จิ๊กซอว์ชิ้นใหม่ผีใช้ยังไงให้คุ้ม

โดย...นูโน่

“ทุกตำแหน่งยกเว้นมิดฟิลด์”

นี่คือสโลแกนที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเหน็บแนม เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หลังเซ็นสัญญากับ โรบิน ฟาน เพอร์ซี อดีตกัปตันทีมอาร์เซนอล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

เพราะนับตั้งแต่นายใหญ่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควักกระเป๋าซื้อ อันเดอร์สัน ซึ่งเป็นนักเตะตำแหน่งเซ็นเตอร์ มิดฟิลด์คนล่าสุด ในปี 2007 เขาใช้เงินไป 175.75 ล้านปอนด์ กับการช็อปนักเตะเกือบทุกตำแหน่งอื่นๆ

นี่เป็นอีกครั้งที่ เฟอร์กี ถูกมองว่าใช้เงินเสริมนักเตะไม่ถูกจุด แม้จะเป็นการลงทุนกับ “บิ๊กเนม” ในรอบหลายปี แต่ก็ไม่ได้เสริมความแข็งแกร่งในแดนกลางที่มีปัญหาให้เห็นในช่วงหลัง

นอกจากนี้ ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (ราว 1,200 ล้านบาท) กับอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ของดาวยิงชาวดัตช์ วัย 29 ปี ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนของสโมสร ที่ยังประสบปัญหาด้านการเงินจากการแบกภาระหนี้สินของตระกูลเกลเซอร์

ถ้าไม่นับ ไมเคิล โอเวน ที่เซ็นสัญญาแบบไม่มีค่าตัวแล้ว ฟาน เพอร์ซี เป็นสมาชิกใหม่ที่แก่สุดนับตั้งแต่ ดิมิตาร์ เบอร์บาตอฟ ในปี 2008 สวนทางกับนโยบายของสโมสรที่จะซื้อนักเตะอายุต่ำกว่า 26 ปี เพื่อหวังผลเรื่องมูลค่าในการขายต่อ

 

ที่สำคัญการเข้ามาของ ฟาน เพอร์ซี ก็น่าจะสร้างความปวดหัวให้กับบิ๊กบอสโอลด์แทรฟฟอร์ดในการจัดตัวนักเตะและหมุนเวียนกองหน้าที่มีอยู่เต็มหน้าตัก โดยไม่บั่นทอนความหวังของดาวยิงอย่าง แดนนี เวลเบก และ ฮาร์เวียร์ เฮอร์นานเดซ

ถึงกระนั้นก็ตาม นักวิเคราะห์และคนในวงการลูกหนังผู้ดีส่วนใหญ่ยังเชื่อในสายตาและกึ๋นของปรมาจารย์ด้านกุนซือของ เฟอร์กี จะสามารถใช้ประโยชน์จากดาวยิงชาวดัตช์ได้มากที่สุด

แรงกระตุ้นปลุกความยิ่งใหญ่

อย่างที่ทราบกันดีว่า บิ๊กบอสผีแดง ไม่ได้มีดีแต่เรื่องการวางแผนการเล่นและเกมในสนาม แต่ยังเก่งในเรื่องจิตวิทยา

อดีตกัปตันทีมอาร์เซนอลตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเก่าที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมานานถึง 8 ปี เพื่อย้ายมาร่วมทีมคู่แข่ง เพราะเชื่อว่าจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการลุ้นแชมป์ที่ใฝ่ฝันมากกว่า

แม้สัญญา 4 ปี ค่าเหนื่อย 22.5 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ ตามรายงานของสื่อเมืองผู้ดี อาจจะเป็นค่าตอบแทนก้อนงาม แต่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าไม่ใช่เหตุผลหลักในการตัดสินใจ เพราะหากมองในแง่ตัวเลข “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมและสนองความต้องการได้มากกว่า

เช่นเดียวกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เจ้าบุญทุ่มแห่งเมืองน้ำหอมที่ อาร์แซน เวนเกอร์ ต้องการจะขายให้มากกว่า

เพราะเขามองเรื่องฟุตบอลมาก่อน

“ทำไมต้อง แมนฯ ยู น่ะเหรอ? เพราะพวกเขาหายใจเป็นฟุตบอล ตัวเลือกในสมองของผมแทบจะผุดขึ้นมาทันที”

