posttoday

กรุณาอย่าจอดขวางประตูบ้าน

07 มิถุนายน 2558

อินทรชัย พาณิชกุล

โดย...อินทรชัย พาณิชกุล

หงุดหงิดงุ่นง่านมาหลายวัน คิดในใจว่าอีกไม่นานคงได้เตะคนแน่ๆ

เรื่องของเรื่องคือ หมู่บ้านทาวน์เฮาส์ที่ผมอาศัยอยู่ สมัยก่อนถนนยังโล่ง ตรอกซอกซอยรถสามารถแล่นสวนกันได้สบายๆ ไม่เหมือนทุกวันนี้ที่รถใครไม่รู้มาจอดแปะกันแน่นแออัดไปหมด

ปัญหาจะไม่เกิดถ้าบ้านผมไม่ตั้งอยู่ตรงทางสามแพร่ง และไม่มีรถเพื่อนบ้านมาจอดขวางประตูรั้ว

ด้วยความที่ขับกระบะคันใหญ่ เวลาเข้าออกแต่ละทีต้องใช้ทักษะและพื้นที่พอสมควร เรียกว่าทุกวันต้องลุ้นกันตัวโก่งกว่าจะนำรถเข้าบ้านได้อย่างปลอดภัย

เดิมทีบริเวณถนนหน้าบ้านจะไม่มีรถมาจอด ทุกคนต่างนำรถเข้าไปจอดไว้ในบ้านของตัวเองตามมารยาทที่พึงปฏิบัติ กระนั้นก็ไม่วายมีเพื่อนบ้านบางคนที่ฐานะร่ำรวย มีรถสองสามคัน ทว่าที่จอดไม่พอ หรือมีบุคคลภายนอกจากซอยอื่นถือวิสาสะนำรถมาจอด ทำให้ผมต้องปวดหัว เพราะถอยรถออกจากบ้านตัวเองไม่ได้

ทำเป็นเล่นไป เรื่องที่จอดรถในหมู่บ้านนี่มันปัญหาระดับชาตินะครับ

หลายครั้งหลายหนที่ผมต้องยืนเกาหัวอย่างเซ็งๆ มองดูรถคนอื่นจอดขวางบ้านตัวเอง โชคดีหากจำได้ว่าเป็นรถของเพื่อนบ้านใกล้เคียง ยังเดินไปบอกกล่าวขอให้ขยับเขยื้อนได้ไม่มีปัญหา โชคร้ายถ้าเป็นรถใครก็ไม่รู้ ตามตัวไม่เจอ ก็ต้องรอเจ้าของรถสถานเดียว

ผมเป็นคนใจร้อน แต่ไม่เคยบุ่มบ่ามตะโกนชี้หน้าด่าใคร มิต้องเอ่ยถึงการเอาเรื่องเอาราวถึงโรงถึงศาล ยิ่งยุ่งยากและเสียเวลา ถ้าพอจะพูดคุยปรับความเข้าใจหยวนๆ กันได้ก็ทำไปเถอะ

บางทีการที่ชีวิตเจอเรื่องยุ่งยากรำคาญใจบ้าง มันก็ฝึกความอดทนอดกลั้นได้เหมือนกัน

ถึงอย่างนั้น เวลาเข้าไปอ่านเจอในพันทิปเกี่ยวกับปัญหาที่จอดรถในหมู่บ้านก็กระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านอย่างลืมตัว สุดทนกับสารพัดพฤติกรรมเพื่อนบ้านแย่ๆ แล้งน้ำใจ เบียดเบียนผู้อื่นอย่างน่ารังเกียจ ขณะเดียวกันก็สะใจไปกับการแก้ปัญหาตามคำแนะนำของใครหลายคน ตั้งแต่วิธีฮาร์ดคอร์อย่างเจาะยาง เอาเหรียญบาทขูดให้เป็นรอย ฉีดน้ำปลาใส่กรอบประตู ถีบกระจกข้าง ราดด้วยน้ำมันเบรก ถอยชนดื้อๆ

ทุกวิธีล้วนแต่จะทำให้เรื่องบานปลายใหญ่โตไม่จบไม่สิ้น

แต่แล้วสวรรค์ก็บันดาลทางออกให้ โดยไม่กระทบกระทั่งบาดหมาง ไม่ต้องวิวาทบาดถลุงกับใคร จำได้ว่าวันนั้นผมขับรถกลับมาพบกับรถคันเดียวและคันเดิมที่มาจอดขวางหน้าบ้าน อารมณ์โกรธปะทุในใจเหมือนไฟที่กำลังจะติด เหมือนระเบิดเวลาที่พร้อมจะทำงานภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

ขณะเปิดประตูลงไป สมองคิดแต่เรื่องที่อ่านเจอในพันทิป ภาพตัวเองกำลังทุบรถคันนั้นอย่างบ้าคลั่งผุดขึ้นในหัว คิดถึงตัวเองกำลังทะเลาะวิวาทชกต่อยกับเจ้าของรถ และเจ้าของรถคันนั้นคว้าปืนในรถออกมายิงป้องกันตัว

ผมดึงสติกลับคืนมา เหลือบไปเห็นกล้องวงจรปิดตรงเสาไฟฟ้า มันกำลังมองมาพอดี ราวกับจะเตือนว่า “อย่าทำอะไรบ้าๆ กูจับตามองมึงอยู่นะ” ภาพตัวเองกำลังขึ้นโรงพัก ภาพพ่อแม่ น้องสาว คนรัก เพื่อนฝูง หน้าที่การงานลอยมาให้รู้สึกว่าชีวิตยังมีสิ่งสำคัญเหล่านั้นเป็นเดิมพัน

สูดหายใจลึกๆ เดินกลับขึ้นรถ หยิบกระดาษปากกาเขียนตัวโตชัดเจน “ช่วยขยับรถหน่อยครับ ผมเอารถเข้าออกจากบ้านลำบากมาก ขอบคุณครับ” ก่อนนำไปพับแปะไว้ตรงหน้ากระจกรถคันดังกล่าว แล้วเข้าบ้านด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

วันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับเรื่องเซอร์ไพรส์ เมื่อพบว่ารถคันที่จอดขวางวันแล้ววันเล่าได้หายไปแล้ว และไม่มาจอดอีกเลยนับตั้งแต่นั้น เหมือนความทุกข์ที่สะสมมานานนับเดือนไปมลายไปสิ้น โชคดีเหลือเกินที่เลือกใช้วิธีหาทางออกเช่นนี้ ไม่งั้นปัญหาอาจยืดเยื้อจนควบคุมไม่ได้