คนรุ่นใหม่กับความอยู่รอดของชาติ
หวนรำลึกอดีตมองปัจจุบัน ประชาชนในชาติรุ่นก่อนต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาอย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง
หวนรำลึกอดีตมองปัจจุบัน ประชาชนในชาติรุ่นก่อนต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาอย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง
**************
โดย ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
วันนี้จะเป็นการตอบคำถามของคนรุ่นใหม่บางคนที่อ่านบทความสัปดาห์ที่แล้ว และอยากรู้ว่า ไทยเอาตัวรอดปลอดภัยจนถึงวันนี้ได้อย่างไร พวกเขาไม่เคยทราบมาก่อนหรือรู้น้อยมากเกี่ยวกับสงครามเวียตนาม สงครามในเขมร การต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ในประเทศ ฯลฯ เพราะเมื่อเขาเกิดมา บ้านเมืองก็มีความปลอดภัย ที่เจอก็คือความวุ่นวายทางการเมืองและเห็นการเผาบ้านเผาเมือง การชุมนุมประท้วงวุ่นวาย การแบ่งแยกของประชาชนในประเทศ การทุจริตคอรัปชั่นแบบมโหฬาร ฯลฯ ผู้เขียนจะจำกัดเนื้อหาสาระของบทความเฉพาะด้านความมั่นคงเท่านั้น
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มียุทธศาสตร์ในการป้องกันภัยคุกคามจากภายนอกด้วยการด้วยการไป “ตั้งรับนอกประเทศ”และปราบปรามคอมมิวนิสต์ในประเทศอย่างรุนแรง ไทยส่ง “ทหารรับจ้าง”ไปรบในลาวและในเขมรไทยยอมให้สหรัฐมาตั้ง“ฐานทัพ”ในไทยเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ในสงครามเวียตนาม
หลังแพ้สงครามในเวียตนามปี 2518 สหรัฐทิ้งไทยโดยสิ้นเชิง ยุติการสนับสนุนด้านการทหารทั้งสิ้น สหรัฐและตะวันตกคิดว่าไทยจะเป็น “โดมิโน” ตัวต่อไป ไทยต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวกับภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก
ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ได้ถาม ผบ.สูงสุดว่า หากไทยถูกรุกราน ทหารจะสู้ได้ไหมและยันไว้ได้เท่าไรก่อนที่มิตรประเทศจะมาช่วย ผบ.สูงสุดขณะนั้นตอนว่า 7 วัน ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ บอกให้ ดร.เกษม ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แพ็คกระเป๋าเดินทางไปพบเหมาเจ๋อตุงทันที ตามมาด้วยการเปิดความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน เพื่อลดแรงกดดันจากจีน และจีนยุติการสนับสนุนต่อพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พ.ค.ท.)
พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ สานงานต่อ และขอให้จีนยกเลิกการส่งกระจายเสียงของ “วิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทย”ที่ส่งมาจากคุนหมิง จีนตกลง ขณะเดียวกัน ได้ผ่อนคลายการเผฃิญหน้าระหว่างทหารเวียตนามในเขมรกับทหารไทยที่บ้านโนนหมากมุ่น
ทหารเวียตนาม 16 กองพลประจำอยู่ในกัมพูชา โดย 8 กองพันประจำอยู่ที่ตลอดแนวชายแดนไทย และฮึกเหิมพร้อมจะบุกไทยทันทีเพียงแต่รอไฟเขียวจากฮานอยซึ่งก็ฟังสัญญานจากมอสโคว์ ไทยระดมกำลังทั้งหมดมายันด้านนี้
รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประสานกับปักกิ่งขอความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เพราะสหรัฐยุติการช่วยเหลือกองทัพไทยโดยสิ้นเชิง ไทยขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ แต่อเมริกันไม่ให้ ไทยต้องซื้อ แต่จีนให้การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ทุกอย่าง ผู้ที่มีบทบาทในการนี้คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ พล.ต.อมรรัตน์ จินตกานนท์
