posttoday

ทีมไปต่อ...ในถ้วย ‘บิ๊กเอียร์’

16 เมษายน 2560

หลังจากคืนวันพุธที่ 12 เม.ย. ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรกผ่านพ้นไปเรียบร้อย

โดย...ราชันเบอร์23

หลังจากคืนวันพุธที่ 12 เม.ย. ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดแรกผ่านพ้นไปเรียบร้อย ทำให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นมาว่า ทีมใดจะเข้ารอบตัดเชือก หรือจอดป้ายอยู่แค่รอบนี้ วันนี้ทีมงาน sport.trueid.net จะมาวิเคราะห์ทีมที่จะได้ไปต่อในรอบตัดเชือก

ไม่มีปาฏิหาริย์สำหรับบาร์ซา

บาร์เซโลนา แชมป์ 5 สมัย บุกไปแพ้ “ม้าลาย” ยูเวนตุส 0-3 รอบก่อนรองนัดแรก น่าจะทำให้ “บาร์เซโลนา” ของ “หลุยส์ เอนริเก” แทบหมดโอกาสฝันถึงความสำเร็จในฟุตบอลรายการนี้ แม้ว่ารอบที่ผ่านมาจะสร้างปาฏิหาริย์ผ่าน “ปารีส แซงต์แชร์กแมง” มาแบบเหลือเชื่อ โดยนัดแรก บาร์ซา พลาดท่าไปก่อน บุกไปพ่ายเละถึง 4-0 โดยในนัดที่สองพวกเขาจะต้องยิงอย่างน้อย 5-0 จึงจะได้เข้ารอบ และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น นัดที่สอง พวกเขายิงได้ 6-1 รวมสกอร์ 2 นัด 6-5 บาร์เซโลนา คัมแบ็กกลับมาเข้ารอบได้ท่ามกลางความสะใจของแฟนบอลในถิ่น คัมป์ นู และพวกเขาก็หวังจะทำอย่างนี้อีก ในวันที่ 19 เม.ย. ทว่ามองจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนักเตะอายุมาก สไตล์การเล่นที่แตกต่างระหว่าง ยุคของ เปป กวาร์ดิโอลา และยุคของ หลุยส์ เอนริเก รวมถึงทีมอื่นจับจุดได้และแก้ทางบอลมาดี ทำให้บาร์เซโลนาต้องยุติเส้นทางเพียงแค่รอบนี้ เพราะยูเวนตุสขึ้นชื่อว่าเป็นบอลที่เขี้ยวลากทีมหนึ่งน่าจะเอาตัวรอดได้สำหรับครั้งนี้

เสือใต้ลำบากฝ่าด่านราชัน

ความพ่ายแพ้นัดแรกของ “เสือใต้” ให้กับ “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด 1-2 ในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีนา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสังเวียนนรกสำหรับทีมเยือน ถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย นอกจากเสียภาพลักษณ์ยังเสียสถิติสวยหรู ที่ลงเตะในบ้าน 22 นัด ชนะ 18 นัด และเสมอ 3 นัด ถือเป็นความพ่ายแพ้นัดแรกของบาเยิร์น ในช่วงขวบปีที่ผ่านมา น่าจะทำให้ลูกทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ เสียกำลังใจไม่น้อย ยิ่งต้องมาเยือน ซานติอาโก เบอร์นานิว อีกด้วยในนัดที่สอง ถือเป็นงานหนักยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขาเสียอีก นอกจากนี้ยังขาดตัวหลักอย่าง มัตส์ ฮุมเมิลส์ กองหลังตัวเก่ง ที่ยังเจ็บข้อเท้า และ มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตูเบอร์หนึ่งทีมชาติเยอรมนี ที่เจ็บข้อเท้าเช่นกัน และพลาดช่วยทีมไปหลายนัด ทำให้ เรอัล มาดริด ที่มี คริสเตียโน โรนัลโด ที่ยิง 100 ประตู ในถ้วยยุโรป มีภาษีดีกว่า จะผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์อีกสมัยในฤดูกาลนี้

ทีมไปต่อ...ในถ้วย ‘บิ๊กเอียร์’

เลสเตอร์ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์

ความพ่ายแพ้ของ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ที่มีต่อ “ตราหมี” แอต.มาดริด 0-1 ถือว่าโอกาสยังเปิดกว้างสำหรับการลุ้นเข้ารอบรองชนะเลิศ เพราะนัดที่สอง วันที่ 18 เม.ย.ได้กลับมาเล่นที่คิงเพาเวอร์ สเตเดียม ต่อหน้าแฟนบอลตัวเอง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ขนาด เอมิล เฮสกีย์ อดีตกองหน้า เลสเตอร์ ซิตี ออกมาฟันธงว่า ต้นสังกัดเก่ามีศักยภาพพอที่จะทำช็อกโลกอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก

