ข้อเสนอใหม่ในเวทีปรองดองคสช.
เฟซบุ๊ก I-Mong Pattara Khumphitak
เฟซบุ๊ก I-Mong Pattara Khumphitak
ข้อเสนอใหม่ในเวทีปรองดองคสช.
ไปร่วมประชุมตามคำเชิญคสช.เมื่อสายวันที่ 23 เม.ย.เลยได้ทราบว่ามีคนที่คสช.เห็นว่า เป็นผู้รู้สถานการณ์ของประเทศและเป็นผู้นำความคิดอยู่ประมาณ 82 คน แต่มีคนไปร่วมประชุม ราวๆ 40 กว่าคน
มองเห็นคนจากพรรคเพื่อไทย นปช.และผู้นำความคิดในปีกเสื้อแดงเยอะกว่ากลุ่มอื่น
อีกฟากก็มี อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คุณชำนิ ศักดิเศรษฐ์ และตัวแทนจากพรรคการเมืองหลายพรรค รวมทั้งนักวิชาการบางท่านซึ่งก็มีจุดยืนทางการเมืองต่างๆกันไป
สื่อมวลชนถูกเชิญ 6 คน ที่ทราบเพราะเห็นในกระดาษตอนเซ็นชื่อ แต่ดูเหมือนไม่มา 2 คน
เริ่มสนทนากันโดยฝ่ายทหารเล่าเรื่องการทำงานของการปรองดองให้ฟังว่า ทำมาอย่างไร ข้อมูลส่วนใหญ่ก็เล่าสถานการณ์เด่นในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และสถิติว่า จัดมากี่เวที
พอให้แสดงความเห็น ก็มีการระบุชื่อเลย เริ่มจากคุณสมชาย หอมละออ
เมื่อเริ่มคุยและมีบรรยากาศว่า มาขอรับฟังความเห็นในฐานะดังกล่าวจริงๆไม่มีเรื่องอื่น ก็เลยเริ่มมีคนพูดมากขึ้น
คุณอภิสิทธิ์มีธุระตอนเที่ยงเลยบรรเลงเป็นคนถัดมา
คุณอภิสิทธิ์พูดได้ชัดมาก ว่า การปรองดองไม่ใช่ให้คนมาคิดเหมือนกัน หากแต่ต้องให้คนอยู่กันด้วยความหลากหลายได้ จะปรองดองได้ 1.ต้องทำเรื่องกระบวนความยุติธรรม 2.ต้องมีกระบวนการประชาธิปไตย สองเรื่องนี้ต้องให้ชัด อันไหนต้องจบด้วยกระบวนการยุติธรรม ก็ว่ากันไป ส่วนที่เป็นเรื่องประชาธิปไตยก็ต้องว่าไปด้วยแบบแผนของความเป็นประชาธิปไตย มิใช่เอาเรื่องประชาธิปไตยไปละเมิดสิทธิคนอื่น ฯลฯ
คุณอภิสิทธิ์พูดทั้ังหลักแล้วยังลงรายละเอียดเช่นว่า คสช.ต้องทำกระบวนการให้สังคมเรียนรู้และเปลี่ยนผ่านให้ได้แต่สิ่งเเหล่านั้นจะไม่เกิดเลยถ้าปิดสื่อ ปิดกั้นเสรีภาพการแสดงออกทางวิชาการหรือกิจกรรมทางการเมือง สังคมควรจะได้เรียนรู้เรื่องการใช้เสรีภาพเหล่านั้นโดยปราศจากการปลุกเร้าหรือการสร้างความรุนแรง
ฉะนั้น จึงเหมือนรอยเท้าช้างที่ประทับไว้ก่อนคนอื่น พออีกหลายคนถัดมาพูดเรื่องไม่ควรปิดกั้นการแสดงออก ฯลฯ เลยอยู่ในรอยนี้หมด
คุณจตุพร พรหมพันธุ์ และคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็พูดดีเช่นกัน
คุณจตุพรนั้นพูดชัดเลยว่าเลือกตั้งใหม่โดยรัฐธรรมนูญนี้จะนำมาซึ่งหายนะทางเศรษฐกิจ การเมืองและสังคม ฯลฯ
คุณณัฐวุฒินั้นเสนอโรดแมปส่วนตัวซึ่งน่าสนใจเช่น ขอให้มีการประกันตัวของผู้ต้องหาที่เป็นชาวบ้านทั่วไปไม่ว่าข้างไหน เสนอให้พัฒนาการคุยกันวันนี้เป็นระบบที่สามารถหารือกันได้ต่อไปอีก เสนอให้จัดทำกติกาที่เป็นธรรม นำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นธรรม ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นให้กรรมการองค์กรอิสระลาแสดงสปิริตลาออก ถ้าอยากกลับมาให้เสนอตัวกลับมาตามช่องทางของรัฐธรรมนูญใหม่ ฯลฯ
น่าสนใจว่า ฟากการเมือง ทั้งประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย ฯลฯ ล้วนพูดสอดคล้องกันประการหนึ่งคือ ถ้ารัฐธรรมนูญใหม่เป็นไปตามที่เห็น ประเทศจะหมุนกลับไปที่เก่า และปัญหาจะหนักกว่าเก่าอีก
สรุปสั้นๆง่ายๆคือ ฝ่ายพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่มาร่วมประชุมซึ่งในคราวนี้ซึ่งก็คือ นปช. อยากเห็นกติกาที่เป็นธรรม อยากได้รัฐธรรมนูญรูปโฉมอื่น ไม่ใช่แบบนี้ และหลายเสียงระบุชัดว่า อยากให้มีการทำประชามติ
ที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้เลยคือ ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ถ้าจะเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 2-3 ปี ทั้งพรรคการเมืองและนปช.ก็ไม่ขัดเพราะดีกว่าประเทศจะลงเหว
โจทย์ทางการเมืองข้อใหม่และข้อใหญ่ปรากฏอยู่ในเวทีนี้ชัดมาก ใครจะได้ยินยังไงไม่รู้เพราะพูดกันนานถึง 5 ชั่วโมง หลายคนอาจจะได้ยินเรื่องอื่นแต่ผมได้ยินแบบนี้
โจทย์นี้น่าสนใจมากและเป็นเรื่องไม่ธรรมดา
ภาพจาก โพสต์ทูเดย์