"ตูน" คนต้นแบบของประเทศ
ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม
หัวใจของ ตูน บอดี้สแลม นี่ใหญ่มากๆ ควรยกย่องให้เป็น “คนต้นแบบของชาติ”
การวิ่งระยะไกล 2,191 กิโลเมตร จากเบตง จ.ยะลา จบที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เสี่ยงถึงความตายได้ ถึงแม้จะมีคุณหมอประจำตัวทีมแพทย์มาช่วยดูแล เช็กสภาพกล้ามเนื้อ ร่างกาย ตามประกบทุกฝีก้าวก็ตาม
สังคมไทยมักเก่งวิจารณ์ หาคนลงมือปฏิบัติจริงๆ ยาก เมื่อ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย ตัดสินใจวิ่งระดมเงินบริจาค แน่นอนว่า มีเสียงค่อนแคะต่างๆ ว่า โง่บ้าง ทำไมต้องเอาตัวไปแลกกับปัญหาของชาติที่มีรัฐบาลคอยแก้ปัญหาดูแลงบประมาณอยู่แล้ว บ้างว่า ตูนเป็นพวกรัฐบาลบ้าง เพราะเห็นรัฐบาล คสช.จัดเจ้าหน้าที่ทหารอำนวยความสะดวกการวิ่งให้และยังออกมาชื่นชม สดุดีว่าเป็นการทำความดีให้กับสังคม บ้างว่า การระดมเงินบริจาคเป็นการตีแสกหน้ารัฐบาล คสช. ที่ไม่ดูแลแก้ปัญหาโรงพยาบาลขาดทุน แต่กลับเอาเงินไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพ
ตรรกกะทั้งหลายทั้งปวงที่สุดก็หักล้างกันเองพิสูจน์ให้เห็นว่าตูนไม่ได้เป็นคนของฝ่ายไหน แต่เป็นคนของประชาชน เลือกทำเพื่อสังคม ช่วยเหลือผู้ป่วยที่นอนติดเตียงให้โรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศที่ขาดแคลน จะได้มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพดูแลผู้ป่วยให้ดีกว่านี้ แต่สังคมขี้ปาก เก่งหน้าจอ มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ คอยสาดโคลนให้ร้าย ทำสิ่งดีให้แปดเปื้อน ผลักให้เป็นขั้วการเมือง บั่นทอนให้ผู้ที่อยากทำความดี ต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในสังคมด้วยกันหมดกำลังใจ
การวิ่งระดมทุนของตูนยังเพิ่งเริ่มต้นได้ 4 วัน ยังอยู่ที่ปลายด้ามขวาน จ.ยะลา มุ่งหน้าสู่ จ.ปัตตานี และได้รับการต้อนรับจากพี่น้องชาวใต้อย่างอบอุ่น ประชาชนตลอดสองข้างทาง บ้านเรือน รวมถึงบริษัท เอกชน ร่วมกันบริจาคเหนือความคาดหมาย ณ เวลานี้ (รวม 3 วัน) วิ่งไปแล้ว 138 กิโลเมตร ได้เงิน 67 ล้านบาท เฉลี่ยทุกๆ การวิ่ง 2 กิโลเมตร ระดมได้เกือบ 1 ล้านบาท ถ้าคำนวณเล่นๆ เป้าหมายที่ตูนวางไว้วิ่ง 2,191 กิโลเมตร จากเหนือสุดถึงใต้หล้า ต้องการเงินบริจาค 700 ล้านบาท ก็คงทะลุเป้าถึงหลักพันล้าน สะท้อนให้เห็นว่า คนไทยต้องการให้กำลังใจคนทำความดีเพื่อสังคม ยอมอุทิศร่างกายเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
เงินบริจาคคือเนื้อแท้ที่จับต้องได้จากพลังศรัทธา พลังความดี แต่เงินได้มาก็จากไปรวดเร็ว ถ้าบริหารจัดการไม่ดี ทว่าสิ่งที่ได้นอกเหนือจากการวิ่งของตูน คือ ปลุกจิตสำนึก กระตุ้นคนในสังคมให้มาขบคิดถึงปัญหาโรงพยาบาลขาดงบประมาณที่มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าภาครัฐละเลยไม่ให้ความสำคัญ แทนที่จะเอางบประมาณให้กับโรงพยาบาลผ่านโครงการบัตรทองที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ในช่วงหลายปีจากเงินไม่พอ แต่กลับถูกวิจารณ์ว่านำงบประมาณจำนวนมากไปใช้ในมิติความมั่นคง เช่น ซื้ออาวุธ เรือดำน้ำ
ถึงเวลาหรือยังที่ต้องร่วมกันหาทางออกถึงวิธีแก้ปัญหาการขาดทุนของโรงพยาบาลรัฐอย่างยั่งยืนว่า สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร การบริหารงบประมาณของโครงการบัตรทองไม่มีประสิทธิภาพ หรืองบประมาณแต่ละปีไม่พอจริงๆ เพราะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ประชาชนควร “จ่ายร่วม” เป็นทางออกหรือไม่ และแม้ว่ารัฐบาลเพิ่งล้วงงบกลาง 5,000 ล้านบาท ไปช่วยเหลือโรงพยาบาลรัฐที่ขาดทุนเหล่านี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากตูนระดมทุนวิ่งช่วยโรงพยาบาลบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อครั้งก่อนแต่ก็เป็นการแก้ปัญหาแบบไฟไหม้ฟาง
ผลพวงของตูนยังกระตุ้นให้สังคมตระหนักหวงแหนงบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้บริหาร ต้องใช้จ่ายโปร่งใส ไม่คอร์รัปชั่น เงินหลายร้อยกว่าจะระดมมาช่วยโรงพยาบาลได้ ไม่ใช่น้ำพักน้ำแรงของตูน แต่คนไทยก็มีส่วนช่วยลงขันคนละเล็กละน้อยเพื่อให้มาแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องจัดสรรงบประมาณหลักมาให้โรงพยาบาลเหล่านี้
ยิ่งกว่านั้น รูปแบบการระดมเงินบริจาคด้วยการวิ่งช่วยให้คนไทยที่ปัจจุบันตื่นตัวออกกำลังกายกันมากขึ้น หันมาใส่ใจในการวิ่งเพื่อสุขภาพยิ่งขึ้นไปอีก ลดการเจ็บไข้ได้ป่วย และภาระงบประมาณที่สูญเสียจำนวนมากในแต่ละปีลง
“ตูน” ยอมเหนื่อยเพื่อช่วยเหลือสังคม ในเป้าหมายที่เขาอยากตั้งใจทำ แต่เขาคงไม่เหนื่อยถ้าเห็นผลลัพธ์ที่ได้ช่วยต่อยอดเป็นพลังความเข้มแข็งของสังคมที่มีต่อมิติด้านการพัฒนาต่างๆ บนเป้าหมายปัญหาของชาติและเพื่อนมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในโลกใบนี้