posttoday

แผนรับมือลงทุนปี’ 62

31 ตุลาคม 2561

อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มขาขึ้น เพิ่มโอกาสทำกำไร

เรื่อง วารุณี อินวันนา

บลจ.อเบอร์ดีน คาดการณ์ว่า ปี 2562 อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มขาขึ้น จะส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นลดต่ำลง จำเป็นต้องใช้ความสามารถในการวิเคราะห์/เลือกหุ้นอย่างมืออาชีพ เพิ่มโอกาสทำกำไร

กรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน สแตนดาร์ด (ประเทศไทย) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2562 จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และรัฐบาลคงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทุกภาคส่วนโดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยว ที่จะเป็นส่วนผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ คาดว่าไทยจะได้ประโยชน์จากความตึงเครียดของการค้าโลก ซึ่งเกิดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่อาจทำให้ผู้ประกอบการบางส่วนย้ายฐานการประกอบธุรกิจเข้ามาในไทยเพราะมีทำเลที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสม

สำหรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ จะทำให้ภาพรวมของการเมืองมีความชัดเจนขึ้น ตอกย้ำถึงเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ

ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวขึ้นมาเป็นลำดับ หลังจากที่ธนาคารกลางของประเทศต่างๆทั่วโลกมีการปรับใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมาร่วม 10 ปี จะทำให้อัตราดอกเบี้ยโลกปรับเพิ่มขึ้น และไทยก็น่าจะมีการปรับขึ้นในทิศทางเดียวกัน จะทำให้การลงทุนในหุ้นอาจไม่ได้ผลตอบแทนที่มากมายเหมือนปีที่ผ่านมา นักลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวัง

โอกาสทำกำไรหุ้นมี ถ้าเลือกเป็น

สำหรับปัจจัยลบต่อการลงทุนในหุ้นปี 2562 ประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เพราะอัตราผลตอบแทน (บอนด์ยิลด์) พันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3.1-3.2% เป็นการสะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐฯ ล่วงหน้าแล้ว จะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศจะลดลง เมื่อเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีโอกาสที่จะทำกำไรที่ดีได้ หากรู้จักเลือกหุ้นเป็น ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการเลือกและวิเคราะห์ หาหุ้นที่สามารถทำกำไรที่ดีให้ได้ แต่ถ้าไม่มีเวลาหรือไม่ใช่มืออาชีพด้านการลงทุน ก็ควรจะมอบหมายให้ผู้จัดการกองทุนทำหน้าที่แทน และช่วยดูแลให้ด้วยการลงทุนในกองทุนรวม นอกจากนี้จะต้องใช้หลักการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ สามารถอดทนรอเวลาที่เหมาะสมได้ การที่ให้ผู้จัดการกองทุนมาทำหน้าที่ลงทุนแทน จะมีจุดแข็งตรงที่มีทีมงานมืออาชีพ มีเครื่องไม้เครื่องมือในการวิเคราะห์ มีหลักการพิจารณา คัดสรรสินทรัพย์ลงทุน เข้ามาในพอร์ตการลงทุนและมีเวลาในการติดตามการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ

สำหรับกลุ่มที่คิดว่าจะสามารถทำกำไรที่ดีได้ในปี 2562 ประกอบด้วย ภาคการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และความสามารถในการผลิตสินค้าและบริการของไทยยังแข่งขันได้ ภาคการท่องเที่ยวที่ไทยได้รับความนิยมจากทั่วโลก และมีการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เป็นการสะท้อนถึงการขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยว

ด้านภาคการก่อสร้างจะได้ประโยชน์จากนโยบายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงธุรกิจธนาคารจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจภายในประเทศที่เติบโต ทำให้สามารถประกอบธุรกิจได้ดีมีการขยายตัวของสินเชื่อเพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยยังมีความแข็งแกร่งทางการเงิน เพราะไม่ได้มีการใช้เงินกู้หรือก่อหนี้เกินตัว เพราะเคยเรียนรู้จากประสบการณ์เมื่อปี 2540 และปี 2551ทำให้มีความระมัดระวังในการก่อหนี้ทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น

จัดพอร์ตลงทุนปี ’62

กรวุฒิ แนะนำ ในฐานะ บลจ.อเบอร์ดีนฯ มีหน้าที่บริหารเงินลงทุน มีกองทุนรวมหลายกองที่ให้นักลงทุนตัดสินใจ ซึ่งแต่ละกองมีจุดดีแตกต่างกัน จะต้องมีการลงทุนในลักษณะของการกระจายความเสี่ยงอย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเอง หรือลงทุนผ่านกองทุนรวม นักลงทุนจะต้องเริ่มต้นที่ตัวเอง ต้องตั้งต้นที่การรู้จักตัวเองก่อน อาทิ มีเป้าหมายการลงทุนอย่างไร มีความคาดหวังผลตอบแทนเท่าไร ที่สำคัญคือ รับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน

หากต้องการผลตอบแทนปีละ 2% ก็จะได้จัดหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้ตรงกับความต้องการของนักลงทุน แต่ถ้าอยากได้ผลตอบแทนปีละ 6-10% ก็จะเหมาะกับกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูงขึ้นเพื่อให้มีโอกาสในการรับผลตอบแทนที่สูง ในขณะเดียวกันก็มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นเดียวกัน

หลักการเลือกบลจ./กองทุนรวม

กรวุฒิ กล่าวว่า หนึ่งในคำถามที่ถูกถามมาตลอดชีวิตการทำงานในวงการกองทุนรวม คือ บลจ. ไหนดี หรือกองทุนที่ไหนดี ไม่สามารถที่จะตอบได้ทันที ขึ้นอยู่กับนักลงทุนว่าเหมาะกับแนวนโยบายประกอบธุรกิจ การจัดพอร์ตการลงทุน สไตล์และปรัชญาแบบไหน เพราะแต่ละที่อาจเหมือนหรือแตกต่างกัน

สำหรับ บลจ.อเบอร์ดีนฯ จะมีวิถีทางการลงทุน คือ เน้นลงทุนระยะกลางและระยะยาว โดยจะเลือกบริษัทที่ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์มารอบด้านอย่างดีแล้ว ไม่ได้ใช้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มาเป็นเป้าหมายการลงทุน จะเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพ

ทั้งนี้ อยากแนะนำว่า นักลงทุนต้องกลับมาดูที่ตัวเองก่อนว่า แนวนโยบายของ บลจ. ที่ตัวเองกำลังเลือกอยู่นั้น ตอบโจทย์ความต้องการลงทุนได้หรือไม่ ความเสี่ยงที่รับได้เป็นอย่างไร ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวมแม้จะไม่สามารถยืนยันผลตอบแทนในอนาคตได้แต่มีข้อมูลอ้างอิงเบื้องต้นว่าผลงานในอดีตเป็นอย่างไร ซึ่งสามารถดูได้ในหนังสือชี้ชวนและเว็บไซต์ของบริษัท

“เราต้องเข้าใจตัวเอง เมื่อเราหาตัวเองเจอ เราจะมีเป้าหมาย เช่น ชอบความเสี่ยงต่ำก็อาจจะเหมาะกับกองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารหนี้ จากนั้นก็พิจารณาต่อไปว่า เป็นตราสารหนี้ในประเทศหรือต่างประเทศ จะทำให้เห็นความต้องการของตัวเองชัดเจนขึ้นและหากองทุนรวมไหนที่ตรงกับเรา” กรวุฒิ อธิบาย

กรวุฒิ กล่าวว่า ในช่วงปลายปี2561 ซึ่งเป็นช่วงที่นักลงทุนมักจะซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) สำหรับ บลจ.อเบอร์ดีนฯ มี 2 กองทุนที่เป็นเรือธง คือ กองทุนเปิด อเบอร์ดีนสแตนดาร์ด หุ้นระยะยาว ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นโดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ซึ่งจะมีความผันผวนสูงก็มีโอกาสรับผลตอบแทนสูง และโอกาสขาดทุนสูง

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2547 ถึงวันที่ 28 ก.ย. 2561 ให้ผลตอบแทน 12.61% ต่อปี ชนะดัชนีชี้วัดซึ่งอยู่ที่ 8.19% ขณะที่ กองทุนเปิด อเบอร์ดีนสแตนดาร์ด หุ้นระยะยาว 70/30 ลงทุนในหุ้นเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 65% และลงทุนในตราสารหนี้เฉลี่ยรอบปีไม่เกิน 30% จัดตั้งขึ้นเมื่อเดือนพ.ย. 2559 จนถึง ณ วันที่ 28 ก.ย. 2561 มีผลตอบแทนอยู่ที่ 7.07% ต่อปี ส่วนดัชนีชี้วัดอยู่ที่ 10.05%

“นักลงทุนควรมีวินัยการลงทุนและเลือกลงทุนกับ บลจ. ที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและชอบสไตล์การลงทุนแบบนั้น เหมาะกับตัวเอง นี่คือเป็นหัวใจเลย ซึ่งปีนี้เหลือเวลาในการตัดสินใจลงทุนประมาณ 40 วันเท่านั้นจึงควรรีบตัดสินใจ เพราะคนที่ตัดสินใจคนสุดท้าย คือ นักลงทุน” กรวุฒิกล่าวย้ำ