posttoday

เหรียญเงินผู้ชนะ

13 สิงหาคม 2555

บนสังเวียนรอบชิงชนะเลิศ มวยสากลสมัครเล่น โอลิมปิก 2012 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินออกมา 2 คน แต่ต่างความรู้สึกกันอย่างสิ้นเชิง

บนสังเวียนรอบชิงชนะเลิศ มวยสากลสมัครเล่น โอลิมปิก 2012 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา มีน้ำตาลูกผู้ชายหลั่งรินออกมา 2 คน แต่ต่างความรู้สึกกันอย่างสิ้นเชิง

คนหนึ่งคือ ลุค แคมป์เบล นักชกขวัญใจเจ้าถิ่น รุ่น 56 กก. ที่กลั้นน้ำตาแห่งความตื้นตันไว้ไม่อยู่ หลังคว้าแชมป์รุ่นแบนตัมเวต ขณะที่อีกคนเป็นน้ำตาแห่งความเสียใจเหมือนโดนปล้นชัยชนะ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน แก้ว พงษ์ประยูร นั่นเอง หลังปิดฉากทัพนักกีฬาไทยไร้เหรียญทองในโอลิมปิก 2012

นักชกความหวังสุดท้ายของไทย ในรุ่น 49 กก. ทรุดตัวลงกับเวทีทันทีที่กรรมการชูมือให้ “แชมป์เก่า” ซูซิหมิง จากจีน เป็นฝ่ายชนะ 13-10 หมัด ท่ามกลางเสียงโห่ของแฟนๆ นับหมื่นคนในสนาม ก่อนที่ แก้ว จะลุกขึ้นมาชูมือแสดงความมั่นใจและค้านคำตัดสิน ท่ามกลางเสียงปรบมือสนับสนุน และก็ไม่ลืมไหว้ขอบคุณแฟนๆ ทั้ง 4 ทิศ

“เสียใจ และเสียดาย เพราะนี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของผม ผมซ้อมมาเยอะเพื่อโอลิมปิกครั้งนี้ และเรามากันน้อยแค่ 3 คน ก็หวังจะคว้าเหรียญกลับไปให้ได้ และพอได้เข้าชิงก็อยากได้เหรียญทอง เพราะไทยยังไม่มีเหรียญทอง ผมขอมอบเหรียญเงินนี้ให้กับในหลวงและราชินี รวมทั้งคนไทยทุกคนและต้นสังกัด กองทัพบก” แก้ว เผยหลังรับเหรียญรางวัล

เช่นเดียวกับ “โค้ชธง” พ.ต.ธง ทวีคูณ และ โอมาร์ มารากอน ผู้ฝึกสอนชาวคิวบา ที่มั่นใจว่า หากกรรมการเป็นกลางสักนิด แก้ว ชนะแน่นอน และควรชนะทุกยกด้วยซ้ำ

การชกทั้ง 3 ยก กำปั้นไทยซึ่งเสียเปรียบช่วงชก พยายามอาศัยจังหวะเข้ายิงหมัด ขณะที่แชมป์เก่าจากแดนมังกรพยายามใช้แท็กติก ทั้งก้มต่ำ กอด ดัน อยู่ตลอด ซึ่งโดนเตือนหลายครั้ง ก่อนจะโดนสั่งหักคะแนนในยกสุดท้าย แต่หลังจากนั้น แก้ว ก็โดนตัดแต้มคืน ซึ่งเจ้าตัวยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร โดยกรรมการให้นักชกไทยมีคะแนนตามทุกยก

เหรียญเงินผู้ชนะ

 

ผลที่ออกมาไม่เพียงค้านสายตาคนไทย แต่ยังรวมถึงคนกลาง ที่ได้ชมการดวลหมัดบนเวทีของคู่นี้

“ไทยควรชนะ ทั้งไฟต์ถึง แก้ว ไม่โดนตัดแต้ม ก็น่าจะชนะ 23 หมัด ไทยยิ่งชกยิ่งดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนจีนเห็นชัดว่าเหนื่อยและหมดแรง ผมมั่นใจว่าผู้ชม 90 เปอร์เซนต์ในสนามเห็นว่า ไทยชนะแน่นอน” พอล เคอร์ชอว์ หนึ่งในผู้ชมเจ้าถิ่น กล่าว

เจ้าหน้าที่เซนต์พอล บ็อกซิง อคาเดมี แสดงความเห็นว่า ดีกรีแชมป์เก่าของ ซู จากปักกิ่งเกมส์ อาจจะมีส่วนกดดันกรรมการทำให้ไม่เห็นในสิ่งที่แฟนๆ เห็น แต่สำหรับพวกเขาแล้ว บอกได้เลยว่า

“ไทยชนะ 100 เปอร์เซนต์”

ขณะที่ผู้สื่อข่าวจากอีเอสพีเอ็น มองว่า เป็นไฟต์ที่สูสี สามารถออกหน้าไหนก็ได้ แต่ยกแรก แก้ว ควรชนะหรือเสมอ จะมีก็แต่จีนเท่านั้นจากการสุ่มสอบถามความคิดเห็น ที่เทน้ำหนักตรงกับการตัดสินของกรรมการแบบไม่มีลังเล