“ผมไม่พนันหรอกว่าพวกเขาจะได้แชมป์ยุโรป แต่ช่วงไม่กี่ปีมานี้ทีมก็แสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง”ปีที่แล้ว เลสเตอร์ ภายใต้การนำของ เคลาดิโอ รานิเอรี สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ส่วนตอนนี้เปลี่ยนมือเป็น เครก เชคสเปียร์ ที่ชนะ 6 จาก 7 นัด ดังนั้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หากเลสเตอร์จะผ่านเข้าไปเล่นรอบต่อไป

แม้ว่า “สุนัขจิ้งจอก” เป็นทีมที่มีตัวเลขการทำประตูคู่แข่งน้อยที่สุดในบรรดา 8 ทีม คือ ทำได้ 10 ประตู จาก 8 เกม และ 50% จากประตูดังกล่าวมาจากลูกตั้งเตะเลสเตอร์ ครองบอลได้ 38% ถือว่าน้อยที่สุดจาก 8 ทีมที่อยู่ในรอบนี้ อันโตเน กรีซมันน์ ทั้งยิงและจ่าย 50% จากประตูที่ทีมได้ในแชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่เมื่อฤดูกาลที่แล้ว (ยิงได้ 11 ประตู จ่ายบอล 3 ประตู) ขณะที่ ริยาด มาห์เรซ มีส่วน 6 จาก 10 ประตูของเลสเตอร์ ในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ (คือยิงได้ 4 ช่วย 2 ประตู)

“เสือเหลือง” เขี้ยวหัก

“เสือเหลือง” ของ โทมัส ทูเคิล แพ้คาบ้านต่อโมนาโก 2-3 ทำให้โอกาสเข้ารอบต่อไปลำบากขึ้น เพราะนัดต่อไปวันที่ 19 เม.ย.ต้องไปเล่นที่ฝรั่งเศสบ้านของโมนาโก ทำให้โอกาสยากขึ้นไปอีก เพราะสถิติที่ผ่านมาบ่งชัดว่า สโมสรในเยอรมนีบุกไปคว้าชัยชนะเหนือทีมฝรั่งเศสได้เพียงแค่ 2 ครั้ง ใน 6 นัดหลังสุด ชัยชนะล่าสุดคือนัดที่ ดอร์ตมุนด์ บุกเชือด มาร์กเซย 2-1 เมื่อปี 2013 ซึ่งถือเป็นชัยชนะเพียงแค่ครั้งเดียวในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และที่สำคัญหากดอร์ตมุนด์ยังแก้ปัญหาฟอร์มที่ไม่คงเส้นคงวาก็น่าจะจบเพียงแค่รอบนี้

“โมนาโก” ม้ามืดตัวจริง

โมนาโก ถูกจัดให้เป็นเต็ง 7 ในรอบนี้ แต่ดูเหมือนว่าบรรดาเซียนจะโดนหักปากกา หลังจากบุกชนะ ดอร์ตมุนด์ 3-2 ทำให้โอกาสของทีมจากแดนน้ำหอมเพิ่มมากขึ้น เรียกว่าฤดูกาลนี้เป็นปีทองของโมนาโกที่มีลุ้นทั้งแชมป์ลีกและแชมป์บอลยุโรป เพราะพวกเขามีเกมรุกที่ดุดัน ถือเป็นสโมสรท็อปไฟว์ลีกใหญ่ในยุโรป ที่ยิงประตูได้มากที่สุด 126 ประตู จาก 47 เกมที่ลงแข่ง แม้จะโดนยิงก็ยังเปิดเกมแลกจนนาทีสุดท้าย โดยส่วนหนึ่งพวกเขามีผู้เล่นวัยหนุ่มหลายรายที่เฉลี่ยมีอายุ 24.8 ปี ทำให้วิ่งและบุกแบบลืมตาย โดยเฉพาะ คีลียัน เอ็มบัปเป ดาวยิงอนาคตไกลที่กำลังเนื้อหอม หลายสโมสรรุมจีบ ทว่าเกมรับของพวกเขาก็ถือเป็นปัญหาเช่นกัน ถ้าแก้จุดนี้ได้ น่าจะทำให้ไปได้ไกลในถ้วยนี้