ด้านการต่างประเทศ พล.อ.อ.สิทธื เศวตศิลา รัฐมนตรีต่างประเทศ ได้เดินทางไปเจรจากับจีนเพื่อขอให้ช่วยไทย และให้ อรุณ ภานุพงษ์ รัฐมนตรีช่วย อดีตทูตไทยประจำมอสโคว์ ไปเจรจากับโซเวียต เพื่อไม่ให้โซเวียตส่งสัญญานให้เวียตนามบุกไทยด้านกัมพูชา
เพื่อลดภัยคุกคามต่อไทยด้านกัมพูชา จีนระดมยิงปืนใหญ่โจมตีเวียตนามทางภาคเหนือ เพื่อตรึงกำลังทางยุทธศาสตร์ของเวียตนามไว้ทางภาคเหนือ และดึงกำลังทหารเวียตนามจากเขมรมาเสริมทางภาคเหนือ ทำให้แรงกดดันทางทหารด้านกัมพูชาลดลง จีนส่งเครื่องบินมารับผู้นำทางทหารและทูตไทยประจำปักกิ่งไปดูปฏิบัติการโจมตีชายแดนเวียตนามด้วย
ก่อนการโจมตีเวียตนาม ผู้นำจีนตั้งสมมติฐานว่า หากจีนโจมตีเวียตนามทางพรมแดนด้านเหนือ โซเวียตอาจโจมตีจีนทางพรมแดนทางเหนือเของจีนที่อยู่ติดโซเวียตเพื่อช่วยเวียตนาม ดังนั้น จีนได้ส่งเติ้งเสี่ยวผิงไปเยือนสหรัฐและพบกับผู้นำอเมริกา เพื่อส่งสัญญานไปยังรัสเซียว่า สหรัฐสนับสนุนจีน และเป็นการปรามไม่ให้โซเวียตเล่นงานจีนทางเหนือ
ไทยต้องสู้ทั้งทางการเมืองและการทหาร ทางการเมือง ไทยและอาเซียนไปสู้ในเวทีสหประชาชาติคัดค้านการที่ประเทศหนึ่ง (เวียตนาม)ใช้กำลังเข้ายึดครองประเทศอื่น (กัมพูชา) ซึ่งขัดกับหลักการของสหประชาชาติ ไทยและอาเซียนสนับสนุนรัฐบาลผสม 3 ฝ่ายสู้กับฝ่ายเวียตนาม ด้านการทหารนั้น ประเทศอาเซียนใครมีอะไรที่พอสนับสนุนไทยได้ก็ทำ ทั้งด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ เงิน อุปกรณ์ ฯลฯ
เวลานั้น ไทยขาดแคลนกระสุนปืนใหญ่ จีนให้การสนับสนุนแทนอเมริกัน พอเวียตนามเห็นว่าไทยมีจีนสนับสนุนอยู่ก็ชะงัก ขณะที่มอสโคว์ก็ไม่ต้องการให้เวียตนามไปไกลเกินกว่าลาวและเขมร
ส่วนภัยคุกคามภายในประเทศ รัฐบาลประสบความสำเร็จทั้งด้านการเมืองนำการทหารในการแก้ปัญหาคอมมิวนิสต์ในประเทศด้วยดี
นายกรัฐมนตรีไทยทุกคน รัฐบาลไทยทุกรัฐบาลได้ร่วมมือกันในการรักษาชาติบ้านเมืองให้พ้นจากภยันตรายทั้งภายนอกและภายในจนไทยอยู่รอดปลอดภัยและให้ลูกหลานไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขมาจนถึงทุกวันนี้ ที่สำคัญคือ คนไทยทุกคนมีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่พระมหากษัตริย์ ซึ่งทรงงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนพ้นจากความยากจน อันเป็นมาตรการสำคัญในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์
เวลานี้ ประเทศเพื่อนบ้านที่เคยมีปัญหากันต่างก็เข้ามาเป็นสมาชิกอาเซียน และเป็นมิตรที่ดีต่อกันไปแล้ว
ทหารไทย และคนไทยจำนวนมากได้เสียสละชีวิต บางคนพิการจนถึงปัจจุบัน เพื่อรักษาชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าบ้านเมืองไม่ปลอดภัย ไม่สงบเรียบร้อย ประเทศก็พัฒนาไปไม่ได้
จากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ทำให้เรารู้ว่า ใครคือมิตรแท้ ใครคือมิตรเทียมเวลานี้ ทั้งมิตรแท้และมิตรเทียม
กำลังแข่งอิทธิพลกัน สองฝ่ายหวังจะดึงไทยเป็นพวก การเป็นประเทศเล็กซึ่งไม่อาจเป็นศัตรูกับประเทศใหญ่ได้ แต่รัฐบาลก็คงรู้แล้วว่าควรจะวางน้ำหนักอยู่ตรงไหน
หวังว่า คนรุ่นใหม่บางคนที่อยากรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังการที่ไทยสามารถรักษาตัวรอดปลอดภัยมาจนถึงทุกวันนี้ ที่ให้คนรุ่นใหม่มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย คงได้ข้อมูลสำคัญได้พอสมควร ว่าคนรุ่นก่อนได้ต่อสู้เพื่อคนรุ่นหลังมาได้อย่างไร คนไทยคงไม่แพ้ศัตรูภายนอก แต่อาจพ่ายศัตรูภายในด้วยกันเอง