ผู้สื่อข่าวสาวจากแดนมังกรคนหนึ่ง อ้างว่า ช่วงชก ซู ยาวกว่าเลยเห็นแต่ของจีน ส่วน แก้ว ช่วงชกสั้น มองไม่เห็น และจีนสมควรชนะแล้ว

ความพ่ายแพ้ของ แก้ว ถือเป็นการปิดฉากผลงานทัพนักกีฬาไทยและทีมเสื้อกล้ามไทยในโอลิมปิกไร้เหรียญทองครั้งแรกในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ สมรักษ์ คำสิงห์ ประเดิมเหรียญทองประวัติศาสตร์ที่แอตแลนตา ปี 1996

แม้จะทำใจไม่ได้กับผลการตัดสินค้านสายตา แต่ “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ยืนยันลาออกจากตำแหน่งตามที่ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมตอบโต้สหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) ด้วยการล้มเลิกข้อตกลงที่ผ่านมา

“ที่รับปากกับไอบาไว้ จะจัดยูธ เวิลด์ แชมเปียนชิพ เดือนพ.ย. นี้ก็จะยกเลิกไม่จัดแล้ว และจะลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริหารไอบา (ได้รับเชิญ) ด้วย” นายกกำปั้นไทย กล่าวและปฏิเสธเข้าไปคุยกับ ชิง กั๋วะ วู ประธานไอบาชาวไต้หวัน ที่เดินเข้ามาหาและชวนเข้าไปคุยภายหลังเหตุการณ์เริ่มสงบ

หลังจบการแข่งขันมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเล็กน้อย เมื่อ พ.อ.ศักดา เพชรจินดา ประธานเทคนิกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ พร้อมด้วยกองเชียร์ชาวไทยส่วนหนึ่ง ไม่พอใจการตัดสิน ตะโกนให้ประท้วงการตัดสินบริเวณมิกซ์โซน ซึ่งเป็นบริเวณนักกีฬาเดินออกมาให้สัมภาษณ์

อย่างไรก็ตาม การประท้วงไม่สำเร็จ เนื่องจากเอกสารแฮนด์บุ๊ก ระบุไว้ชัดเจนในข้อ 9.11.6 ว่า ในรอบชิงชนะเลิศให้เวลาในการประท้วงภายในเวลา 5 นาทีหลังหมดเวลา ขณะที่ข้อ 9.11.1 ระบุว่า รอบแรกถึงรอบรองชนะเลิศ มีเวลา 30 นาที

“พยายามเต็มที่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่เอาเอกสารมายืนยันชัดเจน และเวลา 5 นาทีไม่ทันแน่นอน ต้องยอมรับความจริงข้อหนึ่งว่า ไม่มีใครรู้กติการข้อนี้” สุพิตร สมานโต รองหัวหน้าคณะนักกีฬา กล่าว

ขณะที่ “โค้ชธง” พ.ต.ธง ทวีคูณ ผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ซึ่งเข้าประชุมผู้จัดการทีมพร้อมด้วยแพทย์ที่มีความรู้ด้านภาษาอังกฤษดี ยืนยันว่า ในวันประชุม กรรมการไม่ได้อ่านกติการข้อนี้ แต่อ่านแค่ 30 นาที

“เวลา 5 นาทีไม่ทันแน่นอน นอกจากต้องเขียนใบประท้วงไว้ตั้งแต่ก่อนแข่งและจบแล้วยื่นเลย” โค้ชธง กล่าวและยืนยันลาออกตามนายกสมาคม

นี่คือบทเรียนครั้งสำคัญที่ผู้เกี่ยวข้องต้องกลับไปทบทวนและปรับปรุงแก้ไข เพราะความสำเร็จในโอลิมปิกกมส์ เก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่จำเป็นต้องมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาสนับสนุน

“นอกจากต้องฝึกซ้อมอย่างหนักแล้ว การดูแลและผู้ใหญ่ก็ต้องแข็งแกร่ง เพราะจากการตัดสินประเทศไหนมีศักยภาพมากกว่า ก็มีโอกาสสูงกว่า ซึ่งก่อนชกก็คิดอยู่แล้ว แต่ในฐานะนักมวยอยากให้ไอบากับกรรมการตัดสินอย่างยุติธรรมและดีกว่านี้ เพราะมีการประท้วงตลอด ทุกคนซ้อมมาหนัก ตั้งใจกันมาก แต่เป็นแบบนี้แล้วทำให้นักกีฬาท้อถอย” แก้ว กล่าว

สำหรับอนาคตหลังจากนี้ นักชกร่างเล็กจากกำแพงเพชร ยังไม่ตัดสินใจใดๆ โดยขอพักสักระยะและปรึกษาครอบครัวก่อนว่า จะผันตัวเองไปเป็นโค้ช หรือ รับใช้ชาติต่อในซีเกมส์และเอเชียนเกมส์

แม้จะเสียใจกับการตัดสิน น้อยใจกับความไม่ยุติ และผิดหวังที่ความฝันสูงสุดไม่เป็นจริง แต่เขาก็ขอบคุณทุกคนที่ส่งเสริมและสนับสนับ รวมทั้งทุกกำลังใจที่ทำให้มีวันนี้ วันที่กลับประเทศไทยอย่างภาคภูมิ

“อย่างน้อยผมก็ภูมิใจที่มีเหรียญเงินกลับไปฝากคนไทย”