หงส์ไร้ ‘มาเน’ บู๊แดงเดือด

โดย  ราชันเบอร์ 23

ศึกแดงเดือดยกแรกของฤดูกาล“ผีแดง” จะเก็บสามแต้มแล้วไล่ล่าจ่าฝูงต่อไป หรือจะถูก “หงส์แดง” ยัดเยียดความปราชัยนัดแรกของฤดูกาล

ลิเวอร์พูล - แมนฯ ยูไนเต็ด

สนาม : แอนฟิลด์

เวลา : 18.30 น.

“หงส์แดง” ผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีก ชนะ 2 แพ้ 1 เสมอ 2 อยู่อันดับ 7 ของตาราง มี 12 แต้ม โดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกชาวอียิปต์ ปลุกเร้าเพื่อนร่วมทีมให้งัดฟอร์มที่ดีที่สุดเพื่อเก็บ 3 แต้มจากอาคันตุกะ

“วันเสาร์นี้มันเป็นเกมที่ทุกคนทั่วโลกต่างรอชม และเป็นเกมใหญ่ พวกเราต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ และยกระดับผลการแข่งขันให้ดี ผมหวังว่าเราจะได้ชัยชนะ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องสู้และต้องมีผลการแข่งที่ดีกว่าเดิม ทุกเกมที่ผ่านมาเราสู้กันอย่างสุดตัวเสมอ มันสามารถสร้างความแตกต่างให้แก่เราได้ ดังนั้นเราต้องพัฒนาอันดับบนตารางให้ดีกว่าเดิม สู้ และเป็นผู้ชนะให้ได้” ปีกทีมชาติอียิปต์ กล่าว

ลิเวอร์พูลชนะนัดเดียวจาก 7 นัดหลังสุดในทุกรายการ และหมดสิทธิใช้งาน ซาดิโอ มาเน แนวรุกตัวจี๊ด ที่ได้รับบาดเจ็บระหว่างการกลับไปรับใช้ทีมชาติเซเนกัล ในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนแอฟริกา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย มาเน ต้องพักรักษาตัวนานถึง 6 สัปดาห์ คาดว่า เจอร์เกน คลอปป์ จะแก้ปัญหาด้วยการส่ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ลงมาเป็นกองหน้าตัวเป้า โดยมี โรแบร์โต เฟอร์มิโน และ ซาลาห์ เดินเกมริมเส้น พร้อมกับ ฟิลิปเป คูตินโญ รับบทจอมทัพ

ขณะที่ เคนนี ดัลกลิช ตำนานนักเตะลิเวอร์พูล มั่นใจ โจเซ มูรินโญ กุนซือชาวโปรตุกีสของแมนฯ ยูไนเต็ดเตรียมขนรถบัสมาเล่นเกมรับเต็มที่แน่นอน

“เขากลับมาแอนฟิลด์กับแมนฯ ยูไนเต็ด เมื่อปีที่แล้ว และเล่นด้วยรูปแบบเดิม แต่ก็ไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามไม่ให้เล่นเกมรับ และเมื่อเขากลับมาที่นี่อีก ผมมั่นใจว่าเขาจะเล่นแบบเดิม เพราะเป็นเกมแรกที่ต้องเจอกับทีมท็อปซิกซ์ ส่วนพวกเรา คลอปป์ ไม่สนใจผลเสมอ แต่ต้องการชนะ ผมมั่นใจว่าแฟนบอลมีความสุขกับสิ่งที่เขาทำ และอยากให้เล่นเกมรุกแบบนี้ต่อไป” คิงเคนนี กล่าว

ด้าน “ผีแดง” ออกสตาร์ทด้วยเกมรุกที่ดุดัน ยิงถึง 21 ประตู จาก 7 นัดแรก แถมเสีย 2 ประตู ทำให้นำจ่าฝูงร่วมกับแมนฯ ซิตี้ โดย โจเซ มูรินโญ กุนซือ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์ลดความกดดันก่อนเกม “แดงเดือด”

“แมตช์นี้เป็นแมตช์ที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ แต่เราก็เล่นกันเพื่อ 3 แต้มเหมือนเดิม ไม่ได้มีแต้มพิเศษเพิ่มมาแต่อย่างใด แต่บางทีอาจจะมีความหมายขึ้นมา ถ้าเจอกันในช่วงที่ทั้งสองทีมลุ้นแชมป์หรืออะไรสักอย่าง แต่นี่ไม่ใช่” กุนซือชาวโปรตุกีส กล่าว

