posttoday

พี่ศศินที่ผมรู้จัก เขื่อนแม่วงก์ และประชาธิปไตยที่ผมรัก

29 กุมภาพันธ์ 2559

พี่ศศินที่ผมรู้จัก เขื่อนแม่วงก์ และประชาธิปไตยที่ผมรัก

เฟซบุ๊ก แมน ปกรณ์

"พี่ศศินที่ผมรู้จัก เขื่อนแม่วงก์ และประชาธิปไตยที่ผมรัก"
(ยาวหน่อยนะครับ ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยน)

ก่อนอื่นต้องยอมรับว่า
ผมลำบากใจว่าจะเขียนถึงเรื่องนี้อย่างไร ?
ไม่ให้ถูกมองว่าโหนประชาธิปไตย หรือแขวะเครือข่ายอนุรักษ์
หรือเถียงแทนพี่ศศิน

คือไม่รู้ว่าจะเขียนอย่างไรให้ทุกฝ่ายเข้าใจประเด็นที่ผมต้องการจะนำเสนอ

แต่ผมก็รู้สึกว่าตัวเองต้องเขียนอะไรบางอย่าง ในฐานะของคนที่รู้จักพี่ศศิน(อาจไม่ได้สนิทเท่าคนอื่นๆ) และรักประชาธิปไตย
ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องที่เรื่องที่ผม ควรจะต้องแสดงความเห็น

ผมรู้จักพี่ศศินจากประเด็นน้ำท่วมผ่านทางเฟซบุ๊ค และหลังจากการเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ้ค ช่วงที่ผมคัดค้านม.นอกระบบตอนยังเป็นนักศึกษา ก็พบว่าพี่แกมากดไลค์อยู่เป็นประจำ เวลาที่ผมโพสท์ประเด็นปัญหาการศึกษา เช่นเดียวกับที่ผมก็ไปตามกดไลค์แกในประเด็นสิ่งแวดล้อม

ผมไม่ได้เติบโตมากับการทำกิจกรรมในแนวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแบบเขียวจ๋า แต่อยู่ในแวดวงของแนวคิดที่ว่าเราจะทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติแบบยั่งยืนได้อย่างไร เผื่อแผ่ไปถึงลูกหลานในอนาคตได้อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าแนวคิดดังกล่าวไม่ได้เป็นเรื่องที่"ทุกรัฐบาล" ที่ผ่านมาพึงกระทำ (รัฐบาลนี้ก็เช่นกัน)

ในขณะที่พี่ศศินถูกมองว่าเป็นนักอนุรักษ์แบบเขียวปี๋ ที่ไม่สนใจเรื่องอื่นนอกจากป่าและสิงมีชีวิตที่อยู่ในป่า ซึ่งผมเข้าใจว่าพี่ศศินไม่ได้เขียวปี๋ขนาดนั้น

ยกตัวอย่างเช่นกรณีเขื่อนแม่วงก์ ซึ่งหากเราได้ติดตามมาอย่างต่อเนื่องก็จะพบว่า การสร้างเขื่อนที่ไม่ได้แก้ปัญหาน้าท่วมน้ำแล้งได้จริง โดยต้องแลกกับพื้นที่ป่า 13,000 ไร่ แล้วประชาชนต้องสูญเสียภาษี 13,000 ล้านบาทนั้น
คงเป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้ (ไปหาอ่านอ้างอิงเอาเองนะครับ)

ที่รับไม่ได้เพราะก็เพราะว่ามันไม่คุ้ม กระบวนการทางวิชาการที่เป็นหลักการในการฟันธงว่ามันไม่คุ้มก็คือ EHIA ซึ่งเครื่อข่ายอนุรักษ์เห็นว่าถ้าทำ EHIA ตามหลักวิชาการ ยังไงก็จะไม่ผ่าน

เขียนมาถึงตรงนี้เพื่อปูพื้นให้เห็นว่าต่อกรณ๊เขื่อนแม่วงก์ ผมเองไม่ได้ค้านมันแบบหัวชนฝา เพราะถ้าเขื่อนมันคุ้มค่า จัดการน้ำได้จริง แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้จริง ไม่ได้สร้างในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เราจะไปค้านมันทำไม ? ผมว่าพี่ศศินก็น่าจะคิดเช่นนั้น

...............................

