posttoday

กรองข่าวมาเล่าขอเสนอ" ต้องทบทวนยุทธศาสตร์พรรค"

25 กรกฎาคม 2562

ความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ หลายต่อหลายเรื่องกำลังนำไปสู่ อนาคตดับ 

ความเคลื่อนไหวของแกนนำพรรคอนาคตใหม่ หลายต่อหลายเรื่องกำลังนำไปสู่ อนาคตดับ 

............................

โดย ภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

เมื่อเป็นนักการเมือง ก็ต้องพร้อมที่จะถูกตรวจสอบโดยสื่อมวลชนและประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง นักการเมืองยืนอยู่ภายใต้แสงสป็อตไลท์ที่สาดส่องจับตาที่ตัวเองตลอด 24 ชั่วโมง ก่อนยุคสื่อโซเชียล การขุดคุ้ยตรวจสอบประวัติของนักการเมืองจะดูจากคลิปที่ตัดจากหนังสือพิมพ์ที่รวบรวมไว้ แต่เมื่อการสื่อสารผ่านหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ เปลี่ยนเป็นการใช้สื่อโซเชียลที่ทำได้รวดเร็ว กว้างขวาง ทุกคนมีสิทธิที่จะใช้สื่อโซเชียลเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบประวัติและพฤติกรรมของนักการเมือง นักการเมืองที่ทำอะไรไว้ หรือเคยบันทึกอะไรไว้ในสื่อโซเชียล หากโดนตรวจสอบ ก็ต้องไม่โกรธกัน

วันนี้ขอเขียนถึงแกนนำพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งไม่เพียงเป็นความหวังของคนหนุ่มสาวเท่านั้น แต่ยังเป็นความหวังของคนไทยอีกจำนวนมากที่เบื่อหน่ายกับการเมืองไทย และหวังที่จะเห็นพรรคนี้มีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น

จากการเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวทางการเมืองผ่านเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ พบว่า ในรอบสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พบด้วยความห่วงใยว่า แฮสแท็กที่ดังมาเป็นอันดับต้น ๆ คือ ช่อล้มเจ้า ช่อชังเจ้า ธนาธรขายชาติ ธนาธรชังชาติ ธนาธรชักศึกเข้าบ้าน ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนและอ่อนไหวทางการเมืองอย่างยิ่ง นักการเมืองคนไหนเจอข้อหาล้มเจ้า ชังเจ้า ขายชาติ อนาคตทางการเมืองแทบจะดับเลยทีเดียว

ไม่เพียงในสื่อโซเชียลที่แฮชแทกข้างต้นกระโดดขึ้นมาอยู่ในลำดับต้น ๆ ยังมีข้อเขียน บทวิจารณ์ อีกมากมายในเชิงลบต่อแกนนำพรรคอนาคตใหม่ นอกจากนั้น นักวิเคราะห์ข่าวทางโทรทัศน์ชื่อดังที่มีแฟนทั่วประเทศยังนำไปขยายผลอย่างกว้างขวาง ต่อเนื่อง การเดินทางไปฟ้องต่างชาติครั้งนี้นอกจากถูกมองว่า “ไม่มีน้ำหนัก”แล้ว ยังถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพียง “บำบัดความต้องการของตนเอง”เท่านั้น

เราเองเอาใจช่วยนักการเมืองหนุ่มสาวเหล่านี้เพราะเห็นว่ามีเจตนาดี แต่แกนนำ พรรคชอบพูดจา ให้สัมภาษณ์ ชอบกดคีย์บอร์ด จนคำพูดและข้อเขียนนั้นรัดคอตัวเอง แทนที่จะไปโทษคนอื่น แต่ควรหันมาสำรวจและทบทวนตัวเอง เพราะพวกท่านอาจตัดสินเล่นการเมืองแบบกะทันหัน หากวางแผนมาก่อนก็คงไม่ทำ พูด เขียน ในสิ่งที่รัดคอทางการเมืองตัวเองในขณะนี้ โดยเฉพาะในเรื่องที่ละเอียดอ่อนของสังคม

การแสดงออกตามความคิด ความเชื่อของตนเป็นสิ่งที่ดี แต่บางเรื่องควร “ละเว้น”ไว้บ้าง ให้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กระทบต่อความรู้สึก ความศรัทธาของประชาชน แต่ท่านเหล่านี้เล่นรวมไปหมดโดยไม่ละเว้น ไม่ยั้งคิด เพราะฉะนั้น เมื่อเกิดปฏิกิริยาอย่างรุนแรงจากสังคม ท่านก็ต้องยอมรับ

สิ่งที่น้องช่อและเพื่อนเปิดเผยต่อสาธารณะในพฤติกรรมที่จาบจ้วงต่อสถาบันสูงสุดในวันรับปริญญานั้น ลบเท่าไรก็ลบไม่ออก จะอ้างว่ายังเยาว์แต่ก็บรรลุนิติภาวะแล้ว สิ่งที่เธอโพสต์ไว้อีกหลายรายการถูกค้นพบและเปิดเผยต่อสาธารณะ จึงไม่แปลกใจที่กระแสต่อต้านและกล่าวหา # ช่อล้มจ้า จะทะยานขึ้นมาเป็นลำดับต้น ๆ เป็นสัปดาห์หรือหลายวัน เรื่องนี้โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง

เช่นเดียวกับข้อมูลของธนาธร ซึ่งถูกมองว่าเป็นการสร้างภาพ“ผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลง”แต่จะเปลี่ยนแปลงในแนวใดนั้นยังเป็นเรื่องที่สังคมสงสัย เพราะเมื่อตรวจสอบความคิด และการกระทำในอดีตที่ถูกบันทึกไว้ย้อนหลังไปถึงกรณีวารสาร “ฟ้าเดียวกัน”ที่กล่าวกันว่าเป็นสื่อชังเจ้า การให้สัมภาษณ์ในหลายโอกาสที่สุ่มเสี่ยง ล่าสุดที่มีการเปิดโปงในสื่อโซเชียลถึงคำวิจารณ์ของเขาต่อแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง”ทำให้สังคมสงสัยว่าเขาต้องการเปลี่ยนประเทศไทยไปในรูปแบบใดกันแน่

