posttoday

เวิลด์คัพ...ช่วยคนไทยคลายทุกข์

30 พฤษภาคม 2553

พวกเราชาวไทยเพิ่งผ่านความทุกข์เศร้าโศกกับเหตุการณ์บ้านเมืองมาด้วยกัน ถึงเวลาที่จะได้เสพสุขกับบอลโลกไปพร้อมๆ กัน

พวกเราชาวไทยเพิ่งผ่านความทุกข์เศร้าโศกกับเหตุการณ์บ้านเมืองมาด้วยกัน ถึงเวลาที่จะได้เสพสุขกับบอลโลกไปพร้อมๆ กัน

เวิลด์คัพ...ช่วยคนไทยคลายทุกข์

หลังสงครามกลางเมืองในบ้านเราเริ่มสงบลง ท่ามกลางความย่อยยับของเมืองหลวงอย่าง กรุงเทพฯ ที่โดนพวกสิ้นคิดก่อการร้ายเผาทำลายไปหลายจุด รวมถึงศาลากลางหลายจังหวัดในภาคอีสานก็มอดไหม้ด้วยเช่นกัน ซึ่งงานนี้แน่นอนว่า ไม่มีใครเป็นฝ่ายชนะ แต่หัวใจคนไทยส่วนใหญ่ที่รักสงบ ต้องเศร้าสลดหดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นับว่ายังโชคดีของคนไทย เมื่อเรื่องร้ายเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน พวกเรากำลังจะได้รับการเยียวยาด้วยความสุขจากเกมกีฬาระดับโลก ซึ่งจะทำให้เราพอคลายทุกข์คลายเครียดไปได้ถึง 1 เดือนเต็มๆ เลยทีเดียว

นั้นคือ มหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก “เวิลด์คัพ 2010” ซึ่งกำลังจะเปิดศึกโม่แข้งกัน ณ ประเทศแอฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย. – 11 ก.ค.นี้นี่แหละคือ ยาวิเศษที่จะช่วยสมานจิตใจคนไทยทั้งประเทศให้กลับมาคึกคักมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากในบ้านเรานั้น จะมีถ่ายทอดให้ชมกันแบบสดๆ ทุกคู่ แถมยัง
เป็นฟรีทีวีไม่ต้องเสียกะตังค์ซะด้วย

ส่วนใครจะรักสันโดษขอดูที่บ้าน หรือชอบนัดเพื่อนพ้องน้องพี่ไปร่วมเฮกันที่ไหน ก็เลือกกันเองตามสะดวก และอย่าลืมว่า แม้ตอนนี้เราไม่มี “เซ็นทรัล เวิลด์” ที่เป็นศูนย์กลางรวมพลคนนอกบ้าน เราก็ยังมีอีกหลายแห่งที่สามารถไปร่วมแจมได้อย่างสนุกสนาน แต่ขอให้ดูเรื่องความปลอดภัยกันด้วยก็แล้วกัน

คอบอลชาวไทยจะได้ตามเชียร์นักเตะคนโปรด อาทิ เวย์น รูนีย์, ริคาโด กาก้า, เฟอร์นันโด ตอร์เรส, ลีโอเนล เมสซี, คริสเตียโน โรนัลโด, ฟิลิปป์ ลาห์ม, โรบิน ฟาน เพอร์ซี หรือ ดานิเอเล เด รอสซี รวมทั้งตามลุ้นทีมรักอย่าง อังกฤษ, บราซิล, สเปน, อาร์เจนตินา, โปรตุเกส, เยอรมนี, เนเธอร์แลนด์ หรือ “แชมป์เก่า” อิตาลี กันอย่างจุใจ และจะมีเพียงทีมเดียวเท่านั้นที่จะผงาดขึ้นชูถ้วย เวิลด์ คัพ ในปีนี้

แต่ขอเน้น ดูบอลให้สนุก อย่าขลุกเรื่องพนัน เดี๋ยวมันจะทุกข์หนัก (กว่าเดิม)และก็ขอเริ่มเปิดฉากสกู๊ปเรื่องฟุตบอลโลกซะเลย ก่อนที่หน้ากีฬาของหนังสือพิมพ์  โพสต์ทูเดย์ จะมีคอลัมน์ “Let’s go World Cup” ตามมา และจะลากยาวไปจนจบศึกบอลโลกครั้งนี้กันเลยทีเดียว ซึ่งมีแง่มุมต่างๆ มากมายที่น่าสนใจทั้งในและนอกสนาม ขอเชิญติดตามกันได้ครับพี่น้อง

แข้งกระทิง...จ่อแชมป์โลก (หน้าใหม่)ก่อนอื่นเรามารู้ความเป็นมาคร่าวๆ เกี่ยวกับฟุตบอลโลกครั้งนี้กันสักเล็กน้อยก็แล้วกัน หลังจากทวีปเอเชีย ได้เป็นเจ้าภาพครั้งแรกไปแล้วเมื่อปี 2002 โดยมี ญี่ปุ่น กับ เกาหลีใต้ รับหน้าเสื่อจัดร่วมกัน ครั้งนี้ก็ถึงคราวทวีปแอฟริกาได้จัดเป็นครั้งแรกบ้าง โดยจะเปิดมหกรรมแข้งโลกกันที่แอฟริกาใต้ ระหว่างวันที่ 11 มิ.ย.-11 ก.ค.นี้ ซึ่งจะใช้สังเวียนแข่งทั้งหมด 10 สนาม ซึ่งเหลืออีกไม่ถึง 2 สัปดาห์แล้ว และ แอฟริกาใต้ เป็นประเทศที่ 16 ในโลกที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ เวิลด์ คัพ  โดยได้รับการโหวตเหนือ 4 คู่แข่งคือ อียิปต์, ลิเบีย, โมร็อกโก และ ตูนีเซียชาติที่ได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขัน ฟุตบอล
โลก 2010 รอบสุดท้าย ยังคงมี 32 ทีมเช่นเดิม และจะแบ่งเป็น 8 กลุ่มๆ ละ 4

ทีม โดย แอฟริกาใต้ ผ่านรอบคัดเลือกในฐานะเจ้าภาพ ส่วนที่เหลืออีก 31 ทีมมาจากรอบคัดเลือกทวีปต่างๆ ดังนี้ ยุโรป 13, แอฟริกา 5, อเมริกาใต้ 4.5 (แข่งเพลย์ออฟกับอเมริกาเหนือ), อเมริกาเหนือ 3.5 (เพลย์ออฟกับอเมริกาใต้), เอเชีย 4.5 (เพลย์ออฟกับโอเชียเนีย) และ โอเชียเนีย 0.5 (เพลย์ออฟกับเอเชีย)

ส่องกล้องมองแต่ละกลุ่มขอเรียงลำดับจาก กลุ่มเอ ไปจนถึง กลุ่มเอช ก็แล้วกัน แต่คงจะลงรายละเอียดไม่ได้มากนัก เพราะเนื้อที่คงไม่พอที่จะเจียรนัยได้ครบทั้งหมดทุกทีม คงต้องเอาเป็นแค่น้ำจิ้มสำหรับทีมหลักๆ ที่น่าสนใจเท่านั้น

เวิลด์คัพ...ช่วยคนไทยคลายทุกข์ ฝรั่งเศสตัวเต็งกลุ่มเอ

กลุ่มเอ - “เจ้าภาพ” แอฟริกาใต้, ฝรั่งเศส, เม็กซิโก, อุรุกวัย

ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลงด้วยศักดิ์ศรีและชื่อชั้นแล้ว “ตราไก่” ฝรั่งเศส ดีกรีแชมป์โลก 1998 น่าจะคว้าแชมป์กลุ่มได้ และหากมองผิวเผิน เจ้าภาพน่าจะดูด้อยสุด แต่คงประมาทไม่ได้เหมือนกัน เพราะกองเชียร์เจ้าถิ่นคงมีส่วนช่วยให้ แอฟริกา
ใต้ มีฮึดสู้ขาดใจในทุกแมตช์อย่างแน่นอน

