posttoday

ตัวเต็ง...พาเกร็งหรือฮึกเหิม?

26 สิงหาคม 2555

ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าการเป็นตัวเต็งนี่เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีสำหรับฉันกันแน่

โดย...จาด้า

“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าการเป็นตัวเต็งนี่เป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ดีสำหรับฉันกันแน่” เซเรนา วิลเลียมส์ ว่าไว้ ทั้งๆ ที่เธอเคยชินกับสถานะดังกล่าวมานับทศวรรษ

วิลเลียมส์ ผู้น้อง กลายเป็นเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์หญิงเดี่ยวยูเอส โอเพน ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 27 ส.ค.-9 ก.ย.นี้ หลังจากที่เธอกลายเป็นนักเทนนิสหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่สามารถทำ “โกลเดน สแลม” ต่อจาก สเตฟี กราฟ อดีตราชินีลูกสักหลาดชาวเยอรมัน ด้วยการคว้าเหรียญทอง “ลอนดอน 2012”

เซเรนา ประสบความสำเร็จอย่างงดงามบนคอร์ตหญ้าในปีนี้ เพราะนอกจากจะได้แชมป์วิมเบิลดันสมัยที่ 5 แล้ว เธอยังถล่ม มาเรีย ชาราโปวา แบบมือคนละชั้น ในรอบชิงชนะเลิศโอลิมปิกที่ออลอิงแลนด์ คลับ ด้วย

แม้ว่าสถิติชนะรวดของเธอจะถูกหยุดลงที่ 19 นัด เมื่อพ่าย แองเจลิค เคอร์เบอร์ ที่ซินซินเนติ ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องรายการสุดท้าย ก่อนที่จะเดินทางมาไล่ล่าแชมป์แกรนด์สแลมหญิงเดี่ยวรายการที่ 15 ที่ฟลัชชิง เมโดว์ส

ปีที่แล้วนักหวดชาวอเมริกันอกหักได้แค่รองแชมป์ยูเอส โอเพน หลังพลิกล็อกพ่าย ซาแมนธา สโตเซอร์ คู่แข่งชาวออสซี ซึ่งแน่นอนว่ามันน่าจะทำให้เธอมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้ได้ดีกว่าเดิมในปีนี้ และแฟนเทนนิสส่วนใหญ่ก็เชื่อว่ามีโอกาสสูงที่จะทำสำเร็จด้วย

“ฉันไม่มีปัญหากับการถูกยกให้เป็นเต็งแชมป์ อย่างตอนวิมเบิลดัน ฉันไม่ได้เป็นตัวเต็ง ฉันช็อกไปเลย จริงๆ รู้สึกโกรธด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันดีหรือไม่ดี” (เพราะสุดท้ายเธอได้แชมป์วิมเบิลดันไปครอง) เซเรนา กล่าว

ตัวเต็ง...พาเกร็งหรือฮึกเหิม?

 

นักหวดวัย 31 ปี จะประเดิมสนามด้วยการพบกับ โคโค แวนเดเวเก ดาวรุ่งเพื่อนร่วมชาติ และมีแนวโน้มที่เธออาจจะต้องไปเจอ แอกเนียสกา รัดวานสกา มือ 2 โลก ในรอบรองชนะเลิศ หลังจากที่เคยเอาชนะสาวโปแลนด์มาแล้วในนัดชิงดำวิมเบิลดันเมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา

สงครามนางฟ้า

นอกจาก เซเรนา แล้ว คนที่ถูกมองว่าน่าจะมีโอกาสลุ้นแชมป์ยูเอส โอเพน ปีนี้มากที่สุดก็คงจะเป็น วิกตอเรีย อซาเรนกา มือ 1 โลก จากเบลารุส และมาเรีย ชาราโปวา มือ 3 ของโลก ซึ่งถือเป็นสองสาวสวย (และร้องเสียงดัง) ของวงการในปัจจุบัน

อซาเรนกา คว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกในชีวิตมาครองได้ในศึกออสเตรเลียน โอเพน เมื่อต้นปี ด้วยการชนะ ชาราโปวา และเธอก็ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจเกือบตลอดทั้งปี ซึ่งรวมถึงการคว้าเหรียญทองแดงในศึกโอลิมปิกด้วย

อย่างไรก็ตาม นักหวดวัย 23 ปี ยังไม่เคยผ่านรอบ 4 ที่ฟลัชชิง เมโดว์ส ไปได้เลย แต่นี่ถือเป็นโอกาสดีที่เธอจะทำสำเร็จ เพราะคู่แข่งรอบแรกๆ ถือว่าไม่หนักมากนัก จนกว่าจะถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งเธอมีแนวโน้มจะเจอกับ สโตเซอร์ และ ชาราโปวา ในรอบตัดเชือก

