บทสรุป (ที่ไม่จบ) ไทยพรีเมียร์ลีก

โดย...ราชันเบอร์23

ปิดฤดูกาลเป็นทางการไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล2015 แชมป์เป็นของทีม "เซาะกราว" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ 4 สมัย ถือเป็นทีมที่แข็งแกร่งและมาตรฐานสูง สิ่งที่ยังต้องพิสูจน์ต่อไปคือในเวทีระดับสากล นั่นก็คือ ฟุตบอลเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก พวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน

ตกชั้นตั้งแต่ไก่โห่

ทีโอที เอสซี  เป็นทีมที่รู้ผลว่าต้องตกชั้นเป็นทีมแรก ถึงแม้ว่าจะเหลืออีก 4 นัดก็ตาม เพราะมีปัญหากันภายในสโมสรและจ่ายเงินนักเตะไม่ตรงเวลา แต่นักเตะก็ยังคงเล่นกันอย่างเต็มที่ แต่ไม่สามารถจะต้านทานได้ จึงต้องตกชั้นไปเล่นยามาฮ่าลีกวันในฤดูกาลหน้า แต่ต้องดูอีกครั้งว่า"ฮัลโหล"จะเหมือนทีมรัฐวิสาหกิจอย่าง การไฟฟ้าฯหรือไม่ ที่ต้องยุบทีมเพราะว่าผู้บริหารไม่สนับสนุนให้สุด

ท่าเรือตกชั้นทำใจลำบาก

เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน สำหรับ การท่าเรือ เอฟซี ต้องต่อสู้ถึงนัดสุดท้ายเพื่อความอยู่รอด แต่สุดท้ายไม่สามารถต้านความแข็งแกร่ง เปิดบ้านโดน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์ไทยลีกมาอัดแพ้คา แพท สเตเดี้ยม 1-5 ตกชั้นไปแบบไม่อยากจะเชื่อสายตา เพราะหลังจากที่"มาดามแป้ง"นวลพรรณ ล่ำซำ เข้ามาเป็นประธานสโมสร แฟนบอล"อาชาท่าเรือ"ก็เปลี่ยนวิถีการเชียร์จากประเภทแนวฮาร์ดคอร์ มาเป็นทีมสุภาพชน ทิ้งภาพลักษ์เดิม ๆที่มักจะมีเรื่องมีราวทุกครั้งหากทีมแพ้ หรือไม่พอใจการตัดสินของกรรมการ กลับกลายเป็นทีมที่ขึ้นชื่อว่าเชียร์ได้ใจและมีมารายาท ทุกครั้งยามเป็นเจ้าบ้านหรือไปเยือนก็ตาม เรียกว่าเป็นทีมขวัญใจมหาชนทีมหนึ่ง ตกชั้นครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เกินจะยอมรับ แต่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆอย่างคุณแป้ง ซึ่งมีหัวใจทุ่มเทและรักฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจก็ประกาศจะอยู่เคียงข้างกับแฟนบอลและนักฟุตบอล"อาชาท่าเรือ"ต่อไป และต่อสู้เพื่อให้การท่าเรือ กลับมาโลดแล่นในลีกสูงสุดอีกครั้ง เหมือนอย่างตอน ปี 2013

เลือดสุพรรณมาไกลเกินเป้า

นักเตะ"ช้างศึกยุทธหัตถี" สุพรรณบุรี เอฟซี ปีนี้ผลงานเยี่ยม โดยเฉพาะผลงานในบ้านถือว่ายอดเยี่ยม ทำให้จบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 3  พร้อมตั๋วไปเล่น เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าได้สำเร็จ แต่ติดปัญหาตรงรังเหย้าของทีม ไม่ผ่านเกณฑ์ คลับ ไลเซนซิ่ง ของเอเอฟซี

ล่าสุด สโมสรสุพรรณบุรี ได้ปรับเรื่องของสนาม ให้ผ่านกฎเกณฑ์ของคลับไลเซนซิ่ง ตามเอเอฟซีกำหนด ซึ่งเรื่องนี้ยังต้องติดตามกันต่อไปว่าทีมของ "บิ๊กท็อป" วราวุธ ศิลปอาชา ประธานสโมสรสุพรรณบุรีฯจะสามารถฝ่าด่านอรหันต์ของเอเอฟซีหรือไม่