ผมทราบเรื่องครม.มีมติอนุมัติงบประมาณสร้างเขื่อนแม่วงก์(โดยที่ EHAI ยังไม่ผ่าน ) เมื่อเมษายนปี 2555 ในวงเหล้าวงหนึ่ง ซึ่งประกอบด้วยนักกิจกรรม และอาจารย์ 2-3ท่าน ที่สังคมเรียกว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย พี่คนหนึ่งแซวกับผมว่า "เอ็งหยุดค้านม.นอกระบบเหอะ ค้านกันมาตั้งหลายปีล้ะ เอาเวลาไปค้านเขื่อนแม่วงก์ดีกว่า แม่งครม.อนุมัติงบประมาณแล้ว"

หลังจากวันนั้น ผมกลับมาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม ก่อนที่จะไปร่วมงานเสวนาและดนตรี ที่มูลนิธิสืบจัดที่บ้านอารีย์ นั่นน่าจะเป็นครั้งแรกที่ผมไปคุยกับพี่ศศิน

ท๊อป ผ้าขาวม้า หิ้วกีตาร์ขึ้นรถทัวร์มาร่วมงานโดยที่ไม่ได้ประสานใครไว้ บอกว่าแต่งเพลงค้านเขื่อนแม่วงก์ไว้เพลงนึง อยากขึ้นไปเล่นบนเวที
ผมจูงมือท๊อปเดินไปหลังเวที เจอพี่ศศินอยู่พอดี ก็บอกแกไปทื่อๆว่า น้องตั้งใจมาจากมหาสารคามอยากเล่นเพลงสักเพลงนึง พี่ศศินบอกว่า "เอาเลยๆ ดีใจและขอบคุณมากที่มาช่วยกัน"

หลังจากงานในวันนั้นกลุ่มกิจกรรมที่ผมร่วมงานได้ เริ่มคุยกันเรื่องเขื่อนแม่วงก์กันบ่อยขึ้น(ในวงเหล้า) ก่อนที่เพื่อนคนนึงจากธรรมศาสตร์จะเสนอให้ใช้หน้ากากเสือเป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว

ต้นเดือนมิถุนายน 2555 #ไอ้พวกนักกิจกรรม ประมาณ 30 คนใส่หน้ากากเสือเดินเพ่นพ่านอยู่หน้าหอศิลป์กทม. มาบุญครอง สยาม ขึ้น BTS แจกสติ๊กเกอร์ค้านเขื่อนแม่วงก์พร้อมแผ่นพับข้อมูล ที่พี่ๆจากมูลนิธิสืบฯ ขนมาให้
เป็นการแอคชั่นกลางเมือง ครั้งแรก

(ต่อมาพวกเราหลายคนที่ใส่หน้ากากเสือในวันนั้นก็ถูกจับหลังรัฐประหาร ที่ม.เกษตร เพราะว่าออกไปค้านเขื่อนแม่วงก์ เหมือนเดิม)

ปลายปี 55 ขบวนการหน้ากากเสือแตกหน่อ ออกลูกจาก 30 คน เป็น 100 คนเดินเพ่นพล่านที่อนุสารีย์ชับสมรภูมิ ในงานคอนเสิร์ตเงาไม้ใต้น้ำ พี่ศศินขึ้นเวที และกล่าวชื่นชมบรรดาคนรุ่นใหม่ บอกว่าใครทำอะไรได้ก็ทำ มูลนิธิสืบคงไม่มีแรงไปทำทุกเรื่อง
พวกใส่หน้ากากเสือหลายคนในวันนั้นออกมาต้านรัฐประหารที่อนุสารีย์ชัยฯ เหมือนเดิมหลังรัฐประหาร 22 พค.2557

หลังจากนั้นผมเจอพี่ศศินบ่อยขึ้นตามงานต่างๆ ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายๆเรื่อง นอกจากเรื่องเขื่อนแม่วงก์

ราวๆกลาง ปี 56 ผมได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเตรียมงานรำลึกสืบ นาคะเสถียร ที่ห้วยขาแข้ง นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่าพี่ศศินจะเดินค้านเขื่อนแม่วงก์ แกบอกผมที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ว่าจะเดินเท้าจากกรุงเทพฯ ขึ้นไปแม่วงก์ และถามว่ามีข้อเสนออะไรบ้าง (ตอนนั้นจำไม่ได้ว่าผมเสนออะไรไป ฮา) ก่อนที่จะมีการมาปรับเปลี่ยนเป็นเดินจากแม่วงก์ลงมากรุงเทพฯ ในตอนหลัง

กันยายน ปี 56 ผมขึ้นไปช่วยงานรำลึกสืบ นาคะเสถียรที่ห้วยขาแข้ง กลับลงมาหลังจากนั้นไม่กี่วัน พี่ศศินก็เริ่มเดินค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์ ซึ่งผมยืนยันว่าในการรับรู้ของผม พี่ศศินไม่ได้เดินค้าน EHIA เขื่อนแม่วงก์เพื่อนำไปสู่การล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นั่นไปความคิดที่คนบางกลุ่มเคลมกันไปเอง

เรื่องนี้น่าจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นหลังจากมีเวที กปปส. หรือคปท. เคื่อนไหวคัดค้านพรบ.นิรโทษกรรม และยกระดับไปสู่การขับไล่รัฐบาล ล้มการเลือกตั้ง พี่ศศินซึ่งโด่งดังจากการเดินจากแม่วงก์มาถึงกทม. ก็ไม่ได้โผล่ไปขึ้นเวทีใดๆ แม้ว่าผมจะแอบรู้ว่ามีการข้อร้องกันอยู่เนืองๆก็ตาม

ในเฟซบุ้คของพี่ศศิน ซึ่งผมติดดาว Follow มาตั้งแต่ตอนแกเดินจากแม่วงก์ ก็ไม่เคยโพสท์เรียกทหารออกมาทำรัฐประหาร ตรงกันข้ามในสเตตัส ที่ผมโพสทส์วิจารณ์กปปส. โดยการยึดหลักการและกระบวนการประชาธิปไตย ผมก็ยังเห็นพี่ศศินมาไลค์ มาคอมเมนท์อยู่เนืองๆ

หลังรัฐประหารในเวทีสมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พี่ศศินขึ้นเสวนาในห้องที่มีคนฟังหลายร้อยคน บอกว่า "ผมจะไม่ไปสมัครเป็นสปช. เพราะเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกเสียงดีงกว่า"

ตอนผมติดคุก พี่ศศินเป็นคนหนึ่งที่โพสท์ให้กำลังใจและแสดงความคิดถึง

สำหรับผม พี่ศศิน ที่ผมรู้จักก็เป็นอย่างที่แกอธิบายตัวเองอยู่เสมอตามประโยคง่ายๆที่ว่า "ขวาไม่ได้ ซ้ายไม่พอ" ผมเชื่อว่าพี่ศศินไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาเขื่อนแม่วงก์ในทุกรัฐบาล และถ้ารัฐบาลคสช.อนุมัติงบประมาณสร้างเขื่อนแม่วงก์ ทั้งที่ EHIA ยังไม่ผ่าน ผมคิดว่าคนชื่อศศิน ต้องประท้วงแน่นอน คนชื่อแมน ปกรณ์ ก็จะไปร่วมด้วยแน่นอน

......................................

ประชาธิปไตยที่ผมรัก

ผมไม่ค่อยเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เพียงแต่ผมยึดประชาธิปไตยเป็นหลักในการใช้ชีวิต

สำหรับผมประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่ถ้าไม่มีเลือกตั้งเราก็เป็นประชาธิปไตยลำบาก

สำหรับผมประชาธิปไตยเป็นทั้งหลักการ เป็นทั้งกระบวนการในการเคลื่อนไหวและในชีวิตประจำวัน และแน่นอนมันเป็นเป้าหมายที่เราต้องต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อให้ได้มันมา

ผมจึงไม่สามารถแยกประชาธิปไตยออกจากชีวิตประจำวันของตนเองได้
หากเราลองใช้ประชาธิปไตยแบบมีเหตุมีผล ต่อกรณีของพี่ศศินและเขื่อนแม่วงก์ นั่งลงนิ่งๆ ดูข้อมูลดี เราจะพบว่ามันมีเรื่องที่น่าทบทวนอยู่ไม่น้อย เช่นว่า

รัฐบาลยิ่งลักษณ์อนุมัติงบประมาณสร้างเขื่อแม่วงก์ทั้งๆที่ยังไม่ผ่าน EHIA
เมื่อเดือนเมษายนปี 2555
แต่พี่ศศินพึ่งจะมาเดินค้านเขื่อนแม่วงก์เอาเมื่อตอนเดือนกันยายน 2556
ใช้เวลานั่งเฉยๆ เล่นเฟซบุ้ค ปล่อยให้พวกนักศึกษาออกไปใส่หน้ากากเสืออยู่เป็นปีๆ กว่าจะออกมาเดิน

คล้ายๆกับสถานการณ์ตอนนี้ ที่บางคนอาจจะถูกแขวะและค่อนขอดว่า ทำไมถึงนั่งเฉยๆ เล่นเฟซบุ้คปล่อยให้นักศึกษาออกมาค้านรัฐประหาร ถูกจับปรับทรรศนะคติอยู่เนืองๆ