เรย์มงด์ โดเมอเนค กุนซือทีมตราไก่ ที่พาแข้งแดนน้ำหอมซิวรองแชมป์โลกครั้งที่แล้วเมื่อปี 2006 ยังคงนำทัพลุยต่อในครั้งนี้ แต่กว่าจะผ่านเข้ามาได้ เรียกว่าหืดจับจริงๆ เพราะต้องดวลเพลย์ออฟกับ ไอร์แลนด์ แถมยังมีเรื่องฉาวจากลูกแฮนด์บอลของ เธียร์รี อองรี ในนัดดังกล่าวด้วย เพราะมีส่วนในการได้ประตูชัยของฝรั่งเศส แต่ภาพโดยรวมนั้น ยังไงทีมตราไก่ก็ยังเป็นที่เกรงขามของทุกทีม โดยเฉพาะ ฟรองค์ ริเบรี, ฟลอรองต์ มาลูดา และ โยฮัน กูร์คุฟฟ์

ขณะที่ เม็กซิโก ส่วนใหญ่เป็นบรรดานักเตะรุ่นใหม่ซึ่งฟอร์มวูบวาบทีมเวิร์กดีเหมือนกัน ส่วน อุรุกวัย อดีตแชมป์โลก 2 สมัย ฟอร์มตกต่ำมาตั้งแต่ปี 1970 และยังกู้ไม่กลับเลย

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – ฝรั่งเศส-เม็กซิโก

กลุ่มบี – อาร์เจนตินา, เกาหลีใต้, ไนจีเรีย, กรีซ 

 “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา ดีกรีแชมป์โลก 2 สมัย เต็งจ๋าแบบนอนมาสำหรับตำแหน่งแชมป์กลุ่ม เนื่องจากมีนักเตะคุณภาพคับทีม นำโดย 2 ยอดดาวยิง ลิโอเนล เมสซี (บาร์เซโลนา) กับ ดิเอโก มิลิโต (อินเตอร์ มิลาน) จะมีจุดอ่อนก็คือ “เสือเตี้ย” ดิเอโก มาราโดนา กุนซือของทีมนี่แหละ เพราะประสบการณ์คุมทีมระดับชาติยังน้อยเกิน ซึ่งกว่าจะได้มาเล่นครั้งนี้ ต้องลุ้นรอบคัดเลือกถึงนัดสุดท้ายเลยทีเดียว ทั้งที่ในอดีตนั้น ส่วนใหญ่ อาร์เจนตินา กอดคอ บราซิล เป็นตัวแทนโซนอเมริกาใต้ตั้งแต่ไก่โห่แล้ว

ส่วนอันดับ 2 ของกลุ่ม คงห้ำหั่นกันน่าดู ไนจีเรีย ยุคนี้ไม่น่ากลัวเหมือนสมัยปี 1994 และ 1998 ขณะที่ กรีซ ดีกรีแชมป์ยูโร 2004 มีปัญหาเศรษฐกิจในบ้านรุมเร้าจนกระเป๋ากลวงโบ๋จนห่อเหี่ยว แถมเกมรุกก็ฝืด ส่วน เกาหลีใต้ เคยผงาดคว้าที่ 4 ในบ้านตัวเองเมื่อปี 2002 ที่สำคัญเรื่องความฟิตไม่เป็นรองใครในโลก บวกกับนักเตะมีพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ หลังไปค้าแข้งแถบยุโรปกันมากขึ้น

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – อาร์เจนตินา-เกาหลีใต้

เวิลด์คัพ...ช่วยคนไทยคลายทุกข์ สิงโตซ้อมเครียด

กลุ่มซี – อังกฤษ, สหรัฐ, แอลจีเรีย, สโลเวเนีย

“สิงโตคำราม” อังกฤษ ถือว่าโชคดีอยู่ในกลุ่มไม่แข็งมากนัก จึงถูกยกให้เป็นหนึ่งในทีมเต็งคราวนี้ แถมรอบคัดเลือกมาดีเหลือเกิน (ชนะ 9 แพ้ 1) และเชื่อว่าแฟนแข้งผู้ดีหลายคนก็กำลังอยากเห็น อังกฤษ คว้าแชมป์โลกครั้งที่ 2 ได้ซะที หลังคอยมาถึง 44 ปีแล้ว นับแต่ซิวครั้งแรกเมื่อปี 1996 ในบ้านตัวเอง

