posttoday

ประมูลใหม่รถไฟทางคู่ ประหยัดงบอื้อกว่า 2 พันล้าน

06 สิงหาคม 2560

เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์

เฟซบุ๊ก ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์

สุดยอด! ประมูลใหม่รถไฟทางคู่ ประหยัดงบอื้อ

หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2560 เพื่อปรับปรุงการบริหารงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างขึ้นมาเพื่อกำกับ เร่งรัด ติดตาม และตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐที่มีวงเงินตั้งแต่ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป ให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ ได้เน้นหนักไปที่การประมูลก่อสร้างโครงการรถไฟทางคู่ ทำให้การประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 5 โครงการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการประมูลในขณะนั้น และผมได้ตั้งข้อสังเกตว่ามีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในการประมูลถูกยกเลิกไป

โครงการรถไฟทางคู่ทั้ง 5 โครงการ ประกอบด้วย (1) รถไฟทางคู่เส้นทางนครปฐม-หัวหิน (2) เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ (3) เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร (4) เส้นทางลพบุรี-ปากน้ำโพ และ (5) เส้นทางมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ

ทั้งนี้ ในการประมูลใหม่ผมได้เสนอแนะให้คณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างพิจารณาดำเนินการดังนี้

1. ทบทวนราคากลางของทั้ง 5 โครงการ ให้ละเอียดรอบคอบทุกรายการ เพราะมีบางรายการที่ ร.ฟ.ท.กำหนดราคากลางสูงเกินความเป็นจริง

2. แบ่งงานก่อสร้างออกเป็นตอนๆ เพื่อให้ผู้รับเหมาขนาดกลางสามารถเข้าแข่งขันกับผู้รับเหมาขนาดใหญ่ได้ ซึ่งจะทำให้ค่าก่อสร้างถูกลง ช่วยประหยัดงบประมาณได้จำนวนมาก

3. ทบทวนข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง (Terms of Reference) หรือทีโออาร์ รวมทั้งข้อกำหนดทางเทคนิค (Specifications) หรือสเปก ให้มีความเป็นธรรม ไม่มีการล็อกสเปกให้ผู้รับเหมารายหนึ่งรายใด ซึ่งจะทำให้มีการแข่งขันกันอย่างจริงจัง ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้

ขณะนี้การรถไฟฯ ได้ดำเนินการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางหัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ เสร็จแล้ว ซึ่งในการประมูลครั้งใหม่นี้มีการปรับลดราคากลางลงมาจากเดิม 8,076 ล้านบาท (ไม่รวมระบบอาณัติสัญญาณและเครื่องมืออุปกรณ์ก่อสร้างทางรถไฟ ซึ่งถูกแยกออกไป) เป็น 7,305 ล้านบาท และเปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาขนาดกลางเข้าร่วมแข่งขันได้ ทำให้มีการแข่งขันทั้งด้านคุณภาพและราคา ปรากฏว่าบริษัทที่ชนะการประมูลเสนอราคา 5,807 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลางถึง 1,498 ล้านบาท (7,305-5,807) หรือคิดเป็น 20.5%

หากเปรียบเทียบกับราคากลางเดิม จะพบว่าการประมูลครั้งใหม่ประหยัดงบประมาณได้ถึง 2,269 ล้านบาท (8,076-5,807) นี่เป็นแค่เพียงโครงการเดียวยังสามารถประหยัดงบประมาณได้ถึง 2,269 ล้านบาท ถ้าหลายโครงการรวมกันงบประมาณที่จะสามารถประหยัดได้ก็จะเป็นจำนวนมากมายมหาศาล

เมื่อเปรียบเทียบกับผลการประมูลรถไฟทางคู่ 2 โครงการ อันประกอบด้วยเส้นทางชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น และเส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ซึ่งประมูลก่อนที่ท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ จะใช้อำนาจตามความในมาตรา 44 แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับการจัดซื้อจัดจ้างขึ้นมา ทำให้ผู้รับเหมาขนาดกลางไม่สามารถเข้าร่วมประมูลได้ ปรากฏว่าบริษัทผู้ชนะการประมูลเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางเพียงแค่ 0.75% และ 2.77% ตามลำดับเท่านั้น

นั่นคือ ผลดีที่เกิดจากการประมูลใหม่โดยมีการปรับลดราคากลางและปรับแก้ทีโออาร์ ซึ่งทีโออาร์ใหม่เปิดโอกาสให้ผู้รับเหมาขนาดกลางเข้าร่วมแข่งขันได้ ทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างจริงจัง ส่งผลให้การรถไฟฯ สามารถก่อสร้างรถไฟทางคู่ได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางมาก เป็นการประหยัดงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งต่อจากนี้ไปเรายังจะต้องก่อสร้างรถไฟทางคู่อีกจำนวนมาก ดังนั้น งบประมาณที่จะสามารถประหยัดได้จะเป็นจำนวนมากนับหลายหมื่นล้านบาท

การประมูลโครงการรถไฟทางคู่ที่สามารถประหยัดงบประมาณได้จำนวนมากนั้นนับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ ที่หาญกล้ายกเลิกการประมูลเดิม และทำให้การประมูลใหม่มีความโปร่งใส ซึ่งนำไปสู่การแข่งขันกันอย่างจริงจัง

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านนายกฯ ประยุทธ์ฯ ดำเนินการเช่นนี้กับโครงการอื่นต่อไป แล้วเราจะมีงบประมาณเหลือจากการก่อสร้างจำนวนมาก ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการก่อสร้างโครงการอื่นๆ ที่จำเป็นในถิ่นทุรกันดารได้ เช่น โรงพยาบาล และโรงเรียน เป็นต้น