posttoday

นพ.วิชัย โชควิวัฒน เจ้าของคอลัมน์ ส่องสถานการณ์ นำเสนอ 40 ปี การสาธารณสุขมูลฐาน (23)

21 พฤษภาคม 2562

การสาธารณสุขมูลฐานต้องเป็นการดำเนินการของรัฐ. ถ้ารัฐไม่ดำเนินการย่อมไม่บังเกิดสิทธิเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับประชาชนที่มีชีวิตอยู่ในสภาพเปราะบาง.

การสาธารณสุขมูลฐานต้องเป็นการดำเนินการของรัฐ. ถ้ารัฐไม่ดำเนินการย่อมไม่บังเกิดสิทธิเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับประชาชนที่มีชีวิตอยู่ในสภาพเปราะบาง.

*******************

นายแพทย์วิชัย โชควิวัฒน

การประชุมระดับโลกเรื่องการสาธารณสุขมูลฐานที่นครแอสทานา มีบุคคลในองค์กรระดับโลกที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ได้กล่าวปราศรัยในที่ประชุม เช่น ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกาวี รัฐมนตรีสาธารณสุขคาซัคสถาน รัฐมนตรีสาธารณสุขของหลายประเทศ หลายคนได้รับเชิญให้แสดงสุนทรพจน์หลายครั้ง ทั้งในเวทีการประชุมใหญ่ การประชุมระหว่างอาหารกลางวัน และในงานเลี้ยงรับรอง เป็นต้น

มีสุนทรพจน์รายการเดียวที่ได้การปรบมือแสดงความชื่นชมอย่างยาวนานในลักษณะของการยืนปรบมือให้ (Standing ovation) เป็นสุนทรพจน์ในพิธีปิดการประชุมโดย ดร.คาริสสา เอเทียน (Carissa Etienne) ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกสำนักงานภูมิภาคอเมริกา ซึ่งสมควรนำเสนอสาระของสุนทรพจน์นี้ไว้ทั้งหมดเพราะได้สรุปปรัชญา แนวทาง และทิศทางการดำเนินงานไว้อย่างครอบคลุม นำเสนออย่างงดงาม และทรงพลัง ดังนี้

ท่านสุภาพสตรีและท่านสุภาพบุรุษ ในพิธีปิดการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ การประชุมระดับโลกเรื่องการสาธารณสุขมูลฐานครั้งนี้ ดิฉันมาอยู่ ณ ที่นี้ด้วยความหวัง. ดิฉันได้สร้างความหวัง และความมุ่งมั่นใหม่. ตลอดช่วง 40 ปี ที่ผ่านมา ดิฉันเป็นผู้เชื่อมั่นศรัทธา ลงมือทำ และเป็นผู้ผลักดันอย่างแข็งขันเพื่อการสาธารณสุข มูลฐาน. ดิฉันเชื่อมั่นศรัทธาเพราะเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของพวกเราต่างมีไฟฝัน และภาคประชาสังคม บรรดา ผู้พิทักษ์สวัสดิการของคนยากจนและคนที่ถูกกีดกัน ล้วนเข้าร่วมผูกพันอย่างเต็มที่

ดิฉันได้เห็นประชาชน และสถาบันต่างๆ ซึ่งเมื่อสิบปีที่แล้ว ไม่ต้องการได้ยินเรื่องการสาธารณสุขมูลฐาน แต่ทุกวันนี้ต่างผูกพันแน่นแฟ้นกับคุณค่าและหลักการของการสาธารณสุขมูลฐาน

ดิฉันเต็มเปี่ยมด้วยหวังเพราะสิ่งที่ดิฉันได้ยินและได้ร่วมเป็นสักขีพยานในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้. พวกเราต่างรู้ว่า “จะทำอย่างไร”. เรารู้ว่างานอะไรและสิ่งที่ต้องทำมีอะไรบ้าง. แต่เราต้องไม่ลืมว่ายังมีผู้คนอีกนับล้านในประเทศของเราที่ไม่มีความหวัง เช่น ที่พวกเรามี

วันนี้ เรามาอยู่ ณ ที่นี้ เพื่อยืนยันว่า สุขภาพดี มิใช่อภิสิทธิ์หรือสินค้าในท้องตลาดที่ต้องใช้เงินซื้อหา. แต่เป็นสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน. เรามาอยู่ ณ ที่นี้ ในวันนี้ เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของพวกเราต่อคุณค่าและหลักการ ทั้งปวงแห่งจิตวิญญาณอัลมา-อะตา

ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ดิฉันขอพูดอย่างร้อนแรงในช่วงสุดท้ายของการประชุมของพวกเรา. ถ้าพวกเราเชื่อในวิสัยทัศน์สุขภาพดีถ้วนหน้า ทำไมเรายังไปไม่ถึงเป้าหมายดังกล่าวนั้น ? เราต้องการอะไรบ้างเพื่อทำให้วิสัยทัศน์นั้นเป็นจริง ? และเราต้องทำอะไรแตกต่างไปจากเดิมบ้างในเวลานี้ ?