ขณะที่ ชาราโปวา ที่เพิ่งคว้าเหรียญเงินโอลิมปิก ก็มีภารกิจลุ้นแชมป์แกรนด์สแลมรายการที่ 5 โดยเธอเคยได้แชมป์ยูเอส โอเพน มาแล้วเมื่อปี 2006

คู่แข่งร่วมสายที่อันตรายที่นักหวดหุ่นนางแบบอาจจะต้องเจอในรอบ 8 คนสุดท้ายก็คือ เปตรา ควิโตวา อดีตแชมป์วิมเบิลดัน ชาวเช็ก ซึ่งเป็นมือ 5 ของรายการ โดยเธอจะไม่ได้เจอคู่ปรับเก่าอย่าง เซเรนา จนกว่าจะเป็นรอบชิงชนะเลิศ

ขณะที่นักเทนนิสสาวคนอื่นที่น่าจับตามองก็คือ คิม ไคลสเตอร์ส อดีตแชมป์ 3 สมัย ชาวเบลเยียม ที่จะลงแข่งขันรายการนี้เป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายก่อนจะแขวนแร็กเกต นอกจากนั้น ก็ยังมี สโตเซอร์ แชมป์เก่า ที่แม้จะฟอร์มลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็จะประมาทไม่ได้ เช่นเดียวกับ ควิโตวา, วีนัส วิลเลียมส์ และหลี่นา จากจีน

ตัวเต็ง...พาเกร็งหรือฮึกเหิม?

 

เรื่องเล็กสำหรับ ‘เฟดเอ็กซ์’

ดีกรีแชมป์แกรนด์สแลม 17 รายการ คงจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความเก่งกาจของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ได้เป็นอย่างดี และนอกเหนือจากพรสวรรค์แล้ว สภาพจิตใจที่แข็งแกร่งยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดด้วย

เฟเดอเรอร์ คุ้นเคยกับความกดดันเป็นอย่างดี เพราะไม่ว่าจะลงแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ไหน เขาก็หนีตำแหน่งเต็งแชมป์ไม่พ้น แม้ว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แชมป์แกรนด์สแลมจะตกอยู่ในมือของ ราฟาเอล นาดาล และ โนวัก โจโควิช มากขึ้นก็ตาม

“ผมโอเคกับการเป็นตัวเต็ง เพราะนั่นแสดงว่าผมกำลังเล่นได้ดีขึ้น” เฟดเอ็กซ์ กล่าวไว้ก่อนลงแข่งโอลิมปิก

นักหวดชาวสวิส ซึ่งกำลังลุ้นแชมป์ยูเอส โอเพน สมัยที่ 6 ถือว่ากำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีบนฮาร์ดคอร์ต หลังจากที่เพิ่งจะคว้าแชมป์มาสเตอร์ซีรีส์ที่ซินซินเนติ ด้วยการสยบ โจโควิช ในรอบชิงชนะเลิศเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว

“แม้ว่าผมจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้เกือบทุกอย่างในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นการได้เหรียญโอลิมปิก, แชมป์วิมเบิลดัน และกลับมาเป็นมือ 1 ของโลก แต่มันก็ยังเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมที่จะต้องก้าวต่อไปเรื่อยๆ” คุณพ่อลูกแฝด กล่าว

ตัวเต็ง...พาเกร็งหรือฮึกเหิม?

 

ปากอาจจะพูดว่าพอใจที่ได้เหรียญในศึกลอนดอน 2012 แต่ลึกๆ แล้วเชื่อว่านักเทนนิสวัย 31 ปี คงจะรู้สึกผิดหวังไม่น้อย ที่พลาดโอกาสได้เหรียญทองประเภทเดี่ยวโอลิมปิกครั้งแรก เมื่อพ่ายให้กับ แอนดี เมอร์เรย์ ในรอบชิงชนะเลิศแบบขาดลอย ทั้งก่อนหน้านั้นไม่ถึงเดือนเขาเพิ่งจะสยบคู่แข่งชาวสกอตในนัดชิงวิมเบิลดัน

