โอลิมปิกช่วยชีวิต
จำได้ว่าวันแรกที่เหยียบลอนดอนก็บ่นเรื่องอาสาสมัครรุ่นลุงป้าน้าอาไป แต่ข้าน้อยขอถอนคำบ่นนั้น ณ บัดนาว
โดย...นูโน่
จำได้ว่าวันแรกที่เหยียบลอนดอนก็บ่นเรื่องอาสาสมัครรุ่นลุงป้าน้าอาไป แต่ข้าน้อยขอถอนคำบ่นนั้น ณ บัดนาว
เพราะเท่าที่ได้คุยกับคนที่นี่และอาสาสมัคร ทำให้รู้ว่าเจ้าภาพมีจุดประสงค์ต้องการให้ทุกคนมีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งในโอลิมปิก โดยเฉพาะกลุ่มเกษียณอายุและว่างงาน หรือแม้กระทั่งคนพิการ
ไมเคิล ดอร์เมอร์ อาสาสมัครวัย 63 ปี จากไบรตัน เผยกับหนังสือพิมพ์อีฟนิง สแตนดาร์ด ว่า การได้ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครในลอนดอนเกมส์ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ หลังได้รับข่าวร้ายตรวจพบมะเร็งในช่องปากเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ไม่กี่วันหลังจากการสมัครเป็นอาสาสมัครได้รับการตอบรับ
เขาต้องใช้เวลาผ่าตัดนานถึง 14 ชม. และทุกข์ทรมานกับการฉายรังสีบำบัดอยู่นานนับเดือน แต่การรอคอยด้วยความหวังจะได้ทำหน้าที่ในโอลิมปิก ช่วยให้เขาฟื้นตัวชนิดดีวันดีคืน
“มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมสามารถทำได้ โอลิมปิกช่วยชีวิตผมไว้ และสิ่งที่ทำให้ผมผ่านมาได้ คือ การคิดถึงสิ่งที่ผมจะได้ทำหน้าที่เป็นอาสาสมัครในโอลิมปิก มิฉะนั้นก็คงต้องนั่งเฉยๆ อยู่ที่บ้าน” ดอร์เมอร์ ซึ่งประจำอยู่สนามวอลเลย์บอลชายหาด เผย
นี่แหละหนาที่เขาว่ากันว่า “ยาวิเศษจากไหน ก็ไม่อาจสู้ยาทางใจ” หรือพูดง่ายๆ “ใจแกร่ง กายก็แกร่งด้วย”
ดอร์เมอร์ บอกว่า การได้พบผู้คนมากมาย ทำให้เขารู้สึกเป็นที่ยอมรับและได้แรงบันดาลใจ เช่นเดียวกับบรรยากาศโอลิมปิก และการมีน้ำใจนักกีฬา ที่สำคัญ นี่เป็นโอกาสครั้งเดียวที่จะไม่เกิดขึ้นอีกในช่วงชีวิตที่เหลือ
นี่คือแนวทางและความคิดที่สังคมไทยควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างในการสร้างคุณค่าให้กับทุกคน
ดั่งวลีที่ว่า “โอกาสสร้างคน ให้คนสร้างชาติ”