ข้อแรก เราต้องมีความชัดเจนของกรอบแนวคิดและมีวิสัยทัศน์. ขอให้พวกเราเห็นพ้องกันว่าการสาธารณสุขมูลฐาน คือ แนวทางและยุทธศาสตร์เพื่อสุขภาพและสุขภาวะ เพื่อการพัฒนามนุษย์และการพัฒนาสังคม ซึ่งมีศูนย์กลางที่บุคคล ครอบครัว และชุมชน. มันไม่ใช่แค่เพียงระดับต้นของการดูแล และไม่ใช่แค่เพียงชุดบริการแบบจำกัดจำเขี่ยที่จัดไว้สำหรับคนยากจนเท่านั้น. การสาธารณสุขมูลฐานต้องหมายถึงการเข้าถึงบริการที่ครอบคลุมและมีคุณภาพถ้วนหน้า ไม่ใช่แค่เพียงการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่ต้องรวมถึงการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การฟื้นฟูสภาพ การดูแลแบบประคับประคอง และการรักษาโรคที่พบบ่อย การสาธารณสุขมูลฐานต้องแก้ไขให้ถึงปัจจัยสังคมที่กำหนดสุขภาพ


การสาธารณสุขมูลฐานต้องครอบคลุมถึงการขจัดอุปสรรคที่กีดกั้นการเข้าถึงทั้งปวง ทั้งด้านการเงิน สภาพภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และเพศสภาพ. การสาธารณสุขมูลฐานต้องเป็นการดำเนินการของรัฐ. ถ้ารัฐไม่ดำเนินการย่อมไม่บังเกิดสิทธิเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะสำหรับประชาชนที่มีชีวิตอยู่ในสภาพเปราะบาง. ถ้ารัฐไม่ดำเนินการ เราจักไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าในการสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม


ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ ดิฉันขอกล่าวว่าภาษาเป็นเรื่องสำคัญ ! นี่คือความหมายของยุทธศาสตร์การสาธารณสุขมูลฐาน และนี่ควรเป็นวิสัยทัศน์ร่วมของพวกเราเรื่องการสาธารณสุขมูลฐาน


ข้อสอง เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องศึกษาบทเรียนแห่งอัลมา-อะตา ได้แก่ (1) จะต้องมีการค้นหากำแพงที่กีดกั้นการเข้าถึงอย่างเป็นระบบ และทำลายมันลงไป และ (2) การกระจัดกระจายและการแยกส่วนของระบบสุขภาพและบริการคือต้นตอของความล้มเหลว


รัฐบาลของประเทศจะต้องเป็นผู้นำและเป็นเจ้าของกระบวนการแห่งชาติเพื่อบรรลุถึงสุขภาพดีถ้วนหน้า โดยการประสานงานกับหุ้นส่วนต่างๆ . “ถ้วนหน้า” หมายความว่า ถ้วนหน้า โดยไม่มีข้อยกเว้น หรือโดยมาตรการครึ่งๆ กลางๆ ในการจัดบริการสุขภาพที่จำเป็นให้แก่ประชาชนทั้งมวล. และสุขภาพดีถ้วนหน้า ไม่สามารถบรรลุได้โดยปราศจากนโยบาย แผนงาน และปฏิบัติการร่วมกันของทุกภาคส่วนเพื่อแก้ปัญหาปัจจัยสังคมที่กำหนดสุขภาพ


ข้อสาม การมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อความเท่าเทียมเรื่องสุขภาพ จำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งในเรื่องการมีส่วนร่วมของสังคมและการเข้าร่วมผูกพันของชุมชน. การไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หมายความว่าต้องใช้ความพยายามเป็นพิเศษที่จะให้สิทธิ์เสียงแก่คนที่ไม่มีใครได้ยินเสียงของพวกเขา. ผู้ที่ถูกกีดกันและเปราะบาง ซึ่งได้แก่ ผู้หญิง เด็ก เยาวชน ผู้อพยพ คนข้ามเพศ กลุ่มชาติพันธุ์ และคนยากจน เป็นต้น. พัฒนาการของรูปแบบบริการที่ยึดประชาชนและชุมชนเป็นศูนย์กลาง เปิดทางให้ประชาชนและภาคประชาสังคมเป็นผู้มีส่วนได้เสียสำคัญในกระบวนการนี้. นี่คือเวลาสำหรับยุทธศาสตร์ที่สร้างสรรค์และมีลักษณะเป็นนวัตกรรม เพื่อเร่งการมีส่วนร่วมของชุมชน และสังคม และทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจเลือกได้อย่างเหมาะสมเพื่อสุขภาพของพวกเขา


หัวใจสำคัญของแนวทางการสาธารณสุขมูลฐาน คือ การจัดให้มีบริการที่มีคุณภาพ ครอบคลุม ณ ที่อยู่และที่ทำงานของประชาชน. เราจำเป็นมีบริการระดับแรกที่ปฏิวัติจากของเดิม คือ บริการที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีการจัดการอย่างสมเหตุสมผล และมีประสิทธิภาพ มีทีมสุขภาพที่มีลักษณะสหวิทยาการ เพียบพร้อมด้วยกองกำลังใหม่ของบุคลากร และทักษะที่ครอบคลุม


บริการระดับแรกที่สนับสนุนโดยเครือข่ายบริการสุขภาพผสมผสาน รวมถึงโรงพยาบาลและสถานพยาบาลที่ให้บริการระดับสูง


บริการระดับแรกที่สามารถตอบสนองความจำเป็นทั้งปวงของประชาชน ได้แก่ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ความรุนแรง ปัญหาสุขภาพจิต ปัญหาทางเพศและการอนามัยเจริญพันธุ์ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังต่างๆ ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและภัยพิบัติต่างๆ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ การสาธารณสุขมูลฐานจะต้องเป็นแกนกลางของยุทธศาสตร์ เพื่อแปลงโฉมของระบบสุขภาพต่างๆ เพื่อบรรลุการเข้าถึงการมีสุขภาพดี และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า