อัสซัมเซา ‘ไทยแลนด์...มาย สวีท โฮม’

โดย...ราชันเบอร์ 23

"อัสซ่า" เลอันโดร อัสซัมเซา กองหน้าป้ายแดง "กิเลนผยอง" เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เพิ่งย้ายมาค้าแข้งในถิ่นเอสซีจี ด้วยสัญญาหนึ่งปีครึ่ง โดยกองหน้าบราซิเลียน เคยถูกยกย่องจากสื่อในบ้านเกิดว่าเป็น แกเร็ธ เบล แห่งบราซิล เนื่องจากมีสปีดต้นที่เร็ว

เส้นทางลูกหนังของกองหน้าวัย 31 ปี ก็เหมือนแข้งบราซิลทั่วๆ ไป ฐานะทางบ้านยากจน หากจะขยับฐานะความเป็นอยู่ หนทางเดียวคือเล่นฟุตบอลให้เก่ง แต่ดูเหมือนว่าพระเจ้ากำหนดมาให้เขาเป็นนักเตะพเนจร เพราะค้าแข้งในลีกบ้านเกิดได้ไม่นาน ก็ย้ายมาอยู่เมืองไทยซึ่งเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง เพราะเขาเริ่มเล่นให้กับเชียงราย ยูไนเต็ด จนถึงปี 2014 ก่อนซบชลบุรีอีก 2 ฤดูกาล และย้ายไปอยู่ศรีสะเกษ เอฟซี ด้วยสัญญาระยะสั้น 6 เดือน แม้จะอยู่ช่วงสั้นๆ แต่ก็สามารถทำแฮตทริกได้ถึง 3 เกม ก่อนจะหมดสัญญา และเป็นนักเตะไร้สังกัด และ "กิเลนผยอง" จะดึงตัวมาร่วมทัพ

"ผมรู้สึกดีมากที่ได้ย้ายมาเล่นที่เมืองไทย ครั้งแรกผมยังจำความรู้สึกได้ดี แฟนบอลเมืองไทยยอดเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะทีมเล็กทีมใหญ่ พวกเขาให้เกียรตินักเตะ และสนับสนุนตลอด ผมต้องขอขอบคุณเชียงราย ยูไนเต็ด ชลบุรี เอฟซี และศรีสะเกษ เอฟซี ที่ทำให้ผมมีวันนี้ โดยเฉพาะท่านประธานสโมสร 'กูปรีอันตราย' เขาให้สิ่งดีๆ กับผมมากมาย ครอบครัวผมชอบเมืองไทยมาก ไม่ว่าจะเป็น มาเรีย (ภรรยา) เธอชอบช็อปปิ้งและชอบทานอาหารไทย ส่วน จูเลีย (ลูกสาว) ก็เรียนที่นี่ พวกเขาแฮปปี้มากเพราะคนไทยน่ารักและอัธยาศัยดี"

นอกจากนี้ กองหน้าเจ้าของความสูง 180 ซม. เผยถึงกิจกรรมยามว่าง ชอบไปปาร์ตี้กับเพื่อนกลุ่มบราซิเลียน ที่ชลบุรีอย่าง ติอาโก คุนญา

"ผมรู้จักเขาดี จริงๆ เขา (คุนญา) เป็นคนน่ารัก ไม่มีนิสัยที่แย่ เท่าที่ผมรู้จัก นอกจากมีใครกระทำกับเขาก่อน เขาจึงไม่ยอม และตอบโต้ ถ้าเรารวมกลุ่มกัน ก็จะพากันไปปาร์ตี้ที่ทะเล พวกเราชอบบรรยากาศที่พัทยา บางครั้งเปลี่ยนบรรยากาศ ก็ย้ายมาจัดที่บ้านผม แถวอมตะสปริง ผมพา เฮเบอร์ตี้ เฟอร์นันเดซ เพื่อนร่วมทีมเมืองทองไปด้วย ตอนนี้ผมสนิทกับเขามากที่สุดเพราะอยู่ทีมเดียวกัน เขาแนะนำผมหลายอย่าง"

สำหรับเป้าหมายการค้าแข้งในเมืองไทย ถือว่าบรรลุวัตถุประสงค์ เนื่องจากได้ทำตามความฝัน หลังจากได้มีโอกาสย้ายมาเล่นกับทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างเมืองทอง ยูไนเต็ด

"ผมดีใจมากที่ได้ย้ายมาเป็นส่วนหนึ่งของเมืองทองฯ เพราะเป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่ และกวาดแชมป์มามากมาย ผมหวังว่าจะช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย คือการกวาดทุกแชมป์ในปีนี้ การย้ายมาที่นี่คือความฝันของผม เมื่อ 6 ปีก่อน ผมพูดกับตัวเองว่า จะมาเล่นกับเมืองทองฯ ให้ได้ และมันก็กลายเป็นจริงแล้ว มันคือความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต"

ขณะที่วันแข่งขัน อัสซัมเซา ขอตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่รับโทรศัพท์ ไม่เล่นไลน์ ไม่เล่นเฟซบุ๊ก เพราะต้องการมีสมาธิ และโฟกัสที่สนามเพียงอย่างเดียว

"แมตช์เดย์ ตื่นมาแต่เช้า ผมจะสวดมนต์ เพราะผมนับถือศาสนาคริสต์ จากนั้นทานอาหารเช้ากับครอบครัว และเล่นกับ มาเรีย หลังจากนั้นจะไม่ทานอาหารมื้อใหญ่ เพื่อให้ท้องจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แล้วก็จะใส่หูฟังเพลง เพื่อให้เกิดสมาธิ เพลงที่ชื่นชอบก็คือ เพลงที่เปิดในโบสถ์เป็นส่วนใหญ่ เนื้อหาเกี่ยวกับพระเจ้า ผมจะขอพรท่านทุกครั้งที่ลงสนาม และจะขอบคุณท่านหากทำประตูได้ และทำให้วันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น"

สมมติว่าวันหนึ่งไม่ได้เป็นนักฟุตบอล กองหน้าอารมณ์ดีแย้มว่า อยากเล่นยูยิตสู เพราะเป็นการถ่ายพลังอย่างดีเยี่ยม

"กีฬาชนิดนี้เหมือนยูโด เน้นการจับยึดและทุ่มเป็นหลัก ผมว่ามันต้องใช้สมาธิกับคู่ต่อสู้มาก และเป็นการถ่ายพลังในตัวไปที่จุดใดจุดหนึ่ง หากใครพลาดก็จะโดนลงโทษ (ทุ่ม) ส่วนมวยไทยเป็นกีฬาที่นักฟุตบอลส่วนใหญ่ชอบรองลงมา แต่สำหรับผมคิดว่ามันเป็นกีฬาที่เจ็บตัวมากไป"

อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนสำหรับอาชีพ "พ่อค้าแข้ง" แต่ทุกวันนี้อัสซ่าขอพยายามทำให้ดีที่สุดในแต่ละวัน

"ผมไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับผมและครอบครัว เมืองไทยเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สอง ผมเป็นนักฟุตบอลอาชีพ อนาคตข้างหน้าเป็นสิ่งไม่แน่นอน หากมีสโมสรที่ให้ข้อเสนอที่ดี ผมก็ควรพิจารณา แต่ตอนนี้ผมแฮปปี้กับเมืองทองฯ และประเทศไทย" n