สำหรับรอบแรกยูเอส โอเพน ปีนี้ เฟเดอเรอร์ จะพบกับ โดนัลด์ ยัง นักหวดเจ้าถิ่น และหากไม่มีอะไรพลิกโผ เขาก็น่าจะเจอกับ โทมัส เบอร์ดิช มือ 6 ของรายการ จากเช็ก ในรอบ 8 คนสุดท้าย ตามด้วย เมอร์เรย์ ในรอบตัดเชือก


โอกาสดีของโนเล

การไม่มี ราฟาเอล นาดาล นักหวดมือ 3 โลก จากสเปน ที่ขอถอนตัวเพราะปัญหาบาดเจ็บที่หัวเข่า ส่งผลดีต่อ โจโควิช อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนั่นทำให้โอกาสในการผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ของเขาสดใสมากกว่าเดิม เนื่องจากจะไม่ต้องเจอ เฟเดอเรอร์ หรือ เมอร์เรย์ จนกว่าจะถึงรอบชิงชนะเลิศ

หลังจากที่อกหักทั้งในศึกวิมเบิลดันและโอลิมปิก “โนเล” ก็เริ่มเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้แบบถูกที่ถูกเวลา หลังจากคว้าแชมป์มาสเตอร์ซีรีส์ที่โตรอนโต ตามด้วยรองแชมป์ที่ซินซินเนติ ซึ่งผลงานในทัวร์นาเมนต์อุ่นเครื่องบนฮาร์ดคอร์ตของเขา ก็น่าจะทำให้ความมั่นใจมีเพิ่มมากขึ้น

โจโควิช จะเริ่มต้นการป้องกันแชมป์ที่นิวยอร์กด้วยการพบกับ เปาโล ลอเรนซี มือรองบ่อนจากอิตาลี และน่าจะโคจรไปพบกับ ฮวน มาร์ติน เดล ปอโตร ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ตามด้วย ดาวิด เฟร์เรร์ มือ 4 จากสเปน ในรอบตัดเชือก

“ผมคิดว่ามันมีผู้เล่น 128 คนที่นี่ที่ต่างก็มีความมุ่งมั่นอย่างสูง เพราะฉะนั้นคุณไม่สามารถที่จะคิดว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบแรกๆ ที่คุณถูกยกให้เป็นเต็งจ๋า” โจโควิช กล่าว

นักหวดเซิร์บอาจจะเป็นแชมป์เก่าก็จริง แต่ดูเหมือนว่าปีนี้สื่อและบ่อนรับพนันถูกกฎหมายจะยกให้ เมอร์เรย์ และ เฟเดอเรอร์ มีโอกาสที่จะได้ชูถ้วยแชมป์มากกว่า ทว่า นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับเจ้าของแชมป์แกรนด์สแลม 5 รายการแต่อย่างใด

ตัวเต็ง...พาเกร็งหรือฮึกเหิม?

 

ถึงเวลาเมอร์เรย์?

ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักเทนนิสชายที่ดีที่สุดที่ยังไม่เคยได้แชมป์แกรนด์สแลมมานานหลายปี แต่ชั่วโมงนี้ แอนดี เมอร์เรย์ ประกาศตัวพร้อมเป็นผู้ท้าชิงแบบเต็มตัวหลังจากที่เพิ่งคว้าเหรียญทองโอลิมปิกชายเดี่ยวมาเมื่อเดือนที่แล้ว

เมอร์เรย์ เป็นนักหวดที่มีเทคนิคดี แต่มักจะถูกวิจารณ์ว่าสภาพจิตใจไม่ค่อยแกร่งเท่ากับบิ๊กโฟร์อีก 3 คนที่เหลือ ซึ่งนั่นทำให้เขาไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที ทั้งที่ได้โอกาสเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมมาแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ก็อกหักเรียบ รวมถึงยูเอส โอเพน 2008 ด้วย

นักหวดสกอตติช แพ้ เฟดเอ็กซ์ ในนัดสำคัญๆ ตลอด ด้วยเหตุนี้การที่เขาถอนแค้นคู่ปรับตัวฉกาจได้ในนัดชิงดำ “ลอนดอน 2012” ได้ จึงส่งผลในทางบวกต่อความมั่นใจอย่างเต็มที่ หลังจากที่เคยแพ้มือ 1 โลก ในรอบชิงวิมเบิลดัน จนร้องห่มร้องไห้ในคอร์ตมาแล้ว

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสายการประกบคู่จะไม่ค่อยเป็นใจให้กับฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิกเท่าใดนัก เพราะแม้จะเปิดด้วยการเจอ อเล็กซ์ โบโกโมลอฟ จูเนียร์ มือ 73 ของโลก จากรัสเซีย ในรอบแรก แต่หลังจากนั้นมีแนวโน้มเจอ มิลอส ราโอนิช มือดีจากแคนาดา ตามด้วย โจ วิลเฟรด ซองกา ในรอบ 8 คน และ เฟเดอเรอร์ ในรอบตัดเชือก

ทว่า การไม่ได้เล่นในบ้านน่าจะเป็นผลดีต่อ เมอร์เรย์ เพราะความกดดันจากสื่อและแฟนๆ ไม่มากเท่ากับยามเล่นวิมเบิลดัน นอกจากนั้น เขายังมักจะทำผลงานบนฮาร์ดคอร์ตที่นิวยอร์กได้ดี ตั้งแต่สมัยที่เคยคว้าแชมป์จูเนียร์ยูเอส โอเพน มาแล้วด้วย

ม้ามืดที่น่าจับตามอง

อาจจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มบิ๊กโฟร์ก็จริง แต่ เดล ปอโตร นักหวดชาวอาร์เจนไตน์ ก็ถือเป็นผู้เล่นอีกคนที่ไม่ควรจะมองข้าม เพราะเขาคือคนที่เคยปราบ เฟดเอ็กซ์ ในรอบชิงชนะเลิศยูเอส โอเพน 2009 แบบช็อกโลกมาแล้ว

หลังจากที่ได้แชมป์แกรนด์สแลมแรกในชีวิต นักหวดร่างโย่งกลับโชคร้ายมีปัญหาบาดเจ็บเล่นงานจนหายหน้าจากทัวร์ไปพักใหญ่ แต่เมื่อใดก็ตามที่ฟิตสมบูรณ์ เดล ปอโตร สามารถสร้างความหนักใจให้กับคู่แข่งได้เสมอ

ผลงานที่เข้าตาล่าสุดก็คือการคว้าเหรียญทองแดงจากศึกลอนดอน 2012 มาครอง โดยในรอบรองชนะเลิศ เขาสู้กับ เฟเดอเรอร์ ได้อย่างสูสี ก่อนที่จะแพ้ไปในเซตสุดท้าย 1719 เกม หลังดวลกันมาราธอน 4 ชม. 26 นาที

ในศึกยูเอส โอเพน ปีนี้ เดล ปอโตร เป็นมือ 7 ของรายการ และดูตามเส้นทางแล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะเจอกับ โจโควิช ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งแน่นอนว่านั่นคือกระดูกชิ้นโตที่เขาต้องผ่านไปให้ได้ หากหวังจะสร้างเซอร์ไพรส์ไปถึงนัดชิงดำอีกครั้ง

ขณะที่นักหวดชายอีกคนที่น่าลุ้นก็คือ โจ วิลเฟรด ซองกา หนุ่มอารมณ์ดีจากฝรั่งเศส ที่เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศแกรนด์สแลมมาแล้วครั้งหนึ่งในศึกออสเตรเลียน โอเพน 2008 ก่อนพ่ายให้ โจโควิช ไปอย่างน่าเสียดาย

แม้จะยังไม่เคยฝ่าด่าน 4 อรหันต์ได้เหมือนกับ เดล ปอโตร แต่ ซองกา ก็มักจะพาตัวเองเข้าสู่รอบลึกๆ ในรายการใหญ่ได้เสมอ ทว่าครั้งนี้อาจจะต้องลุ้นหนักกันหน่อยเมื่อมีแนวโน้มว่าอาจจะได้เจอกับ เมอร์เรย์ ในรอบ 8 คนสุดท้าย

น่าเสียดายที่ปีนี้ไม่มีนักเทนนิสไทยผ่านเข้าไปเล่น‌รอบเมนดรอว์ได้แม้แต่คนเดียว เพราะต่างจอดป้าย‌ในรอบคัดเลือกหมดทั้ง แทมมารีน ธนสุกาญจน์,นพวรรณ เลิศชีวกานต์ และ ดนัย อุดมโชค

อย่างไรก็ดี ศึกยูเอส โอเพน ปีนี้ก็ยังน่าติดตาม‌เช่นเคย ส่วน เมอร์เรย์ จะสมหวังกับแชมป์แกรนด์‌สแลมแรก หรือจะเป็น เฟเดอเรอร์ ที่ได้ชูโทรฟีสมัย‌6 หรือ โจโควิช จะรักษาบัลลังก์แชมป์ไว้ได้ ก็คงต้อง‌ติดตามกันเช่นเดียวกับในประเภทหญิงที่น่าจะสนุก‌สูสีไม่ด้อยไปกว่ากัน