ฟาบิโอ คาเปลโล กุนซือชาวอิตาเลียน น่าจะมีส่วนช่วยให้ อังกฤษ เดินหน้าล่าฝัน แม้ไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียง เพราะขุนพลชุดนี้ถือว่าดีที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว นำโดย เวย์น รูนีย์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), แฟรงค์ แลมพาร์ด (เชลซี) และ สตีเวน เจอร์ราร์ด (ลิเวอร์พูล) ซึ่งน่าจะผนึกกำลังช่วยกันงัดฟอร์มเก่งออกมาให้ได้
อีก 3 ทีม คงต้องเบียดลุ้นอันดับ 2 ของกลุ่มกัน ซึ่ง สหรัฐ ดูดีกว่าใคร หลังจากได้เข้าร่วม เวิลด์คัพ รอบสุดท้ายมาถึง 6 สมัยติดต่อกัน

ขณะที่ สโลเวเนีย แม้จะเพลย์ออฟพลิกชนะ รัสเซีย ก็ไม่โดดเด่นอะไรนัก ส่วน แอลจีเรีย แค่มีแต้มกลับบ้านก็น่าจะพอใจ เพราะเข้ามาเล่นครั้งแรกในรอบ 24 ปี

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – อังกฤษ-สหรัฐ

กลุ่มดี – เยอรมนี, ออสเตรเลีย, เซอร์เบีย, กานา

ในบอลโลกทุกครั้ง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี อดีตแชมป์โลก 3 สมัย เป็นทีมที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับถึงความแข็งแกร่งมาตลอด ด้วยระบบทีมเวิร์คสุดยอด แม้จะเล่นไม่สวยงามนัก แต่ก็เป็นทีมแพ้ยากจริงๆ แข้งเมืองเบียร์ สามารถเข้ารอบลึกๆ ได้เสมอในรายการใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นรองแชมป์โลก 2002 แล้วมาแพ้รอบตัดเชือกให้ อิตาลี ครั้งที่แล้ว ตามด้วยรองแชมป์ยูโร 2008 จากฝีมือของกุนซือ โจอาคิม เลิฟ และแม้ต้องขาดกัปตันทีมอย่าง มิชาเอล บัลลัค ที่ดันเจ็บช่วงโค้งสุดท้าย และแต่งตั้งให้ ฟิลิปป์ ลาห์ม สวมปลอกแขนแทนนั้น  ก็ไม่น่าส่งผลกระทบมากนักกับทีม เพราะเป็นช่วงขาลงของ บัลลัค แล้ว

สำหรับอันดับ 2 กลุ่มนั้น เซอร์เบีย น่าจะฝีเท้าจัดจ้านกว่า ออสเตรเลีย และ กานา เพราะด้วยผลงานคว้าแชมป์กลุ่มรอบคัดเลือกโซนยุโรป และส่งให้ ฝรั่งเศส
ต้องไปเล่นเพลย์ออฟกว่าจะเข้ามาได้นั่นเอง ขณะที่ กานา ที่เพิ่งไปโชว์แข้งครั้งที่แล้วที่เยอรมนี ครั้งนี้ไม่มีจอมทัพอย่าง มิคาเอล เอสเซียง ที่เข่าเดี้ยงจนชวดบอลโลก คงหวังมีคะแนนกลับไปฝาก เอสเซียง ก็น่าจะพอใจแล้ว ส่วน แข้งจิงโจ้ ยังดูห่างเหินเกินไปสำหรับเวิลด์คัพ แม้จะเคยเข้า
รอบ 2 เมื่อปี 2006 ก็ตาม

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – เยอรมนี-เซอร์เบีย

กลุ่มอี – เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ก, ญี่ปุ่น, แคเมอรูน

ต้องยอมรับว่า “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ มีดีมาอวดทุกที ด้วยลีลาการเล่นที่สวยงาม แต่ไม่ยักมีวาสนาไปถึงแชมป์โลกซะที เคยได้ก็แต่แชมป์ยูโรเท่านั้น แต่คราวนี้คงต้องจับตาดูกันให้ดี เพราะหลายคนกำลังท็อปฟอร์มพอดี โดยเฉพาะ อาร์เยน ร็อบเบน (บาเยิร์น มิวนิค) และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี (อาร์เซนอล) ที่ต่างพร้อมจะยิงระเบิดระเบ้อในครั้งนี้แถมยังมีกองกลางชั้นดีอย่าง ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท (เรอัล มาดริด), เวสลีย์ สไนเดอร์ (อินเตอร์ มิลาน) และ มาร์ค
ฟาน บอมเมล (บาเยิร์นฯ) อีกด้วย ดังนั้นอีก 3 ทีมที่เหลือไปแย่งอันดับ 2 กลุ่มกันเถอะ

เดนมาร์ก น่าจะเค้นฟอร์มตามแข้งกังหันลมเข้ารอบไปได้ หาก นิคลาส เบนท์เนอร์ (อาร์เซนอล)  ผนึกกำลังกับจอมเก๋าอย่าง   ยอน ดาห์ล โทมัสสัน (เฟเยนูร์ด)
ได้ดี ขณะที่ แคเมอรูน แม้จะมีดาวดังคือ ซามูเอล เอโต (อินเตอร์ มิลาน) และ อเล็กซ์ ซง (อาร์เซนอล) แต่องค์ประกอบโดยรวมมันไม่ดีพอที่จะเดินหน้าต่อไป เช่นเดียวกับ ญี่ปุ่น ที่คงลุ้นยาก และหลายคนคงเพียงแค่ไปเล่นเพื่อสร้างโอกาสค้าแข้งในลีกระดับโลกต่อไป

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – เนเธอร์แลนด์-เดนมาร์ก

กลุ่มเอฟ – “แชมป์เก่า” อิตาลี, ปารากวัย, นิวซีแลนด์, สโลวาเกีย

มาร์เซลโล ลิปปี กุนซือจอมเก๋า ที่เพิ่งพา “มักกะโรนี” อิตาลี ครองแชมป์โลก สมัยที่ 4 เมื่อปี 2006 แล้วพักงานคุมทีมไป 2 ปี ก่อนจะรีเทิร์นกลับมาคุมทัพอัซซูรี
อีกในคราวนี้ เนื่องจาก โรแบร์โต้ โดนาโดนี ทำทีมอิตาลีล้มเหลวสุดๆ ในศึกยูโร 2008  ซึ่งเรื่องฝีมือและมันสมองของ ลิปปี นั้น ไม่มีใครสงสัยเป็นแน่ แต่เมื่อตัวเก๋าอย่าง อเลสซานโดร เนสตา และ ฟรานเชสโก ต๊อตติ มีปัญหาความฟิตจนขออำลาทีมชาติ ทำให้ต้องมีการถ่ายเลือดใหม่พอสมควร

แต่เมื่อยังมี อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน และ อันเดรีย ปีร์โล อยู่ในทีม ก็น่าจะยังพอเชื่อขนมกินได้ถึงความเขี้ยวของทีมทีมที่จะตามหลัง อิตาลี เข้ารอบนี่ซิ ซึ่งที่ตัดออกได้เลยคือ นิวซีแลนด์ เพราะได้มาเล่นก็เก่งแล้ว ส่วน ปารากวัย น่าจะฟอร์มดุและโหดกว่า สโลวาเกีย

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – อิตาลี-ปารากวัย

เวิลด์คัพ...ช่วยคนไทยคลายทุกข์ งานนี้สเวนเหนื่อยแน่

กลุ่มจี – บราซิล, โปรตุเกส, ไอเวอรีโคสต์, เกาหลีเหนือ

นี่ซิ ต้องถือว่าเป็น “กลุ่มแห่งความตาย” และอย่าเพิ่งคิดว่า “แซมบา” บราซิล จะฉลุยเข้ารอบเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม แม้จะพกดีกรีแชมป์โลกมากที่สุดถึง 5 สมัยมาด้วยก็ตาม แน่นอนหลายคนงงถึงการที่กุนซือคาร์ลอส ดุงกา ไม่เรียกทั้ง โรนัลดินโญ, อาเดรียโน และ อเล็กซานเดร ปาโต มาร่วมทีม แต่อย่างงเลย แข้งแซมบามีตัวเลือกเยอะเหลือเกิน และก็ยังมี กากา, หลุยส์ ฟาบิโน และ ลูซิโอ อยู่ ยังไงรอบ 2 นั้นน่าจะเบียดเข้าไปได้ แต่คงลุ้นแชมป์สมัยที่ 6 ยากน่าดู ต้องอาศัยโชคเข้าข้างด้วย

