posttoday

ช้อปคนจนช่วยคนรวย!

14 พฤศจิกายน 2560

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล

โดย...ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล

ในระหว่างนี้คนไทยกำลังเพลิดเพลินกับโครงการช้อปช่วยชาติ ผมแนะนำว่าคนที่รวยควรจะคิดถึงคนจนไว้ให้มาก เพราะโครงการนี้ควรจะเรียกว่า "ช้อปคนจนช่วยคนรวย" มากกว่า ด้วยเหตุผลดังนี้

(1) คนรวยหักภาษีได้มากกว่า

สมมุตินาย ก. เงินเดือนสูงและอัตราภาษีขึ้นไปที่ระดับสูงสุด 35% นาย ก. ช๊อปไป 15,000 บาท จะลดภาษีได้ 5,250 บาท เพราะการประหยัดภาษีจะเกิดขึ้นที่อัตราสูงสุด

สำหรับนาย ข. เงินเดือนต่ำและอัตราภาษีสูงสุดเพียง 10% นาย ข. ช๊อปไป 15,000 บาท จะลดภาษีได้ 1,500 บาท จะเห็นได้ว่านาย ข. ประหยัดภาษีได้น้อยกว่านาย ก. มาก

ณ จุดนี้ผู้อ่านบางคนอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร เพราะไม่ต่างจากการที่รัฐบาลคืนกำไรให้แก่ผู้เสียภาษี ดังนั้น ใครเสียมากก็ย่อมได้คืนมาก แต่โปรดอ่านต่อไปครับ

(2) คนจนเสียภาษีมูลค่าเพิ่มมากกว่าคนรวย

เนื่องจากประเทศไทยใช้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเดียวกันสำหรับสินค้าทุกประเภท ยกเว้นเฉพาะสินค้าบางอย่าง ดังนั้น ทั้งนาย ก. และนาย ข. ล้วนจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราเท่ากันทั้งนั้น แต่เนื่องจากในประเทศไทยมีคนจนจำนวนมากกว่าคนรวยหลายเท่า ดังนั้นภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของรัฐจึงมาจากคนจนมากกว่าคนรวย

(3) รัฐต้องชดเชยรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม

เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีรายได้จากทรัพยากรธรรมชาติแบบอู้ฟู่เหลือใช้เหมือนอย่างบรูไน และรัฐบาลนี้ก็มิได้ลดราวาศอกเรื่องการใช้จ่ายภาครัฐ ไม่ว่าในการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ หรือการจ่ายเงินเดือนค่าตอบแทนแก่ คสช. สนช. ฯลฯ ดังนั้น ในมือหนึ่งที่รัฐยอมสละภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้แก่นักช๊อป ในอีกมือหนึ่งรัฐก็ต้องหารายได้อื่นมาจุนเจือรายจ่าย ซึ่งภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะเป็นแหล่งรายได้สำคัญอย่างหนึ่ง

ดังนั้น ในมือหนึ่งที่รัฐคืนกำไรช้อปช่วยชาตินั้น คนรวยได้มากกว่าคนจน แต่ในอีกมือหนึ่งที่รัฐเอาภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้แทนนั้น คนจนเสียมากกว่าคนรวย

เรื่องการใช้ทรัพยากรส่วนรวมของประเทศนั้น ในประเทศพัฒนาแล้วจะใช้อย่างระมัดระวังมาก จะเน้นไปที่รายจ่ายที่จำเป็นเท่านั้น จะเน้นไปที่การสร้างโอกาสเริ่มต้นเท่าเทียมกันมากขึ้น จะเน้นไปที่สิ่งจำเป็นในชีวิต แต่จะไม่รวมช้อปปิ้งสินค้าฟุ่มเฟือย การบริโภคหรูหราใดๆ

วิเคราะห์อย่างนี้ จะไม่เรียกว่า "ช้อปคนจนช่วยคนรวย!" ได้อย่างไร

14 พฤศจิกายน 2560

ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล

Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala