posttoday

ไขปมพฤติกรรม"เปิดอวัยวะเพศโชว์"เข้าข่ายโรคจิตหรือไม่?

04 สิงหาคม 2559

เฟซบุ๊ก นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์

เฟซบุ๊ก นายแพทย์ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์

ข่าวเรื่องมีผู้(ชาย) เปิดอวัยวะเพศโชว์ และมีการถ่ายรูปนำไปเผยแพร่ใน social media จนเป็นข่าวในสังคมอย่างกว้างขวาง และเกิดวาทกรรม เรื่อง “บ้ากาม” “โรคจิต” จนเกิดปรากฏการณ์กับบุคคลเหล่านี้ ผมได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์หลายสื่อ จึงขอนำมาแบ่งปัน ดังนี้

1) กรณีแบบนี้ผู้กระทำมิได้เป็นโรคจิตหรือบ้ากาม แต่เป็นความผิดปกติทางจิตใจ ที่เรียกว่าความเบี่ยงเบนทางเพศ หรือ การหาความสุขหรือความพึงพอใจทางเพศด้วยวิธีผิดปกติ ที่พบบ่อยๆ คือ ถ้ำมอง ขโมยกางเกงใน โทรลามก เสียดสีอวัยวะเพศบนรถเมล์ และโชว์อวัยวะเพศ บุคคลเหล่านี้จะได้รับความตื่นเต้นทางเพศ จากพฤติกรรมดังกล่าว เพราะไม่สามารถได้รับความพึงพอใจทางเพศจากการมีสัมพันธภาพและการมีเพศสัมพันธ์แบบคนทั่วไป ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากความเก็บกดทางเพศทำให้เกิดความกลัวที่จะมีสัมพันธภาพและเพศสัมพันธ์ตามปกติ ประกอบกับการเรียนรู้ เรื่องเพศอย่างผิดๆในวัยรุ่น จนเริ่มกลายเป็นนิสัยหรือความผิดปกติในผู้ใหญ่

2) คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอันตรายต่อผู้หญิง เพราะส่วนใหญ่จะไม่กล้าที่จะมีสัมพันธภาพและเพศสัมพันธ์แบบคนทั่วไป ในทางสุขภาพจิตความเบี่ยงเบนทางเพศที่อันตรายคือ พวกชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก เพราะทำให้เด็กได้รับบาดแผลทางกาย/ใจ และบางครั้งอาจเสียชีวิต ว่าไปแล้วคนเหล่านี้แม้จะทำให้สังคมวุ่นวาย/ตกใจ เพราะพฤติกรรมตนเอง แต่ก็น่าสมเพศเพราะด้านหนึ่งก็ควบคุมพฤติกรรมตนเองไม่ได้ เพราะมีแรงกระตุ้นจากจิตใต้สำนึก แต่ก็ไม่กล้าบอกใคร ไม่กล้าไปรับการรักษา เพราะเป็นพฤติกรรมที่รู้สึกน่าอับอาย

3) ทางออกสำหรับสตรีและผู้พบเหตุก็คือ ให้รู้ถึงที่มาที่ไปอย่างที่กล่าวมา แล้วสำคัญอย่างยิ่งอย่าตกใจ เพราะเสียงและท่าทางตกใจของผู้พบเหตุ(สตรี) จะไปกระตุ้นความพึงพอใจทางเพศ และทำให้บุคคลดังกล่าวกลับมาทำอีก ทางที่ดีก็คือ ให้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ เช่น กระเป๋ารถเมล์ คนขับรถ ตำรวจ เพื่อนำบุคคลดังกล่าวไปดำเนินคดี ซึ่งในทางศาลอาญาปัจจุบันจะถือว่าไม่ใช่คดีร้ายแรง ก่อนพิจารณาในศาลจะมีการให้คำปรึกษาและให้ไปบำบัดก่อน ก็จะเกิดการแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

4) ส่วนสำคัญที่สุด น่าจะเป็นการเข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคทางสังคมด้วย เพราะสะท้อนให้เห็นถึงเด็กและวัยรุ่นไทย เติบโตมาโดยไม่มีความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความแตกต่างระหว่างชายหญิง ค่านิยมทางเพศ เพศสัมพันธ์ที่รับผิดชอบ เพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ความหลากหลายทางเพศสภาพ ฯลฯ รวมทั้งเรื่องความเบี่ยงเบนทางเพศด้วย ทำให้เยาวชนไทยเติบโตขึ้นมาโดยไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่รู้วิธีปฏิบัติตนและไม่รู้วิธีการหาความช่วยเหลือหากตนมีปัญหา รวมทั้งยังมีทัศนคติทางลบสืบทอดให้รุ่นต่อไป

5) ที่สำคัญคือโรงเรียนซึ่งเป็นสถาบันที่สร้างการเรียนรู้ จะต้องสอนเพศศึกษารอบด้านเพื่อให้เยาวชนไทยเติบโตมาด้วยความรู้ความเข้าใจ มีทัศนคติเชิงบวกและสามารถดูแลแก้ไขปัญหาตนเองและผู้อื่นได้ ซึ่งยังเป็นจุดอ่อนของระบบการศึกษาไทยมายาวนาน ทั้งๆที่เพศศึกษารอบด้านจะช่วยป้องกันและแก้ปัญหามากมาย รวมทั้งเรื่องตั้งครรภ์วัยรุ่น โรคเอดส์ ชีวิตครอบครัว ความเท่าเทียมและเข้าใจกันของเพศสภาพต่างๆ

6) นอกจากโรงเรียน ที่สำคัญมากคือสถาบันครอบครัว พ่อแม่เองก็ควรมีความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศ มีทัศนคติเชิงบวก แต่ก่อนอื่นใดคือการมีสัมพันธภาพที่ดีกับลูก รับฟังลูก ไม่ใช่มุ่งแต่ตำหนิ สั่งสอน ซึ่งจะทำให้ลูกไม่กล้าเปิดเผยเรื่องของตนเอง ถ้าครอบครัวมีสัมพันธภาพที่ดี รับฟังและคุยกันได้ดีก็จะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงในตัวลูก รวมทั้งความมั่นคงในเรื่องเพศด้วย ส่วนการคุยในเรื่องเพศจะเป็นเรื่องตามมาเอง และพ่อแม่ก็คงคุยกับลูกในทุกประเด็นที่กล่าวมาแล้วของเพศศึกษาไม่ได้ แต่ควรมีสัมพันธภาพที่ดีและแบบอย่างคือการสอนลูกที่ดีที่สุด และเปิดโอกาสรวมทั้งแนะนำให้ลูกหาความรู้ที่ถูกต้องจากหนังสือสารคดี หรือทาง Online

ที่มาจากเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/yongyud.wongpiromsarn/posts/749865898450215