คู่หูซูเปอร์ซับ!สิงโตแซงชนะเวลส์2-1

"วาร์ดี-สเตอร์ริดจ์" ซูเปอร์ซับซัลโวช่วยอังกฤษแซงชนะเวลส์ 2-1 ขึ้นจ่าฝูงกลุ่มบี ศึกยูโร 2016

เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. "สิงโตคำราม" อังกฤษ ลงสนามนัดที่สองฟุตบอลยูโร 2016 โดยต้องการ 3 แต้มเพื่อโอกาสเข้ารอบ ซึ่งรอย ฮอดจ์สัน นายใหญ่ของทีม ยังคงใช้บริการ แฮร์รี เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง, อดัม ลัลลานา และ เดลี อัลลี ประสานงานในแนวรุก พบกับเวลส์ ที่ชนะมาในนัดแรก นำโดยแกเร็ธ เบล

เริ่มเกมได้ 7 นาที อังกฤษ มีโอกาสลุ้นจากจังหวะ เคน จ่ายให้ ลัลลานา เปิดเข้ามาหน้าประตูให้ สเตอร์ลิง ยิงออกไปแบบไม่มีลุ้น และอีก 2 นาทีถัดมา  เบล พาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ก่อนยิงไปติดบล็อก แกรี เคฮิลล์

หลังจากนั้น ลูกทีมของ ฮอดจ์สัน ก็พยายามเปิดเกมบุกเข้าใส่ แต่ยังติดๆ ขัดๆ ในจังหวะสุดท้าย ก่อนที่นาที 32  อังกฤษฟ้องจะเอาแฮนด์บอล เมื่อ เคน ขึ้นโหม่งบอลและไปโดนแขนของ เบน เดวีส์ แต่กรรมการไม่ให้

นาที 35  สิงโตคำรามมีโอกาสใกล้เคียงการได้ประตูมากที่สุด เมื่อรูนีย์ เปิดเตะมุมมาให้ คริส สมอลลิง ขึ้นโหม่งเบียดโคนเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตาม เป็นแฟนบอลเวลส์ที่ได้เฮก่อน จากจังหวะฟรีคิกระยะ 35 หลา ในนาทีที่ 42 และ เบล รับหน้ายิงบอลพุ่งข้ามกำแพงก่อนหมดลง โดย โจ ฮาร์ท พุ่งปัดแต่ไม่พ้นเข้าไปตุงตาข่าย นำ 1-0

หลังได้ประตู เกมของอังกฤษเหมือนช๊อตไปดื้อๆ ปล่อยให้ เวลส์ กดดันต่อเนื่องแต่ก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้จบครึ่งแรก เวลส์ นำ 1-0

ครึ่งหลัง ฮอดจ์สัน ถอด แฮร์รี เคน และ ราฮีม สเตอร์ลิง ออกและส่ง แดเนียล สเตอร์ริดจ์ และเจมี วาร์ดี และช่วยให้เกมรุกของสิงโตคำราม หวือหวาขึ้นนาที 54 รูนีย์ ได้จังหวะยิงนอกกรอบ แบบเน้นทิศทาง แต่โดนปัดไว้ได้

กระทั่งนาที 56 ความพยายามของอังกฤษก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อ สเตอร์ริด เปิดเข้ามาหน้าประตู แอชลีย์ วิลเลียมส์ ขึ้นโหม่งกลับหลังมาเข้าทาง วาร์ดี ยิงตีเสมอให้อังกฤษ 1-1 และแข้งผู้ดีเริ่มได้ใจ เปิดเกมรุกใส่ต่อเนื่อง แต่ก็ยังเจาะแนวรับของเวลส์ไม่สำเร็จ นาที 73 คริส สมอลลิง เกือบเสียท่า หลังจับบอลพลาดไปเข้าทาง จอนนี วิลเลียมส์ ของเวลส์ ก่อนจะตามมาเบียดล้มและแย่งบอลคืนมาได้

เกมทำท่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่นาทีสุดท้าย สเตอร์ริดจ์ สวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยให้แฟนบอลผู้ดีเฮสนั่น จากจังหวะจ่ายบอลเข้าในเขตโทษให้ วาร์ดี ก่อนจะตามมาเล่นและยิงเข้าไปอย่างสวยงาม จบเกมอังกฤษแซงชนะ 2-1  ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของ กลุ่มบี

ภาพประกอบจาก เอเอฟพี