าว

สภาพทีม ดาวิด ลุยซ์ น่าจะได้ลงเคาะสนิมเกมนี้ ทำให้ต้องถอด อันเดรียส คริสเตียนเซน ไปนั่งสำรองเช่นเดียวกับ แดเนียล ดริงค์วอเตอร์ วิลเลียน เปโดร โรดริเกวซ และวิคเตอร์ โมเซส ขณะที่เกมรุกใช้ เอเดน อาซาร์ กับ มิตซู บาตชัวยี ล่าตาข่าย

ความน่าจะเป็น : เชลซีไม่แพ้นอริช 13 นัดที่พบกัน ล่าสุดต้องย้อนไปถึงปี 1994 ลูกทีม อันโตนิโอ คอนเต ฟอร์มกำลังเข้าฝัก ไม่น่าพลาดชัยด้วยประการทั้งปวง