ลุ้นแก้ว50ล้านเพลงชาติก้องโลก

ช่วงดึกคืนวันที่ 11 ส.ค. ตามเวลาบ้านเรา แฟนกีฬาชาวไทยทั้งประเทศก็จะได้ทราบแล้วว่า เราจะได้ฟังเพลงชาติไทยจากกรุงลอนดอนหรือไม่ จากความหวังสุดท้ายในโอลิมปิก 2012 ของทัพนักกีฬาไทย ซึ่งอยู่ในกำมือของ จ.ส.อ.แก้ว พงษ์ประยูร ขุนพลเสื้อกล้ามไทย

ช่วงหัวค่ำวันที่ 10 ส.ค. แก้ว ยอดนักชกรุ่น 49 กก. จาก จ.กำแพงเพชรพาชาวไทยเฮกันทั้งประเทศ หลังเบียดเอาชนะ เดวิด ไอราเพตยาน จากรัสเซีย 13-12 คะแนน ในรอบตัดเชือก ลอนดอนเกมส์ ผ่านเข้าไปชิงเหรียญทองกับ “แชมป์เก่า” ซูซิหมิง จากจีน ที่เฉือนชนะ แพดดี บาร์นส จากไอร์แลนด์ ไปด้วยคะแนนดิบ หลังหมด 3 ยก เสมอกัน 15-15

เปิดฉากยกแรก แก้ว ยังมีอาการเกร็งอยู่บ้าง แต่อาศัยเอาตัวรอดด้วยการดักต่อย ทำให้เสมอกัน 3-3 เข้าสู่ยก 2 นักชกวัย 32 ปีของไทย เริ่มเดินหน้าเข้าหาตามสไตล์ถนัด แต่ก็โดนนักชกจากแดนหมีขาวโต้สวนกลับเช่นกัน จบยก 2 แก้ว นำ 9-8

ยกสุดท้ายถือว่าบีบหัวใจชาวไทยสุดๆ เนื่องการชกยังคงสูสี และตามกติกาใหม่ไม่โชว์คะแนนให้เห็นระหว่างชก ต้องไปรอดูหลังหมดยก ซึ่งแน่นอนว่ากองเชียร์บ้านเราคงไม่อยากให้เสมอกันแล้วต้องไปลุ้นผลจากคะแนนดิบเป็นแน่ เนื่องจาก สายลม อาดี เคยแพ้แบบนี้ตกรอบแรกมาแล้ว

 

“ดีใจสุดๆ ที่เอาชนะนักชกรัสเซียได้ ยอมรับว่าเจอจีนในรอบชิงชนะเลิศ มีโอกาส 50-50 เพราะเขาเร็วกว่า และเป็นนักชกที่มีลูกตุกติกแยะ ทั้งก้มต่ำและเดินเข้ากอด แถมกรรมการดูจะเป็นใจด้วย เป็นจุดที่น่าเป็นห่วง ผมต้องพยายามชกให้เข้าเป้าและทำคะแนนจะแจ้งจึงจะมีโอกาสชนะได้” แก้ว กล่าว

ขณะที่ พ.ท.ธง ทวีคูณ หัวหน้าสตาฟฟ์โค้ชมวยสากลสมัครเล่นทีมชาติไทย ยอมรับ นัดชิงชนะเลิศหนักแน่ แต่ถ้าวางแผนดีก็มีลุ้นเหรียญทองเหมือนกัน

“ยอมรับว่าลุ้นกันทุกยกเลย แต่คะแนนในยก 3 เราน่าจะได้มากกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไร ดีใจที่ชนะมาได้ กี่หมัดก็ชนะเหมือนกัน รอบชิงกับ ซูซิหมิง เป็นงานที่ยาก แต่มาถึงชั่วโมงนี้แล้ว ผมกำชับ แก้ว ไม่ต้องกลัว แม้จะเคยแพ้มาก็ตาม” โค้ชธง กล่าว

โอมาร์ มารากอน โค้ชชาวคิวบาของไทย มั่นใจสไตล์การชกของ แก้ว ได้เปรียบนักชกจีน เพราะชกได้หลายสไตล์ รวมถึงสดกว่า มีลุ้นเหรียญทองแน่

