posttoday

กัญชา-พาราควอต

19 พฤศจิกายน 2561

ร่างกฎหมายปลดล็อกกัญชา ยืดเวลาไปอีก 5 ปี ถึงเวลานั้นคนไทยวิจัยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฝรั่งจดสิทธิบัตรครอบคลุมไว้หมด

ร่างกฎหมายปลดล็อกกัญชา ยืดเวลาไปอีก 5 ปี ถึงเวลานั้นคนไทยวิจัยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฝรั่งจดสิทธิบัตรครอบคลุมไว้หมด

************************

โดย...สมผล ตระกูลรุ่ง

กัญชาพืชพื้นบ้านประจำถิ่นของประเทศไทย บรรพบุรุษของเรานำมาประกอบอาหาร ใช้ผสมกับแกงเพิ่มรสชาติ เป็นสมุนไพรรักษาโรคที่อยู่ในตำรับยาไทยมาช้านาน ถ้านำมาสูบจะทำให้เคลิบเคลิ้ม อารมณ์ดี นั่งยิ้มได้ทั้งวัน คนเมากัญชาจึงไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่เหมือนยาบ้า

แต่เมื่อฝรั่งบอกว่าเป็นยาเสพติดร้ายแรง คนไทยเราก็บ้าตามฝรั่ง ออกกฎหมายห้ามมีไว้ในครอบครอง ใครปลูกใครครอบครองไม่ว่าจะเพื่อรักษาโรคหรือเพื่อความบันเทิง หรือครอบครองเฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกหรือมีส่วนหนึ่งส่วนใดของกัญชา ถือว่าผิดกฎหมาย

กลุ่มยาพาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เป็นสารเคมีที่มีอันตราย นำเข้าจากประเทศฝรั่ง ใช้เพื่อกำจัดหญ้า ไม่มีประโยชน์โดยตรงกับมนุษย์มีแต่อันตราย แต่ฝรั่งบอกเป็นยาฆ่าหญ้าที่เป็นวัชพืชในการทำเกษตรที่ได้ผลทันตาเห็น ฝรั่งบอกมีประโยชน์ ประเทศไทยรับมาใช้ ไม่ผิดกฎหมาย

กัญชาในปัจจุบันกฎหมายในหลายประเทศโดยเฉพาะฝรั่ง อนุญาตให้จำหน่ายได้ ทั้งเพื่อใช้ในทางการแพทย์และเพื่อความบันเทิง มีข่าวว่า บางรัฐในอเมริกาเปิดให้ขายเสรี ทั้งเพื่อการรักษาทางการแพทย์และเพื่อความบันเทิง และไม่ใช่เพิ่งจะอนุญาต แต่เปิดเสรีมาแล้ว 20 ปี

บางประเทศส่งเสริมให้ปลูกกัญชาเป็นสินค้าส่งออก มีนักวิชาการไทยที่เชี่ยวชาญเรื่องกัญชาจากต่างประเทศ มายืนยันถึงประโยชน์ของกัญชา แต่ผู้มีอำนาจทั้งรัฐบาล ทั้งข้าราชการประจำ บอกว่า ต้องศึกษาก่อน ยังแก้กฎหมายปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดไม่ได้

กลุ่มยาพาราควอต มีรายงานจากต่างประเทศว่ามีอันตราย มีข้อมูลของสำนักงานสิ่งแวดล้อมสหรัฐ (EPA) ระบุว่า พาราควอตมีพิษสูง แค่การกินเพียงจิบเดียวก็ถึงแก่ชีวิตได้โดยไม่มียาถอนพิษ

องค์การอนามัยโลกจัดให้พาราควอต เป็นสารเคมีอันตรายปานกลาง แต่มีข้อสังเกตในรายงานว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวหากถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย และเป็นอันตรายแก่ชีวิตหากรับประทาน หรือสัมผัสกับผิวหนังในบริเวณกว้าง

ศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รายงานสถิติผู้ป่วยที่ได้รับสารพิษพาราควอต ช่วงปี 2553-2559 ว่ามีจำนวน 4,223 ราย มีผู้เสียชีวิตคิดเป็น 46.18% สาเหตุหลักเกิดจากการนำไปใช้ฆ่าตัวตาย 56.60%

ยังมีสถิติที่น่าในใจอีกอย่างหนึ่งคือ มีผู้เสียชีวิตด้วยพาราควอตจากการประกอบอาชีพ 8.19% คิดเป็นจำนวน 171 ราย ในต่างประเทศปัจจุบันมีอย่างน้อย 53 ประเทศทั่วโลกที่ ยกเลิกการใช้พาราควอต ซึ่งรวมถึงประเทศในสหภาพยุโรป ที่ยกเลิกเมื่อปี 2007

ศาลแห่งสหภาพยุโรปมีคำสั่งยกเลิกการใช้พาราควอต เนื่องจากข้อกังวลด้านสุขภาพและการประเมินความปลอดภัยในสารเคมี รวมทั้งการไม่นำรายงานผลกระทบต่อโรคพาร์กินสันมาพิจารณา

ในเอเชียห้ามใช้พาราควอตแล้วใน 9 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา จีน คูเวต ลาว เกาหลีใต้ ศรีลังกา ซีเรีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวียดนาม ส่วนประเทศที่จำกัดการใช้ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ จีนทยอยยกเลิกการใช้พาราควอตตั้งแต่ปี 2012

