posttoday

ไม่ให้ความร่วมมือ...ถือว่ารับผิด

27 สิงหาคม 2555

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่สำหรับวงการกีฬาโลกเลยทีเดียว

โดย...เด็กสวนฯ

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่สำหรับวงการกีฬาโลกเลยทีเดียว

นั่นคือ แลนซ์ อาร์มสตรอง โดนสั่งยึดแชมป์ทุกรายการย้อนหลังไปจนถึงวันที่ 1 ส.ค. ปี 1998 ทำให้การคว้าชัยถึง 7 สมัยติดต่อกันในศึกจักรยานทางไกลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก “ตูร์ เดอ ฟรองซ์” (ปี 1999-2005) ต้องถูกริบคืนทั้งหมด แถมยังถูกแบนตลอดชีวิตอีกด้วย แม้จะประกาศแขวนน่องไปแล้วก็ตาม

ศึกตูร์ เดอ ฟรองซ์ เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่สุดๆ สำหรับบรรดานักปั่นน่องเหล็กทั้งหลาย แค่ได้แชมป์สักครั้งในชีวิต ก็นับเป็นเกียรติแก่ตัวเอง วงศ์ตระกูล และชาติบ้านเกิดเลยทีเดียว แต่ทำไม อาร์มสตรอง กวาดมาได้มากมายขนาดนั้นถึงยอมส่งแชมป์คืนง่ายๆ ซะงั้น

ไม่ให้ความร่วมมือ...ถือว่ารับผิด

 

เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้วน่องเหล็กชาวอเมริกันวัย 40 ปี ถูกองค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นแห่งชาติสหรัฐ (USADA) กล่าวหาว่าเขาใช้สารสเตอรอยด์ช่วยให้ประสบความสำเร็จในอาชีพนักปั่น และถูกสั่งห้ามเข้าร่วมแข่งขันมาหลายรายการแล้ว จนในที่สุด อาร์มสตรอง ก็ตัดสินใจเลิกลงแข่งมันซะเลยเมื่อปีที่แล้ว

อาร์มสตรอง ได้พยายามต่อสู้ในเรื่องนี้มาตลอด แต่ในที่สุดก็ยกธงขาวยอมแพ้เอาดื้อๆ พร้อมกับอ้างว่าเบื่อการจองล้างจองผลาญข้อกล่าวหาโด๊ปยาซะเหลือเกิน จนหลายคนพากันงงเป็นแถบๆ

“มันถึงจุดที่คนเราคงจะต้องพูดว่า พอกันที มันเป็นเรื่องไร้สาระ ผมรู้สึกเบื่อหน่ายกับข้อกล่าวหาดังกล่าวที่ถูกยัดเยียดมานาน และก็ไม่มีเวลาเหลือเฟือที่จะไปต่อสู้กับเรื่องนี้แล้ว” อาร์มสตรอง แถลงผ่านทางเว็บไซต์ส่วนตัว

ด้าน ทราวิส ไทการ์ต ประธานฝ่ายบริหารของ ยูเอสเอดีเอ ก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน

“ยูเอสเอดีเอ ขอประกาศว่า แลนซ์ อาร์มสตรอง เลือกที่จะไม่เดินหน้าต่อในเรื่องนี้กับทางศาลอนุญาโตตุลาการ ซึ่งมีผลทำให้เขาจะถูกสั่งห้ามลงแข่งทุกรายการนับแต่นี้ และจะถูกริบรางวัลทั้งหมดคืนด้วย”

ไม่ให้ความร่วมมือ...ถือว่ารับผิด

 

จบกัน...ชีวิตนักปั่นระดับตำนาน

แต่แปลกใจว่า ขนาด อาร์มสตรอง เคยป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก หลังถูกตรวจพบเมื่อเดือน ต.ค. ปี 1996 เขายังใจสู้ ชูสองนิ้ว ราวกับกิน “ลิโพวิตันดี” พร้อมกับยึดมั่นในเพลง “ต้องสู้ถึงจะชนะ” ของ เจินเจิน นักร้องสาวประเภทสองของไทยเรา จนสามารถเอาชนะโรคร้ายดังกล่าว พร้อมกลับมาลงแข่งขันต่อได้อีกครั้ง

นับแต่นั้นมา อาร์มสตรอง ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับบรรดาผู้ป่วยโรคมะเร็งทั่วโลก และในเดือน พ.ค. ปี 2004 ก็ได้มีการทำ ริสต์แบนด์ “LIVESTRONG” ออกมาจำหน่าย เพื่อนำเงินเข้า “กองทุน แลนซ์ อาร์มสตรอง” ซึ่งเป็นกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งอีกด้วย

ด้านสหพันธ์จักรยานนานาชาติ (UCI) ซึ่งพยายามช่วยปกป้อง อาร์มสตรอง และคอยชนกับ USADA ในเรื่องนี้มาตลอด ด้วยการเรียกร้องให้ USADA ชี้แจงเหตุผลที่จะริบแชมป์ แต่เมื่อยอดนักปั่นถอดใจแบบนี้...ก็จบกัน

จอห์น ฟาเฮย์ ประธานองค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลก (WADA) ก็รู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของ อาร์มสตรอง เพราะอยากให้ออกมาต่อสู้จนถึงที่สุด และการทำแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับข้อกล่าวหาโดยปริยาย แม้ อาร์มสตรอง จะยืนยันว่า การไม่ให้การในชั้นศาล ไม่ได้หมายความว่ายอมรับผิดก็ตาม

ไม่ให้ความร่วมมือ...ถือว่ารับผิด

 

ทำไม อาร์มสตรอง ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ จนถูก USADA ประกาศลงโทษสถานหนักแบบนี้ คงไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเขาเอง รวมทั้งเรื่องโด๊ปหรือไม่โด๊ปด้วย

ดูๆ แล้วคล้ายกฎหมายจัดการกับขี้เมาในเมืองไทยเลย นั่นคือบรรดาผู้ที่ขับขี่รถในบ้านเรา แล้วถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกตรวจ เพื่อให้เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ หากใครปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือ ในทางกฎหมายให้สันนิษฐานว่ามีความผิดในข้อหา “เมาแล้วขับ” แถมโดนหนักกว่ายอมเป่าด้วยซ้ำ ต่างกันก็แต่ขี้เมาไม่มีแชมป์อะไรให้ยึดคืน