เมื่อมองดูผู้เล่นทุกคนที่นี่ สนาม และผู้จัดการทีม มันมีครบทุกอย่างแล้ว

“ผมคิดว่าทุกคนรู้ดีว่าผมรักฟุตบอล มันยากนะที่จะหาอะไรที่เข้ากับตัวเองอย่างไร้ที่ติ แต่ผมคิดว่าการย้ายทีมครั้งนี้เป็นอย่างนั้น และเมื่อทุกครั้งที่ผมต้องตัดสินใจเรื่องยากๆ ผมจะฟังเสียงเด็กตัวเล็กๆ ที่อยู่ในตัวผมว่าอะไรคือสิ่งที่เขาต้องการ และเด็กคนนั้นตะโกนว่า แมนฯ ยู” นักเตะยอดเยี่ยมพีเอฟเอฤดูกาลล่าสุด กล่าว

ขณะที่ เฟอร์กูสัน ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการที่เน้นเรื่องสภาพจิตใจควบคู่ไปกับฟอร์มการเล่น และน่าจะนำความมุ่งมั่นและเป้าหมายของนักเตะในข้อนี้มาเป็นแรงกระตุ้นสำคัญในการเรียกฟอร์มเก่งของ อาร์วีพี ออกมาอย่างต่อเนื่อง

การแข่งขันสร้างคนเก่ง

การประกาศเตรียมส่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมาลงประเดิมสนามไปเยือน เอฟเวอร์ตัน ตั้งแต่นัดแรกในวันพรุ่งนี้ ทั้งที่มีเวลาได้ฝึกซ้อมร่วมทีมแค่ 3 วันของ เฟอร์กูสัน แสดงให้เห็นว่า ฟาน เพอร์ซี น่าจะยึดตัวจริงในแดนหน้าคู่กับ เวย์น รูนีย์ ที่การันตีตำแหน่ง 11 คนแรกไว้แล้วแน่นอน

นั่นทำให้เป็นแรงกระตุ้นให้กองหน้าคนอื่น โดยเฉพาะ แดนนี เวลเบก ที่เป็นตัวจริงทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติในศึกยูโรที่ผ่านมา และ ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ต้องพัฒนาตัวเองมากยิ่งขึ้น เพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง

“การมีนักเตะอย่าง ฟาน เพอร์ซี พวกเขาทุกคนยิ่งต้องยกระดับตัวเองตามไปด้วย ผมเชื่อว่านี่คือนักเตะที่ทุกๆ ทีมในโลกอยากเซ็นสัญญาด้วย ตอนนี้เขาเซ็นสัญญากับเราแล้ว ผมดีใจมากๆ” ปีเตอร์ ชไมเคิล ตำนานผู้รักษาประตูผีแดง กล่าว

เช่นเดียวกับ เฟอร์กี ที่ไม่เห็นว่าการมีกองหน้าคุณภาพหลายคนอยู่ในทีมจะสร้างปัญหา ตรงกันข้ามกลับวาดฝันถึงการคืนความยิ่งใหญ่เหมือนยุคคว้าทริปเปิลแชมป์ปี 1999

“โรบิน เป็นกองหน้าระดับเวิลด์คลาสคนหนึ่งที่พิสูจน์ได้จากสถิติในเกมลูกหนังอังกฤษและยุโรป พรสวรรค์ของเขาไม่จำเป็นต้องแนะนำตัวกับแฟนๆ เขายิงได้หลายประตูในการเจอกับเรา การหาพื้นที่ การจบสกอร์และความสามารถทุกอย่างโดดเด่นมาก” เฟอร์กี กล่าวถึงลูกทีมคนใหม่

ย้อนไปเมื่อ 13 ปีก่อน ผีแดงเคยสร้างความยำเกรงให้คู่แข่งทั่วยุโรปด้วยรวมกองหน้าชั้นดีอย่าง แอนดี โคล, ดไวต์ ยอร์ก, เทดดี เชอริงแฮม และ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ไว้ด้วยกัน และใช้ระบบหมุนเวียน จนสร้างความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

“รูนีย์ และ ฟาน เพอร์ซี คือ 2 ยอดนักเตะและน่ากลัวทั้งคู่ ซึ่งจะช่วยให้เราแข็งแกร่งและมีตัวช่วยมากขึ้นในแผงหน้า ซึ่งเป็นการรวมตัวที่เยี่ยมมาก ผมหวังว่าจะเลือกการประสานงานที่ถูกต้อง” บิ๊กบอสผีแดง กล่าว