ด้วยเหตุผลเพื่อการปกป้องสุขภาพของประชาชน และยกเลิกการใช้และจำหน่ายสูตรน้ำเมื่อปี 2016ทั้งกัมพูชา ลาว เวียดนาม ที่ความเจริญทางด้านเทคโนโลยีน้อยกว่าไทย ยังห่วงสุขภาพคนของเขามากกว่าไทย ทั้งกัญชาและยาพาราควอต

ไทยเรายังไม่มีความเปลี่ยนแปลงใด แม้จะมีนักวิชาการ ประชาชนส่วนหนึ่งออกมาเรียกร้องทั้งสองกรณี แต่รัฐบาลไทยไม่ยกเลิก โดยให้เหตุผลว่า ต้องศึกษาข้อมูลและผลกระทบก่อน ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสาร โลกไร้พรมแดน ไทยเราประกาศว่าจะเป็น Thailand 4.0

เป็นประเทศที่ทันสมัยด้วยเทคโนโลยี ทำให้สงสัยว่า เราจะต้องใช้เวลาศึกษาอีกนานเท่าใด ข้อมูลที่อ้างอิงว่า ฝรั่งยอมรับให้ใช้กัญชาทั้งในทางการแพทย์และเพื่อสันทนาการ รวมทั้งข้อมูลอันตรายจากกลุ่มยาพาราควอต การตรวจสอบง่ายเพียงปลายนิ้ว

ทุกวันนี้เรามีความสามารถเก่งกว่าฝรั่งหรือเปล่า ข้อมูลของฝรั่งเชื่อถือได้หรือไม่ หรือว่าเราจะเลือกเชื่อข้อมูลที่เราอยากจะเชื่อ ทั้งกัญชาและพาราควอต ต่างกันที่การเรียกร้องต่างกัน เราเรียกร้องให้ใช้กัญชา และเรียกร้องให้เลิกใช้พาราควอต

แต่ที่เหมือนกันคือ ทั้งกัญชาและพาราควอต มีผลประโยชน์จำนวนมหาศาลอยู่เบื้องหลัง ปี 2560 ไทยนำเข้าสารพาราควอต 44,501 ตัน มูลค่า 3,816 ล้านบาท เป็นมูลค่าสูงเป็นอันดับหนึ่งของวัตถุอันตรายที่นำเข้ามาในไทย ตามด้วยสารไกลโฟเซต
ที่ไทยนำเข้า 59,852 ตัน

คิดเป็นมูลค่า 3,283 ล้านบาท ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์มหาศาลนี้คือผู้นำเข้าสารเคมี หนึ่งในนั้นคือ เจียไต๋ หรือ CP สำหรับกัญชา มีการยืนยันว่า รักษามะเร็งได้ผล ซึ่งเป็นผลประโยชน์ในทางการแพทย์ โดยมูลค่าการนำเข้ายามะเร็งจากต่างประเทศ ปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

ผลประโยชน์จำนวนมหาศาลที่อยู่ในมือของผู้ประกอบธุรกิจนี้เอง ที่ทำให้ระบบราชการไทยเรายังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างครบถ้วน ไม่รู้เป็นเพราะมีม่านสีม่วงสีเทาบังตาไว้หรือเปล่า เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา ครม.มีมติให้คลายล็อกกัญชา

โดยแก้ไข พ.ร.บ.ยาเสพติดส่งให้ สนช.พิจารณา มีสาระสำคัญว่า ให้มีการนำเข้า-ส่งออกได้เพื่อประโยชน์ทางราชการโดยได้รับอนุญาต หรือให้ใช้ในทางการแพทย์ และให้ ปปส.กำหนดเขตการปลูกกัญชา กฎหมายที่ต้องขออนุญาตต่อหน่วยงานราชการของไทย

เป็นเรื่องที่รู้กันในทางปฏิบัติที่เรียกกันแบบนักเลงโบราณว่า เตะหมูเข้าปากหมา อะไรเป็นหมูอะไรเป็นหมา ชาวบ้านที่ต้องติดต่อขออนุญาตกับหน่วยงานราชการย่อมรู้ดีว่าหมายถึงอะไร ชาวบ้านเขาสงสัยกันว่า ค่าหมึกที่ข้าราชการจะใช้ลงชื่ออนุญาต ทำไมแพงยิ่งกว่าทองคำ เวลาของท่านผู้มีอำนาจที่จะตรวจสอบและลงชื่ออนุญาต ทำไมมีค่ายิ่งกว่าเพชรนิลจินดา ไทยเรามีนักวิชาการเก่งๆ มากมาย ทั้งที่ทำงานอยู่ในประเทศและเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ต่างประเทศ ทำไมฝรั่งที่ให้ความสำคัญกับประชาชนของเขา จึงกล้าเปิดเสรีกัญชา

ร่างกฎหมายที่จะปลดล็อกกัญชา ยืดเวลาไปอีก 5 ปี ถึงเวลานั้นคนไทยเราวิจัยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะฝรั่งจดสิทธิบัตรกัญชาครอบคลุมไว้หมดแล้ว จะ 5 ปีแล้ว คสช.ทำอะไรอยู่ มาตรา 44 มีไว้เพื่อแสวงหาอำนาจในทางการเมืองเท่านั้นหรือ