ทีมเยือนไม่มี ไมเคิล คาร์ริก และ ปอล ป็อกบา ที่เจ็บก่อนหน้านี้ ล่าสุดไม่มี มารูยาน เฟลไลนี มิดฟิลด์ทีมชาติเบลเยียม เจ็บเข่าจากการรับใช้ชาติ ทำให้ “สเปเชียลวัน” เตรียมส่ง อันเดร์ เอร์เรรา ลงมาคุมเกมแดนกลางร่วมกับ เนมันยา มาติช แทน ส่วนในแดนหน้าคาดว่า โรเมลู ลูกากู จะสามารถฟิตกลับมาลงช่วยทีมได้ หลังจากโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมกับทีมชาติ ส่วนแข้งตัวหลักรายอื่นๆ ยังอยู่กันครบ ทั้ง อันโตนิโอ วาเลนเซีย, มาร์คัส แรชฟอร์ด, ฆวน มาตา และ เฮนริก มคิตาร์ยาน

สำหรับสถิติการเจอกันของคู่นี้เมื่อซีซั่นที่ผ่านมา เสมอ 0-0 ที่แอนฟิลด์ และเสมอ 1-1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด

ความน่าจะเป็น : สภาพไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเจ้าถิ่นขาด มาเน ทำให้เกมรุกดร็อปลงไปมาก แต่ขึ้นชื่อว่า “หงส์แดง” มักเล่นดีทุกครั้งเวลาเจอกับทีมใหญ่ เชื่อว่าน่าจะแบ่งแต้มได้

แมนฯ ซิตี้ - สโตก

สนาม : เอติฮัด

เวลา 21.00 น.

“เรือใบ” มี 19 แต้ม เท่ากับคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนฯ ยูไนเต็ด แต่ผลต่างประตูได้เสียดีกว่า ทำให้รั้งจ่าฝูง โดยเกมนี้ แซร์จิโอ อกูเอโร กองหน้าทีมชาติอาร์เจนตินา ที่บาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์ เผยผ่านทวิตเตอร์ พร้อมกลับมาลงสนามในเกมนี้

“ผมกลับมาซ้อมได้แล้ว และพร้อมสำหรับการลงสนาม” กองหน้าวัย 29 ปี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียล พร้อมรูปซ้อมกับเพื่อนร่วมทีม

อกูเอโร ประสบอุบัติเหตุรถแท็กซี่ที่นั่งไปชนเสาไฟฟ้า ทำให้กระดูกซี่โครงหัก ต้องพักราว 2 เดือน แต่ล่าสุดเขาสามารถกลับมาซ้อมกับทีมที่แคมป์ของแมนฯ ซิตี้ ตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

สภาพทีม หาก “กุน” ไม่สามารถลงสนามได้ ยังมี กาเบรียล เฮซุส ที่ขันอาสาล่าตาข่าย โดยมี ดาบิด ซิลบา,เควิน เดอ บรอยน์ รวมถึง ราฮีมสเตอร์ลิง ที่สนับสนุนเกมรุก

ด้าน “ช่างปั้นหม้อ” มี 8 แต้ม รั้งอันดับ 13 ของตาราง ขึ้นชื่อว่าเป็นทีมจอมแสบของทีมใหญ่ โดย มาร์ค ฮิวจส์ เผยอยากจะเป็นแจ็กผู้ฆ่ายักษ์

“เรารู้ดีว่าเราเป็นทีมเล็ก แต่ผมก็บอกลูกทีมว่าเราสามารถเป็นแจ็กผู้ฆ่ายักษ์ได้” อดีตนักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด กล่าว

สภาพทีมน่าจะยึดผู้เล่นชุดเดิมที่ชนะเซาแธมป์ตัน 2-1 โดยมีกองหน้า เอริก แม็กซิม-เชาโป โมติง และไซโด เบราฮิโน

ความน่าจะเป็น : เจ้าถิ่นกำลังคึกโดยเฉพาะแนวรุก แม้ว่า อกูเอโร ยังไม่ฟิต แต่แดนกลางยิงได้ทุกราย ทีมเยือนรอดยาก