“ต้องบอกว่า แก้ว สดกว่า ซูซิหมิงที่เอาชนะคู่ชกมาได้โดยต้องตัดสินที่คะแนนดิบ เราได้เปรียบเขาเรื่องพละกำลัง แก้วสู้ได้แน่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการชกบนเวทีด้วย ต้องแก้เกมกันยกต่อยก เพราะแก้วได้ทั้งบู๊และบุ๋น” โค้ชคิวบา กล่าว

ด้าน “เสธ.อ้าย” พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ยืนยันคำเดิมว่า ถ้าไม่ได้เหรียญทองขอลาออก

“ผมยังยืนยันคำเดิม หากไม่ได้เหรียญทอง ผมพิจารณาจะเปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ส่วนเรื่องเงินอัดฉีดจะหามาให้ครบตามสัญญาที่พูดไว้ นั่นคือหากคว้าเหรียญทองได้ก็จะหาเงินอัดฉีดมาให้ครบ 50 ล้านบาท เพื่อตอบแทนวีรบุรุษของชาติ รวมถึงเรื่องติดยศร้อยตรีด้วย” นายกกำปั้นไทย กล่าว

 

ทั้งนี้หาก แก้ว คว้าเหรียญทองได้สำเร็จ จะได้รับเงินจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 10 ล้านบาท (แบ่งจ่ายเป็นเงินสด 5 ล้านบาท และสวัสดิการเงินเดือน 20 ปี อีก 5 ล้านบาท), ช่อง 3 ให้ 2 ล้านบาท, อิชิตัน 10 ล้านบาท, แมคโดนัลด์ 1 ล้านบาท, ธนาคารไทยพาณิชย์ 1 ล้านบาท, เอไอเอส 1 ล้านบาท, ช่อง 7 ให้ 1 ล้านบาท, โอสถสภา 1 ล้านบาท, ไทยเบฟ 1 ล้านบาท, ฮอนด้า 1 ล้านบาท, ข่าวสด 1 ล้านบาท, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต 5 แสนบาท และสวัสดิการเงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกฯ แบ่งจ่าย 20 ปี รวม 2.88 ล้านบาท และยังได้รับจากผู้สนับสนุนรายอื่นๆ เพิ่มเติมอีก

อย่างไรก็ตาม หาก แก้ว เป็นฝ่ายแพ้ ก็จะได้รับเงินอัดฉีดไม่ต่ำกว่า 13 ล้านบาท จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 6 ล้านบาท (แบ่งจ่ายเป็นเงินสด 3 ล้านบาท และสวัสดิการเงินเดือน 20 ปี อีก 3 ล้านบาท), ช่อง 3 จำนวน 1 ล้านบาท, อิชิตัน 1 ล้านบาท, แมคโดนัลด์ 5 แสนบาท, ช่อง 7 5 แสนบาท, เอไอเอส 5 แสนบาท, ธนาคารไทยพาณิชย์ 5 แสนบาท, ข่าวสด 5 แสนบาท, ช้าง 5 แสนบาท, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ 5 แสนบาท, โอสถสภา 5แสนบาท, บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต 5 แสนบาท สวัสดิการเงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกฯ แบ่งจ่าย 20 ปี รวม 2.4 ล้านบาท และยังมีจากผู้สนับสนุนรายอื่นๆ เพิ่มเติม

สำหรับบรรยากาศที่บ้าน นางมะลิ พงษ์ประยูร มารดาของแก้ว ที่ จ.กำแพงเพชร ซึ่งเต็มไปด้วยกองเชียร์แน่นขนัด ต่างพากันชูมือไชโยโห่ร้องด้วยความดีใจ หลังได้ชมการถ่ายทอดสดร่วมกัน

เวลา 02.30 น. คืนนี้ เชื่อว่าชาวไทยทั่วโลกคงส่งใจเชียร์ แก้ว เพื่อหวังจะได้ฟังเพลงชาติไทยเสนาะแก้วหูพร้อมๆ กัน