ข้อเท็จจริงก็คือไม่มีใครนั่งเฉยๆ หรอกครับ เพราะการเคลื่อนไหวแต่ละครั้งมันไม่ได้มีเฉพาะหน้าฉาก มันมีการทำงานเบื้องหลัง มีคนทำงานเบื้องหลัง กันทั้งนั้น

การวิพากษ์วิจารณ์กัน เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ในขบวนการที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย แต่ต้องแยกให้ได้ว่า อันไหนคือความเห็น อันไหนคือข้อมูล อันไหนคือข้อเท็จจริง

ผมมีหลายเรื่องที่ไม่เห็นด้วยในเชิงยุทธวิธีการเคลื่อนไหวของพี่ศศิน ผมก็แลกเปลี่ยนกับแกอยู่บ่อยๆ

ผมมีหลายอย่างที่เห็นค้านโดยสิ้นเชิงกับพี่ศศิน เช่น ความเห็นที่แกบอกว่าฝ่ายประชาธิปไตยไม่เคลื่อนไหวหรือวิพากษ์วิจารณ์ระบอบทุนนิยมผูกขาด เพราะเราก็เห็นอยู่ว่านักกิจกรรมรุ่นใหม่ที่คัดค้านโครงการพัฒนาของรัฐที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนมาทุกรัฐบาล ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในรัฐบาลชุดนี้

ประชาชนถูกแบ่งแยกมามากพอแล้วครับ
น่าจะถึงเวลาต่างสว่างกันได้แล้ว

สองสามวันมานี้ เรามัวแต่ทะเลาะกันเอง ในขณะพี่น้องเครือข่ายทวงคืนผังเมืองกำลังเคลื่อนไหวคัดค้าน มาตรา 44 และคำสั่งหัวหน้าคสช. พี่น้องแม่สอดที่จ.ตาก ยังอยูในชะตากรรม ที่ไม่รู้ว่าจะต้องถูกอพยพเมื่อเมื่อไหร่ นั่นก็มาตารา 44 นะครับ

พี่น้องประมงชายฝั่ง กำลังคัดค้าน ม.34 ของพรก.ประมง ที่ห้ามเรือเล็กออกจากฝั่ง

ในขณะที่ร่างรัฐธรรมนูญ กำลังถูกแปรญัติ จากร่างห่วยๆ ที่เราต่างก็รับไม่ได้ โดยเฉพาะในหมวดสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยที่หายไปกว่า 22 มาตรา ไม่มีเรื่องสิทธิชุมชน สิทธิในการชุมนุมก็อยู่ภายใต้ความมั่นคงของรัฐ สิทธิในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญก็หายไป สิทธิในการเข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานก็ลดลงจาก 12 ปี เหลือแค่ภาคบังคับ 9 ปี

ยังไม่นับรวมเรื่ององค์การอิสระที่จะมีอำนาจเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ผมคิดว่า เราเอาเวลาไปคิดว่าจะสร้างประชาธิปไตยที่ดีกว่าที่ผ่านมาได้อย่างไร กันดีกว่าครับ

แยกมิตรแยกศัตรูให้ชัดใครกันแน่ที่เป็นอยากสร้างเขื่อน ใครกันแน่ที่เป็นศัตรูของประชาชน เรียกร้องตนเองผ่อนปรนคนอื่นบ้าง
ผมคิดว่าถ้าต้องเลือกข้างจริงๆ ประชาธิปไตยที่ผมรัก ก็เป็นน่าจะทำให้พวกเราพอคุยกันได้ เหมือนที่ผมคุยกับพี่ศศินได้เสมอ เพราะแกเองก็เป็นพวก "ขวาไม่ได้ ซ้ายไม่พอ" ครับ

ขอแลกเปลี่ยนประมาณนี้ครับ

เชิญอภิปราย

...............................................

ภาพถ่าย เมื่อ 57 ตอนไปให้กำลังใจพี่ศศิน ตอนนั่งหน้าสผ.ค้านการพิจารณา EHIA เขื่อนแม่วงก์ ในรัฐบาลคสช. เป็นวันหลังจากที่ผมถูกประหารควบคุมตัวกรณีจัดงานทอล์กโชว์พื้นดินเราที่ดินใคร

ที่มาจากเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10209232485912642&set=a.3465407557360.2162179.1336146274&type=3&theater