ขณะที่ นายปิยะบุตร แสงกนกกุล มีประวัติและพฤติกรรมที่ลบไม่ออก เพราะเปิดและออกตัวแรงกับ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งหนีไปลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส สิ่งที่นายปิยะบุตรพูดทุกครั้งบนเวทีในหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเฉพาะการเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นเงาที่ติดตัวเขาอยู่จนปัจจุบัน ซ้ำเวลานี้ พฤติกรรมของดร.เออเฒอนิ เมริโอ ภรรยาชาวฝรั่งเศสของเขา ที่ใช้ความเป็นนักวิชาการวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ของไทยเสมอ ล่าสุด มีการคัดค้านการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะจัดพิมพ์เอกสารวิจัยของนางชื่อ “รัฐพันลึก สถาบันกษัตริย์แทรกแซงศาลรัฐธรรมนูญ”ซึ่งเป็นการวิจัยในลักษณะอาจเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ไทย

สิ่งที่คนไทยมีความรู้สึกละเอียดอ่อนไม่แพ้เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ คือ ชาติบ้านเมือง สิ่งที่ธนาธรเดินสายไปสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาโดยคิดว่าจะใช้ฝรั่งมากดดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และใช้ฝรั่ง “คุ้มครอง”ตนเองนั้น ไม่ได้ผลอย่างที่คิด ซ้ำประชาชนยังมองว่า พฤติกรรมที่ทำนั้นเป็นการชักศึกเข้าบ้าน เป็นการสร้างวาทกรรมชังชาติเพียงแต่ไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ซ้ำยังเรียกร้องให้ฝรั่งอย่าเพิ่งไปตกลงเจรจาเขตการค้าเสรีกับประเทศไทย นัยหนึ่ง ใช้ข้อตกลงซึ่งเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติเป็น “ตัวประกัน” กดดันรัฐบาลไทย ที่สหรัฐอเมริกา เขาได้บอกผ่านผู้สื่อข่าว เอ็นบีซี. ว่า ต้องการให้อเมริกามาช่วยสร้างประชาธิปไตยในไทย ทำให้คนไทยงงไปตามกัน

อย่างไรก็ดี สหภาพยุโรปและสหรัฐได้มีหนังสือแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้รับเลือกจากสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี และสหรัฐจะส่งเอกอัคราชทูตคนใหม่มายังไทยในเร็ว ๆ นี้ มีเสียงวิจารณ์ว่า นี่เป็นการ “ตบหน้า”ธนาธรอย่างแรง ขณะที่กระแสกล่าวหาธนาธรว่า “ชังชาติ”และ“ชักศึกเข้าบ้าน”ขึ้นสูงต่อเนื่อง การที่ไม่รู้จักเว้นในเรื่องที่ควรจะเว้น ทำให้บุคคลสำคัญของพรรคอันดับหนึ่ง สอง และสาม ถูกสังคมตีตราบนหน้าผากด้วยข้อหา “ชังเจ้า”และ“ลัมเจ้า”ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงมากทางการเมือง ซ้ำบวกด้วยข้อหา “ชังชาติ”“ชักศึกเข้าบ้าน”อีก เท่ากับโดนสองเด้ง หากพรรคไม่ยอมปรับยุทธศาสตร์ แกนนำไม่พูดโอ้อวดให้น้อยลง เรายังนึกไม่ออกว่า พรรคนี้จะไปในทิศทางใดแน่ หรือไปแบบล้มลุกคลุกคลาน เวลานี้ บรรดาแฟนคลับและ “ฟิวเจอร์ลิสต้า”ซึ่งคลั่งไคล้ธนาธร เริ่มสงสัยว่า ผู้นำของพวกเขากำลังนำแบบคนตาบอดตาใสหรือไม่ หากผู้นำยังไม่รู้จักว่าอะไรควรทำ อะไรควรเว้นไว้ก่อน เห็นทีพวกเขาคงไม่เจอกับอนาคตใหม่ แต่คงเจอ “อนาคตดับ”แทน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงแทนสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ คือ เมื่อหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค โฆษกพรรค ถูกสังคมมองว่า ชังเจ้า ล้มเจ้า แล้ว พรรคนี้จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร และพรรคจะปรับตัวอย่างไร แม้ทางกฎหมายจะทำอะไรผู้นำพรรคไม่ได้ แต่ผลสะเทือนทางสังคมนั้นมากมายนัก

พรรคอนาคตใหม่น่าจะทบทวนยุทธศาสตร์นี้ ประชาชนเลือกพวกท่านเข้ามาเพื่อต้องการให้คนหนุ่มสาวมาแก้ปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้ำของชาติ การกินดีอยู่ดีของประชาชน แก้ปัญหาบ้านเมืองที่หมักหมมมานาน พรรคอยากจะแก้รัฐธรรมนูญก็ทำไป ที่สำคัญคือ ประชาชนไม่ได้ให้มาทำสิ่งใดที่กระทบความเชื่อ ความศรัทธาของประชาชนต่อสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ถ้าผู้นำพรรคไม่ยอมปรับยุทธศาสตร์ ปรับท่าทีของตนเอง เส้นความนิยมจากประชาชนที่สูงอยู่แล้วอาจลดลงเรื่อย ๆ

ด้วยความหวังดีจากผู้สูงวัยคนหนึ่ง