ด้าน โปรตุเกส ที่นำทัพโดย คริสเตียโน โรนัลโด (เรอัล มาดริด) และ ไอเวอรีโคสต์ ที่มีทั้ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา กับ โซโลมง กาลู (เชลซี) ซึ่งเข้าขากันดี เพราะเล่น
สโมสรเดียวกันด้วย ดูแล้ว ไอวอรีโคสต์ น่าจะดูโหดมันฮากว่าเยอะ และไม่อยากแสดงความเสียใจล่วงหน้ากับ หนูโด้ เลยจริงๆ ส่วน เกาหลีเหนือ ได้มาร่วมเป็นครั้งที่ 2 ก็ประสบความสำเร็จเกินคาดแล้ว เพราะเคยได้มาเล่นครั้งแรกตั้งแต่ปี 1966 โน่นแนะ

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – บราซิล-ไอเวอรีโคสต์
 
กลุ่มเอช – สเปน, สวิตเซอร์แลนด์, ฮอนดูรัส, ชิลี

"กระทิงดุ" สเปน ได้รับยอมรับอย่างมากในยุคนี้ว่า เป็นยอดทีมของโลกในยุคปัจจุบัน หลังเพิ่งผงาดคว้าแชมป์ยูโร 2008 จากการทำทีมของกุนซือ หลุยส์ อาราโกเนส ก่อนที่ บิเซนเต เดล บอสเก จะมารับช่วงลุยเวิลด์คัพต่อ บรรดาเกจิลูกหนังทั่วโลกต่างเชื่อในศักยภาพของแข้งกระทิงว่า ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะมีโอกาสเป็นแชมป์โลกกับเขาซะที หลังโดนตราหน้าว่า “หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม”  มานานหลายปีแล้ว ซึ่งองค์ประกอบทุกอย่างเรียกว่า แกร่งทั่วแผ่นจริงๆ โดยเฉพาะจอมทัพอย่าง ชาบี เฮอร์นานเดซ และ 2 ดาวยิง เฟอร์นานโด ตอร์เรส และ ดาวิด บีญา

รอบแรกนั้น สเปน น่าจะผ่านฉลุยแบบนิ่มๆ เลย แล้วไปรอดูรอบ 2 ว่าจะเจอใคร ส่วนอันดับ 2 กลุ่มนี้ ไม่ว่าดูเหลี่ยมไหน ยังไงแข้งสวิสก็มีดีกว่า ชิลี และ ฮอนดูรัส ทั้งเรื่องชื่อชั้นและทีมเวิร์คอย่างแน่นอน

ทีมที่น่าจะเข้ารอบ – สเปน-สวิตเซอร์แลนด์

อีกไม่กี่วันแล้ว เวิลด์คัพ 2010 ก็กำลังจะเริ่มขึ้น ซึ่งพวกแฟนพันธุ์แท้คงจะต้องอดหลับอดนอนกันยาวนับเดือนเลยทีเดียว แต่อยากให้เตรียมความพร้อมของร่างกายเอาไว้ด้วย  เดี๋ยวจะล้มป่วยตั้งแต่รอบแรกๆ แล้วจะไม่สนุกแน่   พวกเราชาวไทยเพิ่งผ่านความทุกข์เศร้าโศกกับเหตุการณ์บ้านเมืองมาด้วยกัน ก็ถึงเวลาที่จะได้เสพสุขกับบอลโลกไปพร้อมๆ กัน ลองดูกันซิว่า 4 ทีมเต็งในครั้งนี้คือ สเปน, บราซิล, อาร์เจนตินา และ อังกฤษ

ใครจะทำได้สำเร็จ โดย 3 ทีมหลังต่างเป็นอดีตแชมป์โลกทั้งสิ้น ซึ่งมีเพียง สเปน เท่านั้นที่ยังไม่เคยชูถ้วย หรือจะมีแชมป์โลกหน้าใหม่ในครั้งนี้...อีกไม่นานได้รู้กัน