บีอีซีดิ้นเฮือกสุดท้ายเพื่อความอยู่รอด

"มังกรไฟ"บีอซี เทโรศาสน  ยังมีลุ้นเฮือกสุดท้ายกับคดีที่อยู่ในศาลปกครองกรณีพิพาทกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด ซึ่งหากมีการพลิกผลให้พวกเขาได้ 3 แต้ม พวกเขาจะอยู่รอดและ เป็น สระบุรี เอฟซี ที่ตกชั้นแทน บีอีซี เทโรศาสน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้พิจารณาคำตัดสินในเกม กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด จากกรณีที่ทีมแข้งเทพ ส่งนักเตะผิดกฎลงสนาม ซึ่งยังไม่ได้บทสรุปออกมา

หากศาลตัดสินให้บีอีซี เทโร กลับมาเป็นฝ่ายได้ 3 แต้ม เหนือแบงค็อก ยูไนเต็ด พวกเขาจะรอดจากการตกชั้น ด้วยการมี 38 คะแนนทันที ส่วนทีมที่จะต้องตกชั้นแทน จะต้องมาวัดกันระหว่าง สระบุรี เอฟซี และราชนาวี ที่มี 35 คะแนนเท่ากันผลปรากฏว่า การพบกันของคู่นี้ผลัดกันแพ้ชนะทีมละครั้ง ราชนาวี ชนะ สระบุรี 2-0 , สระบุรี ชนะ ราชนาวี 2-1 แต่ ทีมที่จะตกชั้นแทน คือ สระบุรี เอฟซี

เมื่อพิจารณาตามกฎการจัดอันดับข้อที่ 1 คือ ผลการแข่งขันของทีมที่มีคะแนนเท่ากัน สระบุรี และ ราชนาวี แพ้ชนะทีมละครั้ง ทำให้ต้องมาวัดที่กฎข้อต่อมาคือ ประตูได้เสียของทีมที่มีคะแนนเท่ากัน (Goal Difference) ซึ่ง เป็นราชนาวี ที่มีผลต่างดีกว่า คือ +1 ขณะที่ สระบุรีนั้น มี -1

ขุนศึกหรือแพะรับบาป

หากศาลสั่งให้บีอีซีได้3แต้ม นั่นจะส่งผลให้ สระบุรีเอฟซีตกชั้นทันที เพราะเฮดทูเฮดแพ้ราชนาวี งานนี้เล่นเอา"โค้ชเบ๊"ไพโรจน์ บวรรัตนดิลก กุนซือสระบุรี เอฟซี เผยอย่างเซ็ง ๆ ถ้าสระบุรี ตกชั้น คงต้องจากรึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลไทยกันเลย

"ผมต้องถามสังคมว่า สระบุรี ผิดอะไร หากต้องถูกศาลปกครองตัดสินแล้วต้องตกชั้น เพราะระเบียบการแข่งขันกันเอง และไทยพรีเมียร์ลีกก็ตัดสินไปแล้วด้วย แล้วผมคิดว่าศาลปกครองจะรู้เรื่องระเบยบกติกาฟุตบอลเหมือนกับพวกเราหรือ ที่ทำผิดมันไม่ใช่ผิดกฎหมายบ้านเมือง มันแค่ผิดระเบียบกติกาฟุตบอลลีกภายในประเทศ ซึ่งมีการตัดสินไปแล้ว ศาลปกครองคงไม่ยุ่ง แต่ถ้าผลการตัดสินให้สระบุรี ต้องตกชั้นขึ้นมาจริง ๆผมว่ามันจะเป็นโศกนาฎกรรมฟุตบอลไทยที่ประวัติศาสตร์ต้องจากรึก"โค้ชเบ๊" อดีตกุนซือโอสถฯ กล่าว

แม้ลีกจะปิดฤดูกาล บางสโมสรได้พัก แต่บางสโมสรก็ต้องต่อสู้นอกสนามต่อไป...??