5 แผนการเล่นรับอาร์วีพี

การค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว และการันตีด้วยผลงาน 30 ประตูในฤดูกาลที่ทำให้ ฟาน เพอร์ซี ไม่จำเป็นต้องปรับตัวอะไรมากมาย บวกกับศักยภาพตัวช่วยในทีมผีแดงก็พร้อมจะสนับสนุนสมาชิกใหม่อย่างเต็มที่

เพราะฉะนั้น เฟอร์กี จึงมีทางเลือกที่จะใช้งานและดึงความสามารถของดาวยิงดัตช์ออกมาให้ได้มากที่สุดหลายทาง ต่างกับกรณีของ เฟอร์นานโด ตอร์เรส ที่มีปัญหากับการปรับเข้ากับสไตล์การเล่นของ เซลซี ที่ค่อนข้างจำกัดมากกว่า

4-3-3 – เฟอร์กี เคยใช้รูปแบบเดียวกันนี้มาแล้วในการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2007-2008 ซึ่งมี คริสเตียโน โรนัลโด, รูนีย์ และ คาร์ลอส เตเวซ เป็น 3 ประสานในแนวรุก และในกรณีนี้ก็น่าจะเป็น ฟาน เพอร์ซี, รูนีย์ และ เวลเบก

4-4-1-1 – รูปแบบนี้อาจจะไม่ใช่ไอเดียที่เหมาะสำหรับสมาชิกใหม่อย่าง ชินจิ คากาวะ ซึ่งจะต้องโยกไปเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย แต่ล่าสุดเขาก็พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วว่าทำได้ในการเล่นทีมชาติญี่ปุ่น และยังอาจเหมาะกับการยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าของ ฟาน เพอร์ซี ที่ทำผลงานยอดเยี่ยมมาแล้วในฤดูกาลก่อน

4-4-2 – ระบบการเล่นที่คุ้นเคยกันมากที่สุดในลูกหนังอังกฤษ และน่าจะเปิดโอกาสให้ วาเลนเซีย และ แอชลีย์ ยัง ซึ่งเป็นปีกธรรมชาติได้โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมมากที่สุด และยังน่าสนใจที่จะได้เห็น รูนีย์ และ ฟาน เพอร์ซี ยืนเป็นหัวหอกคู่กัน เหมือนกับ แอนดี โคล และ ดไวต์ ยอร์ก สร้างผลงานมาแล้วในฤดูกาล 1998/1999

4-2-3-1 – นี่เป็นหนึ่งในรูปแบบการเล่นที่นักวิเคราะห์เมืองผู้ดี อยากให้เป็นตัวเลือกของ เฟอร์กูสัน ที่จะเปิดโอกาสให้ คากาวะ ได้โชว์ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับมิดฟิลด์คนอื่น แม้พรสวรรค์ของอาร์วีพีอาจจะถูกจำกัดลงไปเล็กน้อยจากการโดนโยกไปเล่นริมเส้นฝั่งซ้าย แต่ก็สามารถสร้างปัญหาให้กับกองหลังคู่แข่งได้เป็นอย่างดี

4-3-1-2 – การเล่นลักษณะนี้ ไมเคิล คาร์ริก อาจจะถูกทิ้งให้โดดเด่นในแดนกลาง แต่รูปแบบการยืนแบบข้าวหลามตัด น่าจะเอื้อให้ คากาวะ เล่นหน้าต่ำหลัก รูนีย์ และ ฟาน เพอร์ซี ซึ่งได้สร้างความอันตรายในแดนหน้าอย่างเต็มที่

แบบสุดท้ายน่าจะเป็นสิ่งที่นักเตะทีมชาติญี่ปุ่นต้องการเล่นมากที่สุด แต่นั่นหมายความ ยัง และ วาเลนเซีย ซึ่งยืนริมเส้นฝั่งซ้าย ต้องเข้าไปช่วยในแดนกลางมากขึ้น

นอกจากนี้ กุนซือชาวสก็อตแลนด์ พร้อมจะทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงเหมือนอย่างที่เคยดร็อป ปีเตอร์ ชไมเคิล และส่ง แกรี วอลช์ เป็นตัวจริง และชนะถล่มทลายถึง 40 อย่างที่เคยพูดกับนักข่าวก่อนเกมว่า “อย่าพยายามอ่านใจคนบ้าเลย”

แต่คนบ้าอย่างเขาก็พิสูจน์ความสำเร็จมาครั้